เค้กนี้เป็นลูกของเรานะ

ตอนที่4 ไปตรวจ DNA



ตอนที่4 ไปตรวจ DNA

คํานั้นคําเดียวทําให้หัวใจของลันตากระวนกระวายขึ้น ทันที โพล่งคำพูดออกไปอย่าตื่นตระหนก: “ไม่ได้ !”

คิ้วของประยงบิดขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่สบายใจ “อ้าว ทำไมไม่ได้ล่ะ?”

ลันตาปรับเปลี่ยนสีหน้าท่าทางให้ดูอ่อนโยนขึ้น ทันที “ยังไงก็ตาม แล้ว เขาเป็นลูกของพี่สาวฉันนะค่ะ แม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแท้ๆ แต่ก็เป็นสายเลือดของ ครอบครัวฉันก็ควรที่จะอยู่กับฉันที่นี่นะคะ”

ประยงขยิบตาแน่น แต่คำที่ลันตาพูดมันก็มีเหตุผล

เด็กคนนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกลับเขา แล้วทำไมเมื่อกี้ เขาจึงมีความคิดว่าอยากเอาเด็กมาด้วยเนี่ย ?

ปริศนาบ้าอะไรเนี่ย !

ประยงก็กวาดล้างความคิดนั่นไปในไม่ช้า แล้วกอด เอวบางของลันตาและขับรถยนต์ไปโรงพยาบาลด้วย ตัวเอง

รถเพิ่งจะออกจากคฤหาสน์ไปไม่นาน ญาอี๋ก็รีบ เหวี่ยงตัวเองไปกระแทกกระจกรถ พลางตะโกนออกไป อย่างเคียดแค้น: “ประยง เอาลูกของฉันคืนมานะ !”

ดูเหมือนว่าลันตาจะสะดุ้งตกใจกับเสียงกรีดร้อง
เพื่อเด็กแล้วญาอี้สามารถตบไปที่กระจกเหมือนคนบ้า โดยไม่สนใจภาพลักษณ์เลย

ประยงบิดคิ้วอย่างสะอิดสะเอียนพลางใช้เท้าเหยียบ คันเร่งลงไปอย่างหนักหน่วง

รถส่งเสียงครึกโครมและเคลื่อนตัวไปข้างหน้า รวดเร็ว

ญาอี๋ตามความเร็วของรถไปไม่ทันและร่วงลงไป กระแทกกระทั้นบนถนนยางมะตอยที่ขรุขระ

เข่าและฝ่ามือฉีกขาดจนมีเลือดไหลออกมา

รถพ่นควันออกมาและขับผ่านหน้าของญาอี้ไป

ญาอี้ไล่ตามไม่ทันและอยากหวนกลับไปที่คฤหาสน์ เพื่อไปหาเด็ก แต่ก็ถูกคนของคฤหาสน์สกัดกั้นไว้ ยังไง ก็ไม่ให้เธอเข้าไป

ไม่กี่นาทีต่อมาหลังจากที่เธอรออยู่ที่อยู่หน้าประตู อย่างร้อนรน ญาอี๋ก็กัดฟันปืนกำแพงเข้าไปอย่างลับๆ ล่อๆ

เธออยู่ที่นี่มานานเกือบยี่สิบปีแล้ว และรู้จักพืชพรรณ แมกไม้ทุกชนิดที่นี่เป็นอย่างดี ตรงไหนมีคนอยู่เธอก็จะ หลบหลีก ญาอี๋จึงเข้าไปภายในห้อง

แต่เมื่อมองหาทั่วคฤหาสน์ก็ไม่พบร่างของเด็กเลย
หัวใจไม่อาจยับยั้งความตื่นตระหนกได้ ซีซั่น…….เขาถูกพาไปที่ไหนแล้วเนี่ย ?

พวกมันจะทําร้ายเขาหรือเปล่านะ ?

ญาอี๋กลัวมากจริงๆ และไม่สามารถค้นหาที่ที่ซีซั่นอยู่ ได้ในเวลาอันสั้นๆ นี้ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้หนึ่งเรื่องก็ คือไปก่อกวนประยง

เมื่อคิดได้แบบนี้ญาอี๋ก็รีบวิ่งออกจากคฤหาสน์และ ตรงไปยังโรงพยาบาลทันที

ซีซั่นขึ้นรถตู้ไปกับคนรับใช้ทันที เขาไม่โวยวาย ตลอดทางแล้วก็ไม่ร้องไห้ ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นให้เขาทำ อะไรเขาก็ทำทุกอย่างอย่างเชื่อฟัง

การแสดงออกแบบนี้ทำให้คนใช้ของเขาสูญเสียความ ระมัดระวังอย่างสมบูรณ์และไม่ได้มัดมือมัดเท้าของซี ซั่นแต่ว่าโยนเขาลงไปที่เบาะหลัง

เพราะเหตุนี้จึงปล่อยให้ซีซั่นฉวยโอกาสเวลาที่รถ หยุดตอนติดไฟแดงดึงประตูหนีออไป

ข้างนอกมีการจราจรหนาแน่น สายตาเฉียบคมของ ซีซั่นมองตรงไปยังรถหรูดูมีค่า ยังไม่ทันคิดก็รีบเปิด ประตูวิ่งขึ้นไป

เมื่อเขาปิดประตูและเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบกับใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างมาก

ใบหน้านี้คล้ายกับหน้าอันเย็นชาของลุงประยงผู้ แปลกประหลาดนั่น ประมาณ 5 ส่วน 10 คนๆ นี้มีอายุ มากกว่าประยงแค่ 5 ปี ชุติภาส

เขาหรี่ตาแคบลงและศึกษาดูหน้าของซีซั่นอย่าง ละเอียด

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็มองหน้ากันและกันอยู่ครู่หนึ่ง ซีซั่นก็เริ่มเอ่ยขึ้น: “คุณลุงค้าบ มีคนลักลอบค้ามนุษย์ อยู่ข้างนอกเพื่อลักพาตัวและจะเอาผมไปขาย ผมขอ แอบอยู่ในรถของคุณแปปหนึ่งได้ไหมครับ ?”

ชุติภาสนิ่งอยู่สองวินาที ยิ้มที่มุมปากอย่างอ่อนโยน ก้มเอวลงแล้วเอาซีซั่นมาไว้ในอ้อมแขน: “ได้สิครับ”

ซีซั่นมองลงไป นัยน์ตาคู่นั้นแสดงออกถึงความเชื่อฟัง และเฉลียวฉลาด แต่สมองยังคงคิดหาวิธี 7-8 วิธีที่จะ เตะชายคนนี้และหนีออกไป

ชุติภาสพยุงคอของซีซั่นอย่างระมัดระวังพลางมองไป ที่ใบหน้าของเขาอย่างละเอียดจากนั้นก็ยิ้มอย่างลุ่มลึก มากยิ่งขึ้น: “เจ้าหนูที่รัก บอกฉันหน่อยสิว่าพ่อเธอคือ ใคร ?”

ซีซั่นตอบกลับไปอย่างเชื่อฟัง: “พ่อของผมตายไปแล้วครับ ได้ยินมาว่าเขาเมาแล้วเอาหัวจุ่มลงไปใน โถส้วมแล้วก็จมน้ำตายครับ”

ชุติกาสตอบกลับไปหนึ่งคำอย่างอ่อนโยน: “หรอ ?”

เขาใช้นิ้วดึงผมของซีซั่นออกอย่างไร้ร่องรอยแล้วเก็บ ไว้อย่างดี

“บ้านของหนูอยู่ไหนล่ะ ? เดี๋ยวฉันพาหนูไปส่ง..………….

ซีซั่นส่ายหัว “ผมขอโทรหาหม่ามี้หน่อยได้ไหมครับ ?”

ชุติภาสตอบกลับไปอย่างนุ่มนวล: “ได้สิ่ อ่ะนี่ โทรศัพท์…..

ซีซั่นรับโทรศัพท์มาจากนั้นก็รับเลื่อนโทรศัพท์และ โทรหาญาอี้ทันที

ในขณะเดียวกันชุติภาสเอาเส้นผมในมือให้ผู้ช่วยและ สั่งผู้ช่วยด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ฉันอยากจะจับหลานนอก กฎหมายตัวน้อยของฉันไปตรวจดีเอ็นเอสักหน่อย”

เขาพูดด้วยรอยยิ้มอันลึกซึ้งแกมขี้เล่น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ