เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย

บทที่ 6 ช้าจะหาเงินเอง



บทที่ 6 ช้าจะหาเงินเอง

“พวกเขามิได้ลืมหรอก ข้าคิดว่าเจ้าของเรือน ใหม่คงฐานะดี พอจะซื้อภาพจริงแล้วจึงได้ทิ้งของเลียนแบบพวกนี้เอาไว้ที่นี่

เผยมู่ซีคลม้วนภาพพวกนั้นออกกางบนโต๊ะใหญ่หลายภาพ พลันนางก็นึกถึงคำพูดของเถ้าแก่เนี่ยร้านเครื่องเขียน…

‘จริงสิ! หากภาพพวกนี้ขายได้ล่ะก็ ข้าเองก็มีหนทางหาเงิน ได้เช่นกัน

เสี่ยวลิ่งได้แต่งุนงงที่คุณหนูไล่ให้นางออกจากห้องหนังสือ แล้วปิดประตูเงียบอยู่คนเดียวเกือบสองชั่วยาม ทว่านางก็ไม่มี โอกาสได้เซ้าซี้เพราะต้องไปช่วยจังฮูหยินขึงผ้าเตรียมปัก งาน ของพวกนางสองคนนับว่าถึงมือยิ่งนัก เงินมัดจำที่รับมาแล้วล้วน เป็นภาระค้ำคอให้ต้องตั้งใจทำอย่างเต็มที่ ตราบจนบ่ายคล้อย จังฮูหยินและเสี่ยวลิ่งจึงได้ยินเสียงฝีเท้าคุณหนูตรงเข้ามายังห้อง ปักเย็บ

“ข้าทําสําเร็จแล้ว!”

“เจ้าทำอันใดสำเร็จหรือ?” จังฮูหยินเงยหน้ามองบุตรสาว พร้อมรอยยิ้ม

“ท่านแม่กับเสี่ยวลิ่งมาดูผลงานของข้าเจ้าคะ” ดวงตากลม โตของชิงหลานเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจนสตรีทั้งสองต้อง วางมือจากงานปักแล้วเดินตามไปยังห้องหนังสือ
เสี่ยวลิ่งมองภาพที่เหมือนกันสองภาพวางอยู่ข้างกันบนโต๊ะ ตัวเล็กด้วยความประหลาดใจ “คุณหนูเจ้าคะ? ภาพนี้มีเหมือน กันสองภาพหรือเจ้าคะ?”

ชิงหลานสายศีรษะ ชี้ไปที่ภาพข้างขวามือของตนอย่างภาค ภูมิใจ “มีภาพเดียว แต่ข้างนี้คือภาพที่ข้าวาดขึ้นต่างหาก เจ้าไม่เห็น

หรือเสี่ยวลิ่งว่าหมึกยังไม่แห้งดีเลย

“คุณหนู ท่านวาดภาพได้สวยถึงเพียงนี้เที่ยวหรือ?” เสี่ยวลิ่ง ตะลึงมอง นางไม่เคยเห็นคุณหนูวาดภาพเช่นนี้สักครั้ง

จังฮูหยินตกใจยิ่งกว่า ชั่วชีวิตของบุตรสาวมิเคยร่ำเรียนการ วาดภาพแต่อย่างใด? ที่ผ่านมาแค่เพียงเขียนอักษรได้ครบพัน อักษรตามตำราพื้นฐานหากแต่ก็มิได้สวยงามพอจะเอ่ย ชื่นชม…บุตรสาวที่ฟื้นมาจากความตายผู้นี้ วาดภาพได้ราวกับ จิตรกรมืออาชีพจะมิให้นางตกใจได้อย่างไร?

“ท่านแม่ ท่านว่าภาพของข้าพอจะขายได้หรือไม่?”

ประโยคนั้นของบุตรสาวดึงสติของจังฮูหยิน ให้กลับมา

“ได้สิ…เจ้าวาดสวยถึงเพียงนี้ย่อมขายได้แน่

เผยซีหันไปชี้ให้สตรีทั้งสองดูว่านางวาดภาพเลียนแบบได้ถึง สองภาพ เสี่ยวลิ่งเห็นแล้วก็รีบกระวีกระวาดชวนคุณหนูของนาง นำภาพพวกนั้นไปที่ร้านขายภาพวาดในตลาด จังฮูหยินเอ่ยปาก อนุญาต รอจนหมึกบนภาพแห้งเสี่ยวลิ่งจึงรีบม้วนภาพทั้งสามหนีบใส่รักแร้แล้วจูงมือคุณหนูของตนไปตลาด “พวกเจ้ารีบไปรีบกลับก่อนฟ้ามืดนะ” จังฮูหยินสั่งเสี่ยวลิ่ง

“ฮูหยินเจ้าคะ ตลาดอยู่แค่นี้เอง ข้าจะรีบพาคุณหนูกลับเร็ว แน่นอน”

ชาวบ้านเห็นเสี้ยวลิ่งจูงมือเด็กสาวร่างผอมบางก็รู้ได้ทันทีว่า นั่นคือคุณหนูซึ่งที่ช่วยกระเสาะกระแสะอยู่ในเรือนมานานหลาย ปี บัดนี้เห็นนางดูแข็งแรงเดินเหินได้คล่องต่างพากันยินดีส่งเสียง ร้องทักทายอยู่เป็นระยะ

“คุณหนูชิง แข็งแรงดีแล้วนี่…สวรรค์เมตตาเสียจริง!” หญิง ชราที่เรือนปากทางเคยเห็นชิงหลานแต่เล็กแต่น้อย เดินออกมา เห็นเด็กหญิงสีหน้าสดใสก็ยิ้มกว้าง

เผยซียืนนิ่งนางยังนึกไม่ออกว่าหญิงชราผู้นี้มีชื่อใด? เคราะห์ดีที่เสี่ยวลิ่งหันไปตอบหญิงชราผู้นั้นแทน

“คุณหนูเพิ่งแข็งแรงขึ้นหลังจากไปรักษาที่เมืองหลวงกับท่าน หมอเกาะล่ะเจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านยายที่เป็นห่วงนะเจ้าคะ

ซึ่งหลานทำความเคารพท่านยายผู้นั้นด้วยท่าทางนอบน้อม ท่านยายจึงยิ้มให้กับนางพลางกล่าวอวยพรยาวยืดตามหลัง เสี่ยวลิ่งยิ้มอย่างเปี่ยมสุขหลายปีที่นางเฝ้าดูแลคุณหนูด้วยความ เอาใจใส่หวังเพียงสักวันคุณหนูจะได้เดินออกมาเที่ยว ข้างนอก กับนางอย่างนี้ เสี่ยวลิ่งคอยตอบรับคำทักทายของผู้คนแทนคุณ หนูของนางด้วยความรื่นเริง
“เราแวะร้านเถ้าแก่เนี่ยกันก่อนเถิด ข้าต้องเอาภาพพวกนี้ไป ให้เถ้าแก่เลือกดูก่อนผู้อื่นเพื่อตอบแทนพระคุณที่ให้หมึกและ แท่นฝนหมึกแก่ข้า”

เสี่ยวลิ่งพยักหน้ารับ จูงมือคุณหนูของตนเข้าไปในร้านเครื่อง เขียนสกุลเนีย ภาพที่นางวาดทั้งสองภาพถูกกางบนโต๊ะให้เถ้า แก่เนี่ยดู

“เหมือนของจริงมากเลยเทียว! พวกเจ้าไปได้มาจากที่ใด?

“เถ้าแก่เนี่ย ภาพพวกนี้ล้วนเป็นฝีมือของข้าเจ้าคะ ข้าเอามา ให้ท่านเลือกก่อนแทนค่าหมึกและแท่นฝนหมึก” สาวน้อยผอม บางยิ้มน้อยอย่างภาคภูมิใจ

“จริงหรือ? เจ้าช่างมีฝีมือเสียจริง…ภาพที่ข้าซื้อมาแขวนใน ร้านยังไม่วาดสวยอย่างเจ้าเลยด้วยซ้ำ ดูนั่น…ภาพพวกนั้นข้า ล้วนหอบหิ้วมาจากเมืองหลวงเทียวนะ” นิ้วมือเหี่ยวย่นชี้ไปยัง ผนังด้านข้าง “หากเจ้าให้ข้าเลือกหนึ่งภาพก็จะกลายเป็นการเอา เปรียบเจ้าไปเสียนี่ เพราะหากเจ้านำไปขายจริงๆ ล่ะก็น่าจะได้ ราคามากกว่าหมึกและแท่นหมึกที่ข้า ให้เจ้าไปนัก

เผยคุ้นตายิ่ง ภาพที่เถ้าแก่เนี่ยเอ่ยถึงล้วนเป็นภาพเลียน แบบชั้นนำที่นิยมซื้อขายกันอยู่ในเมืองหลวง เพียงแต่ฝีมือของผู้ วาดที่เถ้าแก่เนี่ยเลือกซื้อมานั้นนับว่าเป็นระดับทั่วไป หากกล่าว กันอย่างไม่ลำเอียงแล้วฝีมือของนางยังนับว่าเหนือกว่า

“มิได้ๆ น้ำใจของเถ้าแก่ที่มีให้ข้านั้นย่อมวัดด้วยราคาของ ภาพมิได้ โปรดรับไว้สักภาพเกิดเพื่อให้ข้าสบายใจ” เด็กหญิงเอ่ยตอบอย่างสุภาพ

เถ้าแก่เนี่ยเห็นคุณหนูซึ่งทั้งสุภาพนุ่มนวลและรู้จักกตัญญู รู้สึกเมตตา

“เอาเถิด ข้าจะเลือกไว้ภาพหนึ่ง” สายตาของชายสูงวัยมอง ภาพทั้งสองแล้วชี้ไปยังภาพขวา “เอาภาพนั้นก็แล้วกัน ข้ายังไม่ เคยมีมาก่อน”

“ภาพเยี่ยไปของจิตรกรหานก้าน” ท่านช่างตาแหลมคมยิ่ง นัก” ชิงหลาน เอ่ยชมเมื่อเห็นว่าเถ้าแก่เนี่ยเลือกเอาภาพม้าสี ขาวปลอดที่ถูกมัดอยู่กับหลัก ม้ากำลังอ้าปากร้องด้วยแรงพยศ ถูกคล้ายพร้อมจะวิ่งออกไปได้ตลอดเวลา

เถ้าแก่เนี่ยเดินไปหยิบหมึกคุณภาพดีและพู่กันราคาแพง ที่สุดในร้านออกมา “ในเมื่อข้าได้ภาพสวยถูกใจยังฝีมือสูงส่ง ก็ขอมอบของพวกนี้ให้เจ้าเพื่อให้วาดภาพงามๆ ออกมาอี กมากๆ ก็แล้วกัน”

เผยมู่ซีเห็นสายตามีเมตตาของเถ้าแก่เนี่ยแล้วก็รีบคำนับ ด้วยความยินดี “ขอบพระคุณเถ้าแก่ ข้าจะตั้งใจวาดภาพเต็มที่

“ขอให้คุณหนูชิงขายภาพได้สมกับที่ตั้งใจเถิด” คำอวยพร ของเถ้าแก่เนี่ยทำให้หัวใจของเผยมซีพองโต เห็นทีเถ้าแก่ผู้นี้จะ รู้ตื้นลึกหนาบางในครอบครัวของชิงหลานจึงรู้ว่านางต้องการเงิน เพื่อไปจุนเจือครอบครัว “ไอหยา! ข้าลืมไปเสียสนิท ข้ากับเถ้าแก่ เหอร้านขายภาพเป็นสหายเก่าแก่กัน หากคุณหนูชิงได้จดหมาย แนะนำไปจากข้าก็ย่อมจะขายภาพได้ราคากว่าไปเสนอเองเป็นแน่ เช่นนั้นรอข้าสักครู่เถิด”

เถ้าแก่เนี่ยเดินไปยัง โต๊ะเสมียนแล้วเขียนจดหมายอยู่ครู่ หนึ่ง จึงกลับมายื่นซองสีน้ำตาลจ่าหน้าซองถึงเถ้าแก่เพื่อให้กับ ชิงหลาน “คุณหนูชิง เอาจดหมายนี้ให้กับเถ้าแก่เหอเถิด”

“ขอบพระคุณเถ้าแก่เจ้าค่ะ”

เถ้าแก่เหออ่านจดหมายแนะนำจากเถ้าแก่เนี่ยแล้วก็เอ่ยขอ ดูภาพจาก หญิงสาวที่ยืนตรงหน้า ซึ่งหลานเลือกสวมชุดใหม่ที่ มารดาเพิ่งซื้อให้จากเมืองหลวงแต่เพราะรูปร่างของนางทั้งเล็ก และบอบบางจากอาการเจ็บป่วยหลายปี ทำให้ดูเหมือนเด็กหญิง ที่ยังไม่โต เถ้าแก่เธอไม่คาดคิดว่าสาวน้อยผอมบางผู้นี้จะ สามารถวาดภาพสวยงามเลียนแบบจิตรกรชื่อดังได้งดงามยิ่ง เขาตกลงใจจ่ายเงินค่าภาพให้นางหนึ่งตำลึง

“ความจริงฝีมือของเจ้านับว่าดีมากเที่ยว ทว่ากระดาษที่ใช้ กลับเป็นเพียงกระดาษธรรมดา หากว่าใช้กระดาษคุณภาพดีกว่า นี้ข้าก็จะเพิ่มเงินให้อีก

“เถ้าแก่เรือกรุณาให้ข้าถึงหนึ่งตำลึงก็ถือว่ามากแล้วเจ้าค่ะ” เผยมู่ซี ไม่คิดเลยว่าการหาเงินเองได้จะมีคุณค่าถึงเพียงนี้ ตอน เช้าที่นางมาตลาดกับจังฮูหยินเงินมัดจําสองตำลึงยังทำให้ มารดาของชิงหลานกับเสี่ยวลิ่งยิ้มเบิกบาน ซื้อข้าวของมากมาย กลับจวน เงินหนึ่งตำลึงสำหรับคนทั่วไปแล้วสามารถใช้ชีวิตอยู่ นับเดือน

…นี่เป็นครั้งแรกที่นางหาเงินได้ด้วยตนเอง ช่างมีความสุขun!….

เสี่ยวลิ่งตื่นเต้นยิ่งกว่าเผยมซีเสียอีก “คุณหนูท่านวาดภาพ แค่สองชั่วยามก็ได้เงินมาถึงหนึ่งตำลึงแล้ว เช่นนี้ชีวิตพวกเราก็ดี ขึ้นแล้วสิ! ต่อไปฮูหยินคงไม่ต้องลำบากเร่งมือเย็บปักงานจน ปวดหลังปวดเอวอีก”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ