บทที่ 7 ตอบแทนจังฮูหยิน
เผยมู่ซีพาเสี่ยวลิ่งย้อนกลับไปร้านเครื่องเขียนอีกครั้งหนึ่ง นางกล่าวขอบคุณเถ้าแก่เนี่ยแล้วขอซื้อกระดาษอย่างดีอีกห้า แผ่น
“เงินที่เหลือทั้งหมดข้าจะให้ท่านแม่เอาไว้ใช้…นี่เป็นครั้ง แรกที่ข้าหาเงินได้เอง ข้ารู้แล้วล่ะเสี่ยวลิ่งว่าความภูมิใจใน ตนเองเป็นอย่างไร?
เสี่ยวลิ่งมองหน้าคุณหนูของตนแล้วยิ้ม นางรีบหอบเอาม้วน กระดาษเข้าไว้ในอกอีกมือก็เอื้อมไปหยิบกระดาษห่อหมึกที่ถูก ผูกด้วยเชือกป่านเป็นหูหิ้ว “คุณหนูอย่าหักโหมเลยเจ้าค่ะ เพิ่งจะ หายป่วยทำเท่าที่จะทำได้ก็แล้วกันนะเจ้าคะ
เผยมส่ายหน้าแล้วหันไปแย่งเอาห่อหมึกมาถือไว้เอง ให้ ข้าช่วยบ้างเถอะ เสี่ยวลิ่ง เจ้าเองทำเพื่อข้ามามากแล้ว
“คุณหนูอย่าพูดเช่นนั้นเลย พระคุณตระกูลจังนั้นชั่วชีวิตนี้ข้า ก็คงใช้ไม่หมด
“อยู่กับพวกเราสองแม่ลูก ค่าจ้างเจ้าก็มิได้ กินอยู่ก็ขาดเป็น เช่นนี้แล้วมิใช่ว่าพวกเราหรอกหรือที่ทำให้เจ้าลำบาก”
“มิได้ๆ ขอเพียงข้าได้อยู่รับใช้ฮูหยินกับคุณหนู ข้าก็พอใจ แล้วเจ้าค่ะ”
“เสี่ยวลิ่งข้ารับปากว่าวันหน้าจะต้องหาเบี้ยหวัดให้เจ้าได้อย่างแน่นอน” เผยมทำสีหน้าจริงจังจนเสี่ยวลิ่งอดหัวเราะไม่ ได้
“คุณหนู ข้าไม่เป็นไรจริงๆ นะเจ้าคะ ขอเพียงท่านกับฮูหยิน ร่างกายแข็งแรงอยู่มีความสุขก็พอแล้ว”
สองนายบ่าวเดินคุยกันมาจนถึงหน้าเรือนเป็นยามตะวัน กำลังจะตกดินพอดี เหล่าออกมาจุดคบไฟหน้าเรือนและออกมา ยืนรอเสี่ยวลิ่งกับคุณหนูหน้าประตูจวน เมื่อเห็นคนทั้งคู่เดินมาถึง ก็รีบกุลีกุจอเข้าไปรับ
“คุณหนูกลับมาแล้ว…เหนื่อยหรือไม่ขอรับ?”
“เดินแค่นี้เองจะเหนื่อยได้อย่างไรกัน? ว่าแต่ข้าหิวแล้วล่ะ
ได้ยินคุณหนูเอ่ยว่าหิวเหล่าลู่กับเสี่ยวลิ่งถึงกับยิ้มออกมา พร้อมกัน ตลอดห้าปีที่คุณหนูป่วยออดๆ แอดๆ พวกเขาต้องคอย กระตุ้นให้คุณหนูกินอาหารอยู่ทุกวัน
“ฮูหยินตั้งโต๊ะรอคุณหนูอยู่แล้วขอรับ”
“ท่านแม่คงมิได้ต้มข้าวให้ขากินอีกหรอกนะ ข้าน่ะเบื่อ
ข้าวต้มจะแย่แล้ว”
“มิได้ๆ ฮูหยินเห็นคุณหนูเดินไปกลับตลาดเองได้ก็ทำขาหมู อบไว้รอเทียวนะขอรับ
สีหน้าเผยร่าเริงขึ้นในทันที “จริงหรือ? ดีๆ ข้าจะกินให้ เต็มคราบเลย” นางยื่นถุงหมึกให้กับเหล่า
“เจ้าส่งม้วนกระดาษมาเข้าจะเอาไปเก็บที่ห้องหนังสือให้
เอง”
“เหล่าลู่ท่านระวังกระดาษของคุณหนูหน่อยนะ คุณหนูจะใช้ วาดภาพไปขายน่ะ วันนี้ภาพที่คุณหนูวาดได้ตั้งหนึ่งตำลึงเที่ยว
บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็ทำตาโต คาดไม่ถึงว่าคุณหนูที่เอา แต่นั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องมาหลายปี หลังฟื้นจากความตายกลับ มีความสามารถในการวาดภาพอย่างน่าประหลาดใจ เขาเอง ก็ได้เห็นภาพที่คุณหนูวาดอยู่แวบหนึ่งก็รู้สึกว่าสวยงามดีแต่มิได้ คิดว่าจะมีราคาถึงหนึ่งตำลึง
ยังไม่ทันที่เผยมูซีจะได้เอ่ยปาก เสี่ยวลิ่งก็ทำหน้าที่รายงาน สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับจังฮูหยินได้ทราบ
“เจ้าเก่งถึงเพียงนั้นเที่ยวหรือลูกแม่!”
“ต่อไปข้าจะวาดภาพแล้วเอาไปขายช่วยท่านแบ่งเบาภาระ ดีหรือไม่เจ้าคะ?” เผยมู่หยิบเอาเงินที่เหลือจากการซื้อกระดาษ ออกมาวางต่อหน้าจังฮูหยิน “เงินที่เหลือจากการซื้อกระดาษ ท่านแม่เก็บเอาไว้เถอะ
แม้จะรู้ว่าสตรีงดงามตรงหน้ามิใช่มารดาที่แท้จริงของ ตนเอง แต่สำหรับนางที่ไม่เคยเห็นมารดามาทั้งชีวิตการได้อยู่ใน ร่างของชิงหลานแล้วได้เรียกคนตรงหน้าว่าแม่ก็นับว่าเป็นความ อบอุ่นเล็กๆ ที่พอจะทำให้ลดความเศร้าโศกจากการอำลาชาติที่ แล้วไปได้บ้าง
จังฮูหยินเก็บเอาถุงเงินที่บุตรสาวให้ไปเก็บในสาบเสื้อ “วันหน้าหากเจ้าต้องใช้เงินซื้อหมึกกับกระดาษก็มาเบิกกับแม่ได้ทุก เมื่อ แม่จะทำบัญชีไว้ให้เจ้าเอง
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“รีบกินเถอะ ขาหมูอบกำลังร้อนๆ เจ้าจะได้มีกำลังไว้วาด
รูป”
แม้ว่าเผยอยากจะวาดภาพหลังจากรับประทานอาหาร เสร็จ ทว่าจังฮูหยิน กลับไม่ยินยอมด้วยห่วงว่าร่างกายของชิง หลานจะทนไม่ไหว เผยมจึงเอาหนังสือสอนวาดภาพออกมา เอกเขนกอ่านอยู่ห้องโถง ไม่นานนักมารดาก็ไล่นางเข้านอน ภายหลังนางจึงรู้จากเสี่ยวลิ่งว่า ในยามกลางคืนจังฮูหยินให้ทุก คนรีบเข้านอนเพื่อการประหยัดเทียนและขี้ไต้ หลังยามซวีเหล่า จะดับคบไฟทั่วทั้งบ้าน เผยซีแอบย่องมาเปิดหน้าต่างดูยามดึก จึงได้เห็นสภาพรอบเรือนอันมืดมิด ไม่อาจทำได้กระทั่งการจุด คบไฟเพื่อป้องกันโจร
….จังฮูหยินต้องประหยัดถึงเพียงนี้ เผยมู่ซีได้แต่สลดใจ….
เมื่อยามที่ต้องนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงตามลำพัง เผย
คิดย้อนถึงจวนสกุลเผยในเมืองหลวง ชีวิตของนางเติบโตขึ้นมา
ได้ด้วยความเมตตากรุณาของท่านย่า นางลืมตาดูโลกพร้อมกับ
การจากไปของมารดาที่เป็นฮูหยินเอก ไม่นานนัก ใต้เท้าเผย
ตบแต่งคุณหนูตระกูลใหญ่เข้ามาเป็นฮูหยินคนใหม่ เผยถูก
ย้ายเข้าไปนอนร่วมเรือนกับท่านย่า ท่านพ่อในความทรงจำของ
นางราวกับเป็นเพื่อนบ้านที่เห็นอยู่บ่อยครั้งแต่มิได้สนิทชิดเชื้อนางต้องคอยยืนชะเง้อมองดูบิดาที่อุ้มน้องๆ เดินเล่นในสวน กลางบ้านจากเรือนของท่านย่า
นางจำได้ว่าท่านพ่อมักจะเล่นกับบุตรของฮูหยินคนใหม่แต่ ห่างเหินกับลูกอนอีกสองคน อนุหม่ามีบุตรสาวหนึ่งคนที่นางไม่ ค่อยสนิทชิดเชื้อด้วยสักเท่าใดนัก อาจเป็นเพราะฐานะของ ครอบครัวอนหมาค่อนข้างร่ำรวยนางจึงค่อยออกมาสุงสิงกับผู้ ใดนัก ยิ่งท่านย่าของเผยมซีมิได้เคร่งครัดธรรมเนียมที่ต้องออก มาคารวะแม่สามีทุกเช้าจะให้ทำเพียงบางครั้ง โดยจะให้สาวใช้ มาแจ้งให้ทราบล่วงหน้า อนุหม่าจึงมักจะอยู่แต่ในเรือนและออก ไปซื้อหาสิ่งของมีค่ามาตกแต่งจนแทบจะกลายเป็นเรือนหลักของ จวน ไปแล้ว
เผยมซีสนิทกับอนุฉิวสตรีที่เป็นบุตรขุนนางท้องถิ่นที่หวังใน ลาภยศ บิดาของอนุฉิวต้องการอิงอำนาจขุนนางใหญ่ของใต้เท้า เผยเพื่อจะได้เลื่อนขั้นได้เร็วขึ้นฉิวเจียวซื้อเป็นคนกตัญญูจึงยอม แต่งงานตามคำสั่งของบิดาและติดตามใต้เท้าเผยมายังเมือง หลวง นางมีบุตรชายหนึ่งคนคือเผยสื่อถึงอายุเพิ่งแปดขวบ
ฮูหยินเอกของใต้เท้าเผยคือถังหนึ่งหวงเป็นคนที่วางตนต่อ
หน้าผู้อื่นได้อย่างเหมาะสมแต่ลับหลังกลับอารมณ์ร้ายและพร้อม
จะกำจัดผู้ขวางทาง นางแต่งเข้าสกุลเผยในช่วงที่มีเพียงอนหม่า
ภายหลังด้วยการขัดขวางหลายวิธีทำให้สามีมค่อยไปเยือนเรือน
อนหม่า ส่วนตัวนางเองก็มีบุตรชายและบุตรสาวอย่างละคน แม้ ภายหลังอนุฉิวจะมีบุตรชายเช่นกันแต่กลับมิได้รับความสำคัญ ก่อนฟ้าสางเผยมได้ยินเสียงฝีเท้าผ่านหน้าห้องของตนจึงลุกเดินออกสมทบกับมารดาและเสี่ยวลิ่ง
“เจ้าตื่นมาทำไมกันแม่ก็จะไปปลุกเจ้าให้ลุกขึ้นมากินเอง กลับนอนพักเถอะลูก
ท่านแม่ ข้าแข็งแรงแล้วให้ขาแบ่งเบาภาระท่านบ้างเถอะ
“คุณหนู ในครัวฟันอันตรายนัก คุณหนูอ้วน ท้วนยิ่งกว่าข้าจะสอนคุณหนูทำอาหารเองเจ้าค่ะ”
เผยมได้ยินเช่นตื่นเต้น ที่ผ่านมานางไม่เคยเฉียดเข้า ใกล้ห้องครัวเลย สักครั้ง ไม่นางอยากจะสิ่งแค่ออด อ้อนท่านย่าเห็นจวนมีคนเพียงคนอยู่อาศัย นางเห็นว่าการดูแล จวนเป็นเรื่องยุ่งยากเพียงใด หากจะกินนอนเหมือนที่ เคยทำ เผยมซีเห็นความยากลำบากของคนทั้งสามรู้สึก ละอายนัก แต่เมื่อก้มลงมองเท้าแขนขาผอมแห้งของชิง หลานแล้วก็จํายอมถอยออกไปจากห้องครัวโดยดี นางที่เริ่มโค้งงอลงบน โต๊ะก่อนจะหาหนังสือมาวางทับเพื่อให้เรียบ
เมื่อนึกถึงหน้าเปี่ยมสุขในยามที่มองนางนั่งคุ้ยข้าวจัง ฮูหยิน เผยมมีความราวได้แม่ตนเองคืนแม้จะ ละอายใจตนยึดเอามารดาของชิงหลานผู้ล่วงลับแต่จะทำ อย่างไร? ชะตาฟ้าลิขิตเช่นนี้ สิ่งที่นางพอตอบแทนก็คงเพียงแต่ใช้ความสามารถมีช่วยนางเงินนับจากนี้!
ท่านแม่…ต่อไปให้ลูกคนนี้ได้ทำมาหากินเลี้ยงดูท่านเถิดนะ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ