เดือนประดับทราย

บทที่ 5



บทที่ 5

“ ซวยแล้ว!” พันไมล์บ่นพึมพำเบาๆ

เมื่อเธอเผลอไปสบตาดุดันของซีคอัมราน พันไมล์รีบหลบ สายตา บ่นพึมพำกับตัวเองว่า “งานงอกแน่แล้วเรา

พันไมล์ขยับเข้าไปยืนเบียดพี่ชาย ก่อนจะกระซิบขอความช่วย เหลือจากเขา

“พี่แทนช่วยพูดกับท่านชีคที่สิ ถ้าพายถอดสร้อยเส้นนี้ออก

เมื่อไร จะรีบนำกลับไปคืนให้เขาทันที

แทนไทก้มมองหน้านวลใส ที่บัดนี้จ๋อยสนิทของน้องสาวแล้วก็ รู้สึกสงสาร เขาจึงหันไปช่วยพูดกับท่านชีคแทนน้องสาวของตัว

เอง

“คิดว่าพูดแค่นี้แล้วเรื่องมันก็จะจบลงง่ายๆ อย่างนั้นหรือ” อัม

รานเอ่ยเสียงดุดัน ไม่มีท่าที่ผ่อนปรน

เมื่อเจอประโยคนี้เข้าไปแทนไทก็ถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แต่ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะช่วยพูดแทนพันไมล์

“เอ่อ…”

“หยุด!” ชีคอัมรานยกมือห้าม “ไม่ต้องพูดอะไรแล้วแทน

“ท่านซีคครับ ผมว่าเราควรจะ…” จาบรินพยายามจะช่วยพูด แต่ก็ต้องค้างไว้เพียงแค่นั้น เพราะเขาเหลือบไปเห็นสายตาที่แสดงถึงความไม่พอใจของเจ้านายหนุ่ม

“ใครถามความเห็นของนาย

คำพูดของท่าน ทำให้จบในจำต้องหุบปากให้สนิท

“เรื่องขโมยมันหนีไปแล้วก็แล้วไป” อัมรานบอก

“แต่น้องสาวของนายถือวิสาสะเข้าไปในห้องเก็บสมบัติของ ท่านซีค ซึ่งเป็นห้องที่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าออกโดยพลการ แถมยัง…” เขาเว้นที่จะไม่เอ่ยถึงและใช้เพียงสายตา มองไปยัง สร้อยที่ข้อมือของพันไมล์แทน “โดยที่เราไม่อนุญาต…

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ ทำไมเข้าใจยากจริง” พันไมล์โวย ขัดจังหวะขึ้นอย่างระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่

แต่ชีคหนุ่มไม่สนใจ เขาพูดเน้นช้าซัดต่อว่า “เรื่องนี้ถือว่าผิด กฎของเราอย่าง

“กฎอะไร!” พันไมล์เริ่มระแวง ร่างเล็กบางเบียดแทนไทด้วย ความหวั่นวิตก โดยไม่รู้ตัว

“จาบริน…บอกซิ” อัมรานหันไปสั่งลูกน้อง

“ห้ามผู้ใดแตะต้องสมบัติของท่านชีค โดยมิได้รับอนุญาต ครับ”

“แล้วถ้ามีใครไปแตะจะเกิดอะไรขึ้น” แทนไทย้อนถาม

“โทษคือตายสถานเดียว”

พันไมล์ตาเหลือก เมื่อจู่ๆ ทหารของบารัชก็ตรงเข้ามาจับตัวเธอไว้ ทั้งที่เธอเพิ่งจะรอดพ้นจากการถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมย แต่กลับต้องมารับโทษที่บังอาจไปแตะต้อง สมบัติของท่านค โดยมิได้รับอนุญาต

“พี่แทน” พันไมล์ร้องเรียกอย่างเสียขวัญ มองพี่ชายราวกับจะ ขอความช่วยเหลือ

แทนไทยยับตัว สีหน้าร้อนใจ เพราะคบกันมานาน เขาจึงรู้ถึง นิสัยเฉียบขาดของชีคอัมรานเป็นอย่างดี เห็นเรื่องนี้คงจะไม่จบ ลงง่ายๆ แน่

พันไมล์เริ่มดิ้นรนอีกครั้ง สติเริ่มกระเจิดกระเจิง ปากเล็กๆ ก็ ตะโกนด่าไม่หยุด แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อผู้ใด แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเธอ หมายถึงใคร

“บ้าอำนาจ…โหดร้าย…ป่าเถื่อนที่สุด”

“ท่านชีคครับ พายเพิ่งจะเดินทางมาถึงและยังไม่รู้ธรรมเนียน ของที่นี่ ก็เลยอาจจะซุกซนและทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง กรุณายก โทษให้เธอสักครั้งได้ไหมครับ คิดซะว่าปล่อยลูกหมาลูกแมว”

ขนาดหน้าสิ่วหน้าขวานพันไมล์ยังไม่วายเอ่ยแก้ว่า “พี่

แทน…ลูกคนนะ…ไม่ใช่หมาแมว”

“จะตายอยู่ยังจะทำปากดีอีก” แทนไทหันไปพันไมล์ด้วยน้ำ เสียงจริงจัง จากนั้นก็หันไปขอร้องท่านซีค

“พายอาจจะผิด ที่ไปอยู่ผิดที่ผิดทาง แต่น้องสาวของผมก็ช่วย ไล่จับคนร้าย จนได้ของกลางกลับคืนมาทั้งหมด ความดีนี้น่าจะลบล้างความผิดข้อนั้นได้นะครับ”

“ไข่! ถึงฉันจะเคยทำผิด แต่ก็ยังมีความดีอยู่นะ คุณควรจะ พิจารณาตรงจุดนี้ด้วย”

เมื่อเห็นซีคหนุ่มยังคงนิ่ง จาบรินซึ่งรู้สึกถูกชะตากับพันไมล์จึง พูดขึ้นว่า “เราน่าจะยกโทษให้เธอนะครับท่านชีค”

อัมรานมองพันไมล์นิ่งนาน แม้ที่ท่าภายนอกจะแข็งกร้าว และ ทำปากตะโกนว่าเขา แต่ภายใต้ท่าทีเหล่านั้นเขาเห็นประกาย ตาคู่สวยส่อแววหวาดกลัวอย่างมิอาจซ่อนเร้นไว้ได้ ชีคหนุ่มจึง พยักหน้าส่งสัญญาณให้ทหารปล่อยตัวหญิงสาว

เมื่อได้รับอิสระ คราวนี้พันไมล์เกาะแขนแทนไทแน่นยิ่งขึ้น

“อีตานี่เอาจริงแฮะ” เธอพูดพึมพำเบาๆ ให้ได้ยินแค่สองคน “ดุแบบนี้น่าจะเอาไปเฝ้าหน้าหมู่บ้าน

“พันไมล์!” แทนไทเรียกเสียงเข้ม เพื่อเตือนสติน้องสาวที่ทำ กิริยาไม่เหมาะสม กล่าวพาดพิงถึงชีคอัมรานโดยไม่คิด ทั้งที่อีก ฝ่ายเป็นถึงผู้นำบารัช

พันไมล์ก้มหน้า หลบสายตาดุของพี่ชาย

แทนไท ต้องย้ำเตือนพันไมล์มิให้พูดจาหรือแสดงท่าทีหมิ่น เกียรติคอัมรานเช่นนี้อีก

“เรื่องสร้อยฉันขอโทษ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงห้วนจัด ตาม ประสาคนเจ้าคิดเจ้าแค้น
“พาย!” คราวนี้แทนไทเสียงดังยิ่งกว่าเดิม พันไมล์แอบเบ้หน้า ก่อนจะปรับเปลี่ยนคำพูดซะใหม่

“ฉันขอโทษค่ะ ที่เสียมารยาท หยิบจับของคนอื่นโดยไม่ได้รับ อนุญาต แต่ในเมื่อมันถอดไม่ออก ฉันก็ยินดีที่จะชดใช้เป็นเงิน แทน ให้นะคะ”

เสียงสูดลมหายใจเข้าแรงเร็วของอัมราน ทำให้ทุกคนในที่นั้น เงียบกริบ รังสีอำมหิตที่แผ่กระจายรอบกายบ่งบอกอารมณ์ เจ้าของเป็นอย่างดี

“นึกอยากจะใส่ก็ใส่ อยากจะถอดก็ถอด คิดว่าสมบัติขอ งบารัชใส่ง่ายถอดง่ายขนาดนั้นเลยหรือ

“พูดเข้าใจยากจริง” เธอบ่นอุบ

“ฉันไม่ได้อยากได้สร้อยเส้นนี้” พันไมล์เหลือบมองพี่ชาย แต่เมื่อเห็นสายตาดุนั้นก็เลยเพิ่มเติมคำลงท้าย “หรอกนะคะ”

“แต่คุณก็เห็นแล้วว่า สร้อยบ้านถอดยังไงก็ถอดไม่ออก แล้ว จะให้ฉันทำอย่างไรคะ”

“เรื่องนั้นมันเป็นปัญหาของคุณ แต่สมบัติของชีคอัมรานแม้จะ เป็นหินเพียงแค่ก้อนเดียวก็ต้องได้คืน”

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องให้เวลาฉันหน่อย เดี๋ยวกลับไปที่ห้องจะ ลองถอดดูอีกที”

เมื่อแทนไทเห็นว่า คอัมรานเริ่มอ่อนข้อให้กับน้องสาวของเขา จึงรีบพูดไกล่เกลี่ย
“เดี๋ยวเราจะกลับไปลองหาเครื่องมือมาจัดการกับสร้อยเส้นนี้ คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถอดได้เมื่อไรเราจะรีบนำกลับมา คืนให้ครับ”

อัมรานยืนมองหญิงสาวชาวไทยนิ่งอยู่สักพักก็เอื้อนเอ่ยวาจา

“เพื่อเห็นแกแทนไท ครั้งนี้เราจะยอมปล่อยเธอไปก่อน แต่ขอ ให้จำไว้ว่าเป็นผู้หญิงอย่ามาทำอวดเก่ง หรือปากดีแบบนี้อีก”

เขารู้สึกขัดหูขัดตาทุกครั้งที่เห็นผู้หญิงแสดงท่าทางอวดดี คิด ว่าตัวเก่ง จึงชอบทำตัวห้าวหาญเก่งกล้าเกินงาม อย่างผู้หญิงที่ กำลังยืนเผชิญหน้าเขาอยู่ในตอนนี้

พันไมล์เชิดหน้าขึ้น อ้าปากกำลังจะเถียง ดีที่แทนไทเอามือ ปิดปากเธอไว้ได้ทันเวลา

“ขอบคุณครับท่าน ค” แทนไทบอกพร้อมกับกดศีรษะยุ่งๆ

ของพันไมล์ให้โค้งต่ำลง

จากนั้นก็ลากตัวน้องสาวเดินกลับเข้าไปด้านใน ก่อนที่ปากคม

ๆ จะก่อเรื่องยุ่งขึ้นมาอีกครั้ง

หลังจากจัดการพาแม่จอมยุ่งกลับไปที่ห้องพักเสร็จเรียบร้อย แล้ว แทนไทก็เดินกลับมาสมทบกับเพื่อนทั้งสี่คนของเขา ซึ่ง กำลังนั่งสนทนากันอยู่ภายในห้องรับรอง เมื่อจาบรินเห็นแทนไท เดินเข้ามาก็เอ่ยถาม

“คุณพายถอดสร้อยเส้นนั้นได้ไหมแทน

แทนไทส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะหันไปขอโทษท่านซีคอีกครั้ง

“ผมต้องขอโทษท่านซีคด้วยนะครับ ที่น้องสาวของผมมาก่อ ความวุ่นวายขึ้นที่นี่ หวังว่าท่านคงจะไม่ถือสาหาความอะไร เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“เมื่อมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน เราก็ไม่คิดที่จะถือสาหาความ อะไรน้องสาวของนายหรอก เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้แล้วกันไป อย่าเก็บมาใส่ใจเลย แต่นายต้องดูแลน้องสาวของนายให้ดี เพราะที่นี่มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปจากเดิม

“ขอบคุณนะครับท่านชีค ที่ไม่ถือสาหาความน้องสาวของผม ในครั้งนี้”

“พูดตามปกติก็ได้แทน ที่นี่มีแต่พวกเรากันเอง ไม่จำเป็นต้อง มากพิธีหรอก”

เมื่อบรรยากาศภายในห้องคลายความตึงเครียดลง วาคิมซึ่ง

นิ่งฟังอยู่นานก็ได้เปลี่ยนหัวข้อในการสนทนา

“เราได้ยินพวกทหารพูดกันว่านายพ่ายแพ้ให้กับคุณพาย เรื่อง นี้เป็นความจริงหรือเปล่ายะห์ซิน”

เมื่อเพื่อนรักไม่ตอบ วาคิมก็เลยยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่เขาได้ยินมา นั้นน่าจะมีมูลความจริง

“ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่นายต้องพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิง”

“นั่นสิ ใครๆ ต่างก็รู้ว่าฝีมือการต่อสู้ของผู้พันยะห์ซินไม่เคย เป็นที่สองรองใคร นอกจากท่านช็คของพวกเราแล้วก็แทบจะหาคนที่มีฝีมือการต่อสู้ทัดเทียมกับนายได้ยากเต็มที่” จาบรินเอ่ย สนับสนุนคําพูดของวาคมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ยะห์ชนทําสีหน้าปันยากเมื่อถูกเพื่อนๆ ล้อเลียน

“อาจเป็นเพราะฉันประมาทฝีมือของคู่ต่อสู้ ก็เลยต้องพ่ายแพ้ ให้กับเธอ”

แต่เมื่อหันไปเห็นรอยยิ้มยวนกวนอารมณ์ของเพื่อนรักทั้งสอง ทําให้ยะห์ซินโต้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงขุ่น

“ของแบบนี้ต้องเจอด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะเข้าใจ หรือนาย

อยากจะลองจาบริน” ยะห์ซินย้อนถาม

จาบรินส่ายหัวพร้อมกับเอ่ยขึ้นลอยๆ “ขี้แพ้ชวนตี”

“แพ้ผู้หญิงถือเป็นเรื่องน่าอับอาย แต่ที่มากกว่าความอายคือ ศักดิ์ศรี เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เห็นว่าทหารของเราอ่อนแอ ไร้ ประสิทธิภาพ ผู้หญิงคนเดียวก็ยังไม่สามารถจัดการได้” อัมราน ตำหนิเสียงต่ำ ใบหน้าของเขาเครียดขรึม

องครักษ์ทั้งสามถึงกับเงียบกริบเมื่อได้ยินคำตำหนิของเจ้า

นายหนุ่ม

ยะห์ซินและจาบรินต่างก็มองหน้ากัน เหมือนจะเกี่ยงกันพูด สุด ท้ายยะห์ซินจึงพูดขึ้นว่า

“พรุ่งนี้เช้าผมจะทำรายงานการฝึกทหารไปวางไว้ที่โต๊ะของ ท่านช็คครับ”
อัมรานเลิกคิ้ว ทำให้ยะห์ซินต้องรีบพูดประโยคถัดมา “พร้อมเริ่มการฝึกตามแผนนั้นทันทีครับ

ยะห์ชนเห็นเจ้านายหนุ่มมีสีหน้าพึงพอใจ เขาก็เป่าลมเบาๆ ด้วยความโล่งใจ

เมื่อทุกคนเริ่มเครียดชายหนุ่มสายเลือดไทยก็เลยพูดขึ้นว่า “มันเป็นเพราะน้องสาวจอมยุ่งของฉันเอง

แทนไททนไม่ไหวที่เพื่อนๆ ถูกเจ้านายตำหนิ ทำให้เขาต้อง ชี้แจงให้ทุกคนฟัง

“เพราะพายยื่นมือเข้าไปยุ่งในเรื่องนี้ เลยทำให้ทุกคนถูก ตำหนิ ถ้าน้องสาวฉันเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ เรื่องวุ่นวายอย่าง ในวันนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น”

จาบรินยิ้มด้วยสีหน้าชื่นชม “เป็นอย่างทุกวันนี้ก็น่ารักดี

ทำให้ทุกคนพร้อมใจกันหันกลับไปมองจาบริน

“ชอบต่อยตีกับผู้ชายแบบนี้น่ะหรือที่นายบอกว่าน่ารักดีจาก ริน เห็นตัวเล็กๆ อย่างนี้แต่ฝีมือไม่ธรรมดานะ พันไมล์เคยไปตะ รุมบอลล้มผู้ชายตัวโตๆ มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แถมยังยิงปืน แม่นเป็นที่หนึ่ง”

จาบรินเห็นทุกคนจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกๆ ก็เริ่ม ร้อนตัว และรีบพูดแก้ตัวลิ้นแทบพันกัน

“แค่ชื่นชม! หรือว่าพวกนายไม่ชื่นชมในความสามารถของเธอ” เขาหันไปถามเพื่อนรักทั้งสองเพื่อต้องการหาพวก

ทุกคนได้แต่ยิ้มขันท่าทางชื่นชมจนออกนอกหน้าของจาบริน

“ผมว่าคุณพายดูจะกล้าหาญมากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ นะครับ คงจะมีผู้หญิงไม่มากนักหรอกที่กล้าเผชิญหน้ากับคนร้ายด้วยมือ เปล่าอย่างคุณพ่าย” วาคิมออกความคิดเห็น

“ไม่แปลกหรอกวาคิม เพราะพายเป็นคนรักความยุติธรรมและ ชื่นชอบการต่อสู้ ถ้าพายเห็นอะไรที่มันไม่ถูกต้องพายจะไม่ยอม ปล่อยให้มันผ่านไปง่ายๆ แน่ อย่างในกรณีนี้เป็นต้น พายไม่เคย เกรงกลัวใครไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะมีอิทธิพลมากแค่ไหนก็ตาม อีก ไม่นานนักหรอกพวกนายก็จะได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง

คําตอบของแทนไทเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคน นิสัย ของเธอช่างแตกต่างจากผู้หญิงโดยทั่วไปที่พวกเขาเคยพบเจอ เพราะผู้หญิงโดยส่วนใหญ่ของบาร์ซจะเก่งในด้านการเย็บปักถัก ร้อย และเชี่ยวชาญในการดูแลปรนนิบัติผู้ชาย มากกว่าจะมา สนใจการฝึกอาวุธแบบนี้

“ผู้หญิง!” อัมรานเอ่ยขึ้น “ยุ่งและเรียกร้องไม่สิ้นสุด”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ