เทพสงครามนัมเบอร์วัน

บทที่11 ศักดิ์ศรีของคุณชายเหยียบย่ำไม่ได้



บทที่11 ศักดิ์ศรีของคุณชายเหยียบย่ำไม่ได้

“หลุมศพของแม่ผู้เป็นที่รัก หลินซิ่วเสว่!”

ค่ไม่กี่คำ แต่เต็มไปด้วยความทรงจำและความเสียใจของเ เทียนอย่างมาก

ในความทรงจำ ตอนที่อายุเพียง 3-4 ขวบ ในขณะที่ต้องหนี ไปทั่วสารทิศตามคุณแม่

ความหมดหวังและหมดหนทางของคุณแม่ เหมือนกับว่ายังคง อยู่ในสายตา

ในตอนนั้น เย่เทียนไม่เข้าใจ คนอื่นมีบ้าน ทําไมเขาไม่มี คนอื่นมีพ่อ ทำไมเขาไม่มี คนอื่นไม่ต้องกังวลเรื่องกินอยู่ ทำไมเขากลับต้องเร่ร่อนใช้

ชีวิตนําบาก

เย่เทียนเคยถามคุณแม่ แต่ไม่ได้คำตอบ

แม้กระทั่งพ่อของตัวเองเป็นใครก็ยังไม่รู้

สิ่งเดียวที่ชัดเจนก็คือ เย่เทียน เพียงสองคำนี้

จนถึงตอนที่อายุ 4 ขวบ คุณแม่เสียชีวิตด้วยอาการป่วย เย เทียนเหมือนจะเข้าใจแล้ว!
ทั้งหมดนี้ ล้วนเกิดจากการโต้เถียงกันเรื่องอำนาจ เกิดจากศักดิ์ศรีที่ดื้อด้านของคนที่คิดว่าตัวเองอยู่เหนือกว่า ก่อนที่คุณแม่จะเสีย มีความหวังว่าเธ่เทียนจะเป็นแค่บุคคล ธรรมดา

เพราะว่าคนที่ตามฆ่าพวกเขาสองแม่ลูกนั้นมีอำนาจมาก มาก จนทําให้รู้สึกว่าหมดหวัง

และยิ่งไม่อยากให้ความแค้นของรุ่นก่อนมาฉายซ้ำอีก

แต่เย่จิ้งซานกลับคอยบอกกับเขาตลอดว่า

“เย่เทียน จําไว้นะ ตัวตนของแม่นายไม่ธรรมดามาก สามารถ กดดันเธอจนถึงจุดนี้ได้ อำนาจของอีกฝ่ายฉันเองก็ไม่อาจคาดถึง อยากแก้แค้นให้กับแม่ของนาย นายก็จะต้องมีอำนาจและเป็น คนที่เหนือกว่าผู้คน มีอำนาจที่ผู้คนไม่อาจคาดถึง

“ไม่อย่างนั้น ความเสียใจนี้ นายทำได้แค่เพียงเก็บซ่อนไว้ ตลอดชีวิต สุดท้ายก็พามันเข้าพร้อมกับโลงศพ”

“และฐานะตัวตนของนาย นายทำได้เพียงแค่ตามหามันเอง!

“เย่เทียน คุณนายหลินหวังว่านายจะเป็นคนธรรมดา แต่ฉัน เชื่อว่า เธอจะต้องไม่พอใจ รวมทั้งนายเองก็ไม่พอใจเช่นกัน!”

“ไปเถอะ บางทีในกองทัพอาจจะเหมาะกับนาย! ไปเถอะ…

เย่เทียนจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง? ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะเข้าร่วมกองทัพ!
ไปครั้งนี้ ก็นานกว่าสิบปี

ในวันนี้ เย่เทียนประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงเลื่องลือ แต่ก็ยังสืบหาคนที่ไล่ฆ่าพวกเขาแม่ลูกไม่ได้เลย รู้เพียงแค่ว่า อีกฝ่ายอยู่เมืองจิงตู มีลูกน้องมากมาย

“แม่ครับ ลูกไม่กตัญญูเอง!”

สิบปี ถึงแม้เยจิ้งซานจะคอยมาทำความสะอาดหลุมศพบ่อย ครั้ง แต่เนินดินก็ยังมีพวกวัชพืชอยู่มากมาย

เย่เทียนรู้ว่าคุณแม่ไม่พอใจ ไม่พอใจที่เร่ร่อนใช้ชีวิตลำบาก ไม่พอใจที่ต้องตายไปอย่างนั้น “ลูกขอสัญญา จะต้องหาคนร้ายมาให้ได้! หนี้แค้นเลือดนี้ จะ

ต้องมีเลือดมาชดใช้!”

เยเทียนคุกเข่าสองข้าง แผ่นหลังยืดตรง เหมือนดั่งรูปปั้นแข็ง ทอ ไม่เอ่ยอะไรและก็ไม่ขยับ

เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แต่หลินขุยรู้ว่าในตอนนี้ คุณชายกำลัง สื่อสารผ่านจิตวิญญาณอยู่กับนายท่านหญิงอยู่

“ไปเถอะ!”

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เย่เทียนถึงกลับไปที่รถ ท่าทางอ้างว้าง

โดดเดี่ยว

หลินขุยสตาร์ตรถเงียบๆ ในใจรู้สึกเคร่งขรึม

สิบปีแล้ว ทั่วโลกรู้เพียงแค่ว่าเทพสงครามเปียเย่ออกรบไม่เคยพ่ายแพ้ เทพสงครามหลิงเทียนชื่อเสียงน่าเกรงขาม มีชื่อ จารึกในประวัติศาสตร์

แต่จะมีใครที่รู้ถึงความลำบากและหมดหนทางในใจของ คุณชายบ้าง?

ยิ่งขึ้นอยู่สูง ก็ยิ่งเหน็บหนาว

ถ้าไม่มีเรื่องการเมืองมาตั้งไว้ คุณชายคงจะฆ่าไปทั่วเมืองจิง

แล้ว

ตั้งแต่สมัยโบราณ เรื่องความจงรักภักดีและกตัญญูยากที่จะ สําเร็จพร้อมทั้งสองอย่าง ช่างน่าเศร้าและน่าขันสิ้นดี

รถยนต์ค่อยๆไกลจากภูเขาซิ่วเสว สายตาของเยเทียนก็ยิ่ง หนักแน่นขึ้น!

ครั้งหน้าที่มาเคารพศพคุณแม่ จะต้องเอาเลือดของคนร้ายมา

สักการะให้ได้

ไม่อย่างนั้น ความแค้นยี่สิบกว่าปีนี้ จะสามารถลบล้างได้ยัง

ไง?

“อืม? คนๆนี้ขับรถยังไงกัน? ไม่รู้จักตัดไฟยังไง? เพิ่งจะโค้งได้ที่หนึ่ง หลินขุยก็ขมวดคิ้ว

สิ่งที่ตามมา นอกจากเสียงคำรามของเครื่องยนต์รถสปอร์ต ก็ ยังมีแสงไฟที่แสบตาจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น

ไม่มีทางเลือกจึงต้องลดความเร็วของรถลง
ทีนี่มีทางโค้งเยอะ ถนนก็แคบ ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุ จะเสีย เวลาของคุณชายได้

แต่ว่า ในขณะที่รถสองคันกำลังจะสวนทาง ความเร็วรถของอีก ฝ่ายนั้นเร็วเกินไป ล้อหน้าลื่น รถหมุน แล้วก็มุ่งตรงเข้ามายังรถ

เอียด

หลินขุยรีบเหยียบเบรกรถ ล้อรถจี๊ปหมุนไปสักระยะ แล้วก็จอด ลงอย่างรวดเร็ว

แต่ถึงจะอย่างนั้นก็ยังถูกรถสปอร์ตซนเข้ากับหน้ารถ

แรงกระแทกอย่างรุนแรง ร่างกายของหลินขุยพุ่งไปด้านหน้า จนเกือบจะชนเข้ากับกระจกหน้ารถ

เย่เทียนเหมือนรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงนั่งชิดกับเบาะนั่ง ไม่ ขยับเขยื้อนสักนิด

“คุณชายครับ คุณ….

หลินขุยเปิดปากพูดอย่างตื่นตกใจ แต่กลับเห็นเย่เทียนโบก มือนิ่งๆ : ไม่เป็นไร ลงไปดูเถอะ

“ครับ!

เปิดประตูรถออก ก็เห็นเข้ากับรถ Porsche 911 ใหม่เอี่ยม ถึง ขั้นยังไม่มีทะเบียนรถด้วยซ้ำ
ตรงที่ขนกันของหัวรถ มีรอยบุบเข้าไปแผ่นใหญ่ ส่วนไฟขวา นั้นเสียไปแล้ว

“อีก!”

หลินขุยกำลังจะเข้าไปดู ประตูรถ Porsche ก็เปิดออก เด็ก สาวอายุราวๆยี่สิบต้นๆ ใส่เสื้อเดรสสั้นสีดำเดินลงจากรถมา

“นายตาบอดหรอไง? หรือว่ารีบไปหายมบาล? เกือบทำเอา ฉันตกใจตาย”

เด็กสาวหน้าตาถือว่าไม่เลว นวดหัวอย่างเจ็บปวดไปด้วยและ จี้ถามหลินขุยไปด้วย

หลินขุยคิ้วขมวด ในใจก็คิดว่า

คงจะเป็นคุณหนูจากตระกูลไหนออกมาซึ่งรถแน่ๆ

ยังดีที่คนขับคือหลินขุย ไหวตัวเร็ว ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นคน อื่น คงจะเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงที่มีคนตายก็เป็นไปได้

“คุณหนูท่านนี้ครับ คุณเป็นคนไม่ปิดไฟต่ำก่อน และขับเร็วอีก ด้วย จะมาโทษผมได้ยังไง? คุณมีใบขับขี่มั้ย ทำไมไม่รู้แท้กระทั่ง เรื่องพื้นฐานของการขับรถเลย?”

“นายคือตารวจจราจรหรอ? ฉันจะมีไม่มีใบขับขี่แล้วเกี่ยวอะไร กับนาย?”

ใครจะไปรู้ว่าสาวน้อยถลึงตาแล้วก็โวยวายอย่างไร้เหตุผล “ถนนนี้ ฉันจะขับยังไงก็ได้ นายจะทำอะไรฉันได้? คนแก่โง่ๆอย่างนาย ชนตายก็ถือว่าสมน้ำหน้า

“เห็นมั้ยว่านี่คือรถที่ฉันซื้อมาใหม่ Porsche 911 สิบกว่าล้าน เชียวนะ ตอนนี้ถูกนายชนจนเป็นแบบนี้ ขายตัวนายทิ้งยังไม่มี ปัญญาชดใช้ได้เลย

เห็นว่าเด็กสาวไร้เหตุผลไม่หยุด หลิน ยก็คิ้วขมวดอีก รู้สึกไม่ พอใจ

“แล้วเธอจะเอายังไง?”

“ฉันจะเอายังไง?” เด็กสาวแสยะยิ้ม “รถจี๊ปแค่นี้อย่างพวก นาย ยังสามารถทำยังไงได้? วันนี้ฉันอารมณ์ดี แค่เพียงนาย คุกเข่าขอโทษฉัน ฉันสามารถปล่อยพวกนายไปได้ ถ้าไม่อย่าง นั้น ฉันรับประกันได้ว่า พวกนายจะไม่มีทางได้เห็นแสงอาทิตย์ ของวันพรุ่งนี้แน่นอน”

เห็นเด็กสาววางตัวเองเป็นใหญ่ขนาดนี้ หลินขุยเองก็ขี้เกียจ ยืดเยื้ออยู่กับเธอ “ให้ฉันขอโทษเธอ? เธอยังไม่สมควรได้รับ แจ้งตำรวจเถอะ ถ้าเป็นความรับผิดชอบของพวกเรา พวกเราจะ รับผิดชอบ ไม่อย่างนั้น ก็อย่ามาหาว่าพวกเรารังแกง่าย”

“โอ๊ะ ปากแข็งซะด้วย” เด็กสาวยิ้มแสยะ แล้วขวางตรงหน้า หลินขุย “ยังจะแจ้งตำรวจ? นายรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร? นายก็ไม่ไป สอบถามดูว่าทั้งเมืองหรงเฉิง มีใครกล้าพูดจาอย่างนี้กับหยาง เจียวเจียวคนนี้บ้าง”

หยางเจียวเจียวถลึงตาใส่หลินขุยอย่างเย่อหยิ่ง “จะบอกนาย นะ ว่าให้พวกนายขอโทษนี่ถือว่าเห็นใจนายแล้ว ถ้าตามนิสัยเมื่อก่อนของฉัน คงจะเหยียบคันเร่งชนพวกนายตายไปแล้ว”

“ให้ไว เวลาฉันมีจํากัด อย่าทำให้ฉันโมโห แล้วก็ไอ้คนบนรถ ยังไม่รีบลงมาอีก ขับแค่รถจี๊ปเท่านั้น ยังจะทำเป็น….แค่ก…” หยางเจียวเจียวยังพูดไม่จบก็หยุดกะทันหัน ใบหน้ามีสีแดง เพราะว่า อยู่ๆมือของหลินขุยก็บีบเข้าที่คอของเธอ ยกเธอขึ้น อย่างไม่อ่อนโยนเลยสักนิด

เหมือนกับว่ายกลูกไก่ตัวหนึ่ง

“หยางเจียวเจียวใช่มั้ย? ถ้ากล้า เธอก็พูดอีกครั้ง?” สายตาหลินขุยเย็นชา น้ำเสียงอำมหิต หยางเจียวเจียวจะด่าเขายังไงก็ไม่เป็นไร แต่ศักดิ์ศรีของคุณชายจะเหยียบย่ำไม่ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ