เดือนประดับทราย

บทที่ 3



บทที่ 3

หลังแยกจากแทนไท พันไมล์เดินสำรวจห้องนอนหรู ที่ซีคอน รานสั่งให้คนของเขาจัดเตรียมไว้ให้ ภายในห้องถูกจัดตกแต่ง แบบเรียบหรูและมีสไตล์ เฟอร์นิเจอร์แม้จะน้อยชิ้นแต่กลับจัดวาง ไว้ให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างลงตัว

พันไมล์ยืนสำรวจห้องนอนด้วยความตื่นตาตื่นใจ

“ยังกับห้องนอนเจ้าหญิงในนิยาย แล้ว…” พันไมล์รำพึงกับตัว เอง สองเท้าไม่รอช้าซอยถี่แทบเป็นวิ่งตรงไปยังจุดหมาย

“ว้าว!! มีอ่างจากุซซี่ด้วยเหรอ…เลิศค่ะ…เลิศมาก” พันไมล์ อุทานด้วยความพึงพอใจ

ดวงตากลมโตเบิกกว้าง แย้มยิ้มถูกใจ กับความใหญ่โตกว้าง ขวางของห้องน้ำ ซึ่งผนังตกแต่งด้วยลวดลายดอกไม้เล็กๆ น่ารัก ที่สำคัญตรงกลางมีอ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งบ่งบอกได้ถึง ความทันสมัยและถูกใจเธอยิ่งนัก

พันไมล์ไม่รอช้า เธอรีบเปิดน้ำใส่อ่าง แล้วก็ถอดเสื้อผ้าพร้อม กับกระโจนลงไปโดยไม่ลังเล เธอเป็นคนชอบอาบน้ำที่สุด สิ่ง เดียวสำหรับเธอที่มักจะใช้เวลานานนับชั่วโมงคือการอาบน้ำ ซึ่ง เรื่องนี้แทนไทมักจะค่อนขอดอยู่เป็นประจำว่าเพราะเธอสกปรก เวลาอาบนํ้าจึงต้องใช้เวลานานในการขัดสีฉวีวรรณ การอาบน้ำ ได้ขับไล่ความอ่อนเพลียของเธอไปจนหมดสิ้น
เมื่อเวลาผ่านไปได้พักใหญ่พันไมล์ก็เริ่มรู้สึกเบื่อ ตามประสา คนที่ไม่ชอบอยู่นิ่งเฉย ทำให้เธอเลือกที่จะเดินออกมาชมความ สวยงามภายในพาเลซแห่งนี้ และเดินเรื่อยมาจนถึงห้องจัดแสดง ภาพ ซึ่งใช้เป็นที่เก็บของสะสมของท่านครุ่นก่อน ด้วยความ อยากรู้อยากเห็นทำให้หญิงสาวตัดสินใจ เดินเข้าไปภายในห้อง นั้นก่อนที่จะได้รับอนุญาต โดยที่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าสถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ต้องห้าม

ในช่วงจังหวะนั้นเองที่เธอเห็นชายชุดดำคนหนึ่ง กำลังรื้อค้น ข้าวของเหมือนหาอะไรบางอย่าง ท่าทางของเขาดูลับๆ ล่อๆ ไม่ น่าไว้วางใจ และไม่น่าจะใช่คนงานของที่นี่ ทำให้พันไมล์ร้อง กาม

“นายเป็นใคร! เข้ามารื้อค้นอะไรในห้องนี้

ชายชุดดาที่มีผ้าคลุมสีดำปกปิดใบหน้าไว้ถึงกับตกใจ และรีบ วิ่งหนีออกไปจากห้องโดยใช้ประตูอีกด้านหนึ่ง ในมือของเขามี ห่อผ้าติดไปด้วย พันไมล์รับรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นคนร้าย เธอจึงรีบ วิ่งตามไป ปากก็ร้องตะโกนเสียงดังเพื่อสั่งให้ชายชุดด่าหยุดอยู่ ตรงนั้น

“หยุดเดี๋ยวนะไอ้หัวขโมย ฉันบอกให้หยุด สั่งแล้วยังไม่ยอม หยุดอีก อยากลองดีใช่ไหม ได้เดี๋ยวจัดให้

พันไมล์ยังคงวิ่งตามและตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างต่อ เนื่อง “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยจับชายชุดดำคนนั้นไว้ ที”
แต่ก็ยังไม่มีใครปรากฏตัวให้เห็น เธอจึงตะโกนดังขึ้นอีก “ไม่ หยุดใช่ไหมไอ้หัวขโมย เดี๋ยวได้เจอฤทธิ์แม่ไม้มวยไทยแน่” ว่า แล้วก็รีบวิ่งไล่ตามไปจนสุดฝีเท้า

เมื่อออกมานอกตัวอาคาร พันไมล์ได้อาศัยความคล่องแคล่ว ว่องไว วิ่งตรงไปสกัดหน้าชายชุดด่าคนดังกล่าวเอาไว้

“หยุดได้ซะที” หญิงสาวพูดปนเหนื่อยหอบ พร้อมกับยืนดัก หน้าหัวขโมยเพื่อมิให้มันหนีไปได้

คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงโยนถุงผ้า ในมือใส่พันไมล์ และตรงเข้า มาทำร้ายเธอโดยมิทันให้เธอได้ตั้งตัว พันไมล์อาศัยทักษะที่ ฝึกฝนมารับมือขโมยชุดด่าอย่างดุเดือด

ขณะที่กำลังต่อสู้ พันไมล์ก็ร้องตะโกนไม่หยุดว่ามีขโมยบุกเข้า มา เมื่อขโมยเหลือบมองไปยังด้านหลังเธอ เขาเห็นกลุ่มทหาร องครักษ์ของท่านซีควิ่งตรงมายังจุดที่กำลังต่อสู้กันอยู่ จึงผลัก หญิงสาวจนเสียหลักล้มลง และชิงวิ่งหลบหนีไป พันไมล์เห็นว่า คงจะตามไม่ทันก็เลยไม่ได้วิ่งตาม และหันกลับไปมองทหารกลุ่ม ใหญ่ของบารัซที่กำลังวิ่งตรงมายังจุดที่เธอยืนอยู่ หญิงสาวเดิน ไปเก็บข้าวของที่หล่นกระจัดกระจายอยู่ตามพื้น ใส่ถุงผ้าสีดำที่ คนร้ายทําตกไว้ ปากก็บ่นพึมพำว่า

“ไม่ไหว ทหารของบารัซฝีมือพอกับตำรวจไทย ชอบมาตอน ผู้ร้ายตายหรือไม่ก็หนีไปแล้วทุกที”

ขณะกำลังก้มเก็บสร้อยชนิดต่างๆ ใส่ไว้ในถุงผ้า พลันสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นวัตถุบางอย่างหล่นอยู่ข้างตัว พันไมล์ก้ม ลงไปเก็บขึ้นมาดู มันเป็นสร้อย โลหะสีดำ แต่ทว่าลวดลายงดงาม เด่นสะดุดตา แปลกกว่าสร้อยที่เธอเคยพบเห็นมา ทำให้เธอม อาจจะละสายตาไปจากสร้อยเส้นนั้นได้ พันไมล์จ้องมองสร้อยที่ อยู่ในมือนิ่งนานคล้ายกับตกอยู่ในมนตร์สะกดสายตาของเธอ เริ่มพร่ามัว

ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอสวมใส่สร้อยเส้นดังกล่าว แต่ยัง ไม่ทันที่จะได้ถอดคืน เหล่าทหารองครักษ์ของซีคอัมรานก็วิ่งมา ยืนล้อมรอบตัวเธอไว้ ราวกับว่าเธอเป็นคนร้ายทั้งที่ความจริงมัน ไม่ใช่ ทำให้เธอได้สติ พันไมล์สะบัดหัวแรงๆ เพื่อขับไล่ความ งุนงงที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ ก่อนจะส่งของกลางที่เก็บมาได้ คืนให้กับทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ใกล้ตัว

“เอาคืนไป แม้จะมาช้า แต่ก็ยังดีกว่าไม่มา” พันไมล์เอ่ยแกม ประชดนิดๆ ยืนนิ่งรอให้ทหารกล่าวคำขอบคุณ

ในระหว่างนั้นอัมรานได้เดินทางกลับมาถึงจัสตินพาเลซพอดี เขาได้รับรายงานว่ามีคนร้ายบุกเข้ามา จึงรีบขี่ม้าตรงมายังสวน อุทยาน โดยมียะห์ซินควบม้าตามผู้เป็นนายมาติดๆ

เมื่อมาถึงจุดหมาย เขาเห็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงเพรียว สวมชุด แต่งกายรัดกุมสีดำ ยืนอยู่กลางวงล้อมของเหล่าทหารองค์รักษ์ ยะห์ซินนายทหารคนสนิทรีบกระโดดลงจากหลังม้า พร้อมกับ ตะโกนเต็มเสียง

“กล้ามากนะที่บังอาจเข้ามาขโมยของที่นี่”
ชีคอัมรานซึ่งยังคงนั่งอยู่บนหลังม้า จับตาดูสถานการณ์อย่าง เงียบๆ สายตาของเขาจ้องมองไปที่ขโมยร่างสูงโปร่ง ซึ่งตกอยู่ ในวงล้อมของเหล่าทหารองครักษ์

พันไมล์ออกอาการไม่พอใจ ที่ตนเองถูกกล่าวหาว่าเป็นหัว ขโมย “ใครขโมย พูดให้ดีนะ”

“ก็แกไง หลักฐานมันฟ้องอยู่ชัดๆ

“สงสัยว่าคนพวกนี้จะกินฝุ่นทรายเข้าไปเยอะ ถึงได้พูดจามั่ว ชั่วตลอด ระหว่างคนกับคนเลวก็ยังแยกไม่ออก” เธอบ่นเสียง ขุ่น

ใบหน้าของพันไมล์บึ้งตึง เพราะเริ่มรู้สึกหงุดหงิดที่จู่ๆ ก็ถูก ยัดเยียดข้อกล่าวหาว่าเป็นขโมย ทั้งที่เธอพยายามที่จะช่วยจับ ขโมยให้พวกเขาด้วยซ้ำ แต่ว่ามันดันหนีเอาตัวรอดไปได้ซะก่อน ทำให้เธอต้องมาตกที่นั่งลำบากอยู่ในตอนนี้

“บอกว่าไม่ใช่ขโมยฟังไม่รู้เรื่องหรือไง” หญิงสาวตวาดกลับ ไปทันที

ยะห์ซินไม่สนใจคำปฏิเสธ เขาส่งสัญญาณให้ทหารกรูเข้าไป

จับตัวพันไมล์

เธอขยับตัวถอยหลังโดยอัตโนมัติ ปากก็ตะโกนว่า “ก็บอก แล้วไงว่าไม่ใช่ขโมย ฟังไม่รู้เรื่อง ใช่ไหม ชักจะโมโหแล้วนะ”’

หลังจากนั้นพันไมล์ก็ต้องลงมือต่อสู้อีกครั้ง เธอล้มทหารปลาย แถวพวกนั้นไปหลายคน รวมทั้งยะห์ซินนายทหารคนสนิทของชายชุต ที่นั่งดูอยู่บนหลังม้า ก็ถูกเธอชัดจนล้มคว่ำไปเช่นกัน แต่กว่าจะคว่ำเขาได้ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบและใช้แรงที่มีไปจน หมดสิ้น

“ฝีมือไม่เลวนี่” อัมรานพูดพร้อมกับกระโดดลงจากหลังม้า

“ลงมาจากหอคอยได้แล้วสินะ สงสัยคงอยากจะลองของ พัน ไมล์ตอบพร้อมกับพิจารณาชายหนุ่มคนดังกล่าว

ดูจากภายนอกแล้วอายุไม่น่าจะเกินสามสิบ รูปร่างของเขาสูง ใหญ่ สวมชุดและเสื้อคลุมสีดำ พร้อมผ้าโพกศีรษะที่ชาวอาหรับ ทั่วไปนิยมใช้กัน และปกปิดใบหน้าไว้ภายใต้ผ้าคลุมสีดำ ถึง แม้ว่าเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่จะเก่าและเต็มไปด้วยฝุ่นทราย แต่พัน ไมล์ก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีแห่งความเป็นผู้นำ ที่เปล่งประกาย ออกมาจากตัวเขา

แม้เธอจะรู้สึกเหนื่อยล้าจากการวิ่ง และปะทะกับคนร้ายใน ครั้งแรก อีกทั้งยังต้องสู้กับทหารร่างสูงใหญ่อีกหลายคน ทำให้ แรงปะทะของเธอเริ่มลดน้อยถอยลง แต่คนอย่างพันไมล์ไม่เคย เกรงกลัวผู้ใด แม้แต่บุรุษที่น่าเกรงขามที่ยืนตระหง่านอยู่ตรง หน้า

เมื่อชายคนนั้นกระโจนเข้าหาเธอ พันไมล์จึงปล่อยหมัดเล็กๆ ไปสกัดไว้ แต่ฝีมือของเขาร้ายกาจกว่าทหารพวกนั้นหลายเท่านัก ไม่นานเธอก็ถูกเขาลุกไล่จนต้องถอยล่นไป

สัมผัสได้ถึงความอวบอุ่น นุ่มนิ่มของทรวงอกสาว พันไมล์ พยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนที่แข็งแรงราวกับเหล็กกล้านั้น แต่แรงของเธอหรือจะสู้แรงของผู้ชายได้ แม้จะสู้แรงอีกฝ่าย ไม่ได้แต่พันไมล์ก็ไม่ยอมอยู่นิ่งเฉย เธอดิ้นรนจนสุดกำลัง ปากก ตะโกนสั่งด้วยความโมโห

“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า! มาจับฉันไว้ทำไม

พันไมล์ออกแรงดิ้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เมื่อรู้สึกถึงกล้ามเนื้อ แกร่งสัมผัสเสียดสีกับทรวงคู่งามของตัวเอง

อัมรานยิ้มหยันที่มุมปาก เขาจ้องมองไปที่หัวขโมยด้วยดวงตา แข็งกร้าว

“หยุดโวยวายได้แล้ว

เขาสั่งเสียงเข้มวางอำนาจ แต่มีหรือที่คนอย่างพันไมล์จะยอม

ฟัง

“ก็ปล่อยฉันก่อนสิ” พันไมล์ตะโกนและยังดิ้นรนอยู่เช่นเดิม

“ถ้าไม่หยุดตาย!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ