บทที่ 3 ขบวนแห่ศพ
เพียงสามวันชิงหลานก็สามารถลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปมา ได้ ท่านหมอเก่ายินดียิ่งนักไม่เพียงแต่รับเงินค่ารักษาเล็กน้อย หากแต่ยังหอสมุนไพรบำรุงกำลังให้ จังฮูหยินเพื่อนำไปต้มให้ สาวน้อยได้ดื่มอีกหลายเดือน
“เห็นหลานเอ๋อร์แข็งแรงเช่นนี้ ข้าที่เป็นหมอก็พลอยมีความ สุขไปด้วย ฮูหยินท่านนำสมุนไพรเหล่านี้กลับไปต้มให้นางกิน เถอะ”
จังฮูหยินน้ำตารื้น “พระคุณครั้งนี้ข้าจะไม่มีวันลืม
“อย่าได้คิดมาก เห็นบุตรสาวของท่านฟื้นจากความตายมา ได้อย่างอัศจรรย์เช่นนี้ บอกตามตรงล้วนเป็นเพราะวาสนาของ นาง ข้าเองก็มิได้ทำอันใดมาก”
“หากไม่มีท่าน หลานเอ๋อร์ของข้าก็คง……
“ไอหยา….ฮูหยิน สิ่งใดที่ผ่านมาแล้ว เอ่ยขึ้นมาก็ได้สุขท่าน อย่าได้กล่าว อีกเลย”
จังฮูหยินเห็นว่าบุตรสาวสีหน้าแจ่มใสร่างกายแข็งแรง
ยินดียิ่งนัก หลานเอ๋อร์ขอให้มารดาพาตนเดินเล่นที่ตลาดใน เมืองหลวงก่อนกลับอำเภอเฉิน ฮูหยินก็ยินยอม เงินที่นางเตรียม มาไว้รักษาบุตรสาวยังเหลือพอจะซื้อชุดใหม่ให้หลานเอ๋อร์ได้ สองชุด ผ่านมาหลายปีชุดที่หลานเอ๋อร์ใส่ล้วนแต่ได้ปะชุนมาแล้ว เผยมซีที่แม้จะอยู่ในฐานะถูกกดขี่ในจวนแต่เสื้อผ้าที่นางใส่ มิได้ซอมซ่อจนน่าสงสารอย่างหลานเอ๋อร์ เมื่อเห็นจังฮูหยินชื่อ เสื้อผ้าใหม่ให้ก็ยิ้มน้อยๆ
สองแม่ลูกสกุลชิงช่างน่าเวทนานัก กระทั่งเสื้อผ้าก็ยังต้อง ปะชุนเพื่อสวมใส่ ในขณะที่ข้า ผู้คิดว่าตนเองลำบากอย่างน้อย ท่านย่าก็ยังให้เสื้อผ้าใหม่ข้าปีละหลายชุด ต่อไปข้าต้องรู้จัก คุณค่าของเสื้อผ้าให้มากขึ้น
“หลานเอ๋อร์ แม่ขอโทษที่ปีก่อนมิได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้า เพราะพวกเราต้องเปลี่ยนเครื่องนอน คราวนี้มาเมืองหลวงก็ถือ โอกาสซื้อชุดให้เจ้าสักสองชุดก็แล้วกัน”
“ขอบคุณท่านแม่” เผยมซีในร่างของหลานเอ๋อร์ก็พอจะเห็น
ว่าจังฮูหยินเองก็มิได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่เช่นนั้น แม้ชุดของนางจะ
สะอาดสะอ้านแต่ก็ดูรู้ว่าสวมใส่มาแล้วหลายปี การพาบุตรสาว
มารักษาตัวในเมืองหลวงครั้งนี้นางคงจะเลือกชุดที่ดีที่สุดเท่าที่จะ
มีได้มาแล้วกระมัง? เผยมซึมองดูจังฮูหยินด้วยความเห็นใจ
อนุภรรยาในเรือนที่ฮูหยินเอกโหดร้ายก็มักจะเจอชะตากรรมเช่น
“หลบด้วย! หลบด้วย!” ขบวนมือปราบจำนวนมากที่ขี่ม้า นำทางรถม้าคันใหญ่ที่ประดับด้วยผ้าขาวและดำร้องตะโกนสั่ง ผู้คนสองข้างทาง
ผู้คนสองข้างทางต่างชี้ชวนกันซุบซิบดูรถม้าสองคันที่วิ่งตามกัน
“นี่มันเกิดอันใดขึ้นหรือ?”
“ว่าที่พระชายาขององค์ชายสิบห้าน่ะสิ! รถม้าตกหน้าผา สิ้นชีพไปพร้อมสาวใช้คนสนิทน่าอนาถนัก เห็นว่ากำลังเตรียมตัว จะเข้าพิธีอีกไม่กี่วันนี้แล้ว
หลานเอ๋อ ยืนตะลึงอยู่ข้างมารดา แม้จะรู้ตัวตนเองเสียชีวิต ไปแล้วทั้งยังได้เห็นสภาพอันสยดสยองของศพตนเองกับตาแต่ นางก็อดจะน้ำตาไหล ในชะตากรรมของตนเองมิได้ คนที่ยืนราย รอบล้วนยืนยันว่านั่นคือศพของคุณหนูเผยที่กำลังจะเข้าพิธี อภิเษกสมรสกับองค์ชายสิบห้าผู้เป็นพระอนุชาของหมิงฮ่องเต้
ในเมื่อข้าตายไปแล้ว พันธะสัญญาแต่งงานก็คงถูกยกเลิก หรือไม่สกุลเผยก็อาจจะคัดเลือกคุณหนูคนที่เหลือในสกุลไป เสนอต่อราชสำนัก ช่างเถอะ…ถึงอย่างไรแต่ก็ไม่เกี่ยวกับข้า
จังฮูหยินได้ยินชาวบ้านวิจารณ์เรื่องสตรีที่เคราะห์ร้ายทั้ง สองก็นึกเวทนา ครั้นก้มหน้าลงกลับได้เห็นบุตรสาวของตนน้ำตา ไหลพราก ยืนโงนเงนคล้ายจะเป็นลม
“หลานเอ๋อร์! เจ้าเป็นอันใดไป?” จังฮูหยินปล่อยมือทิ้งข้าว ของลงพื้นก่อนจะหันไปประคองบุตรสาวที่บอบบางอย่างยิ่ง ซึ่ง หลานร่างทรุดลง เสี่ยวลิงเองก็ตกใจรีบตะโกนบอกคนรอบข้าง ให้ถอยออกไปให้หมด
บุรุษรูปร่างสูงโปร่งงามสง่าที่ขี่ม้าย่างเหยาะตามหลังขบวน รับศพว่าที่พระชายาหันมามองราษฎรที่ยืนล้อมกันอยู่ เขาดึง บังเหียนมาให้หยุดต่อหน้า
“เกิดอันไดขึ้น? เหตุใดพวกเจ้าจึงมุงกันขวางขบวนม้าของ มือปราบเช่นนี้”
จังฮูหยินเงยหน้าขึ้นมองบุรุษรูปงามผู้นั้น ดูจากเครื่องแต่ง กายและม้าตัวงามที่เขาขี่แล้วนางก็พอประเมินได้ว่าฐานะของเขา ย่อมไม่ธรรมดา
“ขออภัยด้วยเถิดคุณชาย บุตรสาวของข้าร่างกายอ่อนแอ เพิ่งหายป่วยจึงเป็นลมไป มิได้ตั้งใจจะขัดขวางขบวนของพวก ท่านเลยจริงๆ”
บุรุษในชุดมือปราบข้างหลังรีบวิ่งมาดูเหตุการณ์ก่อนจะเงย หน้าขึ้นมอง
“องค์ชายโปรดอภัย พวกข้าน้อยมิได้ดูแลกันผู้คนให้ดีจึงได้ เกิดเหตุนี้ขึ้น”
“ไม่เป็นไร…พวกเจ้ารีบช่วยนางเร็วเข้า บุตรสาวของนาง
เป็นลมไปแล้ว”
“พะยะค่ะ”
จังฮูหยินได้ยินมือปราบเรียกบุรุษบนหลังม้าเช่นนั้นก็รีบโขก ศีรษะขออภัย
“หม่อมฉันขออภัยองค์ชาย หม่อมฉันมีตาหามีแววไม่ ล่วง เกินองค์ชายเสียแล้วเพคะ”
“ช่างเถิดเรื่องเล็กน้อย รีบพาบุตรสาวเจ้าไปหาหมอจะดี กว่า” องค์ชายสิบห้าปรายตามองเด็กสาวในอ้อมกอดของสาวใช้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ แวบหนึ่งก่อนจะชักบังเหียนมาจากไป
มือปราบที่ยืนตัวสั่นอยู่ใกล้ๆ รีบเรียกรถมาคันข้างหลังให้ รับชิงหลานขึ้นพร้อมด้วยมารดาและเสี่ยวลิ่งไปยังโรงหมอท่าน หมอเก่า ครั้นไปถึงท่านหมอเกาก็บอกเพียงให้ชิงหลานนอนพัก ผ่อนสักครู่ไม่นานก็จะดีขึ้น จังฮูหยินกับเสี่ยวลิ่งจึงได้แต่ถอน หายใจอย่างโล่งอก
“เฮ้อ! ค่อยยังชั่วข้านึกว่าคุณหนูจะเป็นเหมือนเมื่อวานเสีย
“สบายใจได้ นางเพียงแค่เสียใจจนหมดแรงไปเท่านั้น ว่า แต่เกิดเหตุอันใด? ทำให้นางเสียใจเช่นนี้
“พวกเรายืนดูขบวนมือปราบที่นำศพว่าที่พระชายาองค์ชาย สิบห้ากลับเข้าเมือง จู่ๆ หลานเอ๋อร์ก็น้ำตาไหลแล้วก็เป็นลมไป
หมอเกาทําหน้าฉงน “พวกท่านรู้จักผู้ตายหรือ?”
จังฮูหยินกับเสี่ยวลิ่งสายศีรษะพร้อมกัน “ไม่เจ้าค่ะ”
“อืม…ช่างเป็นเรื่องแปลกเสียจริง
ครั้นบุตรสาวได้สติกลับมา จังฮูหยินจึงว่าจ้างรถม้าให้กลับ ไปส่งพวกตนที่อำเภอเฉิน อำเภอแห่งนี้เผยซีเคยเห็นในแผนที่ อยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวงมากนัก เล่าลือกันว่าวัดพระโพธิสัตว์ที่ อำเภอนี้คือสถานที่ที่ฮ่องเต้และฮองเฮาทรงค้นพบขุมทรัพย์ ทองคำของอดีตฮ่องเต้และได้นำทองเหล่านั้นมาใช้ในการสร้าง เขื่อนป้องกันภัยน้ำท่วมและแห้งแล้ง
เรือนเดิมของสกุลซึ่งใช้อยู่อาศัยมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ เมื่อทายาทรุ่นที่สามเข้าไปเป็นขุนนางในราชสำนักและสร้างจาน ใหญ่โตในเมืองหลวงจึงทิ้งที่นี่ไว้กับคนดูแลสามคน แม้จะไม่ ใหญ่โตอย่างจวนสกุลเผยแต่เผยมซีก็ดูว่าเป็นเรือนที่มีขนาด ใหญ่โอ่อ่าเพียงแต่ใหญ่โตเกินกว่าที่คนสามคนจะช่วยกันดูแล ไหว อีกอย่างเรือนหลังเล็กล้วน โยกโย้จะพังแหล่มพังแหล่จนเกิน จะอยู่อาศัยได้แล้วเพราะปีก่อนมีพายุเข้าทำให้เรือนพังบางส่วน ไปหลายหลัง แม้จังฮูหยินจะให้คนดูแลเรือนแจ้งไปยังจวนสกุล ชิงที่เมืองหลวงแล้วแต่กลับมีผู้ใดออกมาซ่อมแซม ยังดีที่มี เรือนอีกสามหลังใช้การได้จึงพอได้อาศัย
จังฮูหยินเดินนำหน้าบุตรสาวไปยังเรือนนอนที่ขนาดเล็กกว่า เรือนนอนของเผยในชาติที่แล้ว เรือนนี้มีห้องนอนสามห้องมี ทางเดินเชื่อมต่อไปยังเรือนหลังกลางที่เป็นห้องโถงใหญ่
ความทรงจําเดิมของชิงหลานบอกให้เผยได้รู้ว่าในตอน ที่มาอยู่ปีแรกอากาศหนาวเย็น จังฮูหยินกับเสี่ยวลิ่งจึงได้ย้ายเอา ครัวมาไว้เรือนเล็กที่อยู่ติดกับเรือนใหญ่รับแขกหลังนี้เพราะพวก นางมีคนเพียงสามคน ส่วนเรือนของบ่าวรับใช้เพียงคนเดียวที่ เหลืออยู่ก็ยังอยู่ที่เดิมที่ด้านท้ายจวน คล้อยหลังอีกสองปีต่อมา จังฮูหยินจึงให้เขาย้ายมานอนที่เรือนที่ใกล้เข้ามาอีก
“ที่นี่คงไม่มีผู้ใดมาสนใจพวกเราอีกแล้ว เรือนใหญ่โตมี เพียงพวกเราสี่คนก็มาอยู่ให้ใกล้กันสักหน่อยเถิด หากเกิด ปัญหาจะได้เรียกกันได้ทัน
เหล่าลู่ที่อายุสามสิบห้าแล้วแต่ยังมิได้แต่งงานจึงกลายเป็นกำลังหลักของเรือนสกุลซิงที่อำเภอเฉินแห่งนี้ ยังดีที่เขาแข็งแรง จึงช่วยตัดฟืนเผาถ่านและตักน้ำ ทำให้เสียวลิ่งไม่ต้องลำบาก มากนัก เผยมซีรู้สึกได้ถึงความสำนึกในความเมตตาที่หลานเอ๋ อรู้สึกต่อบ่าวรับใช้ผู้นี้ ในยามที่คนของบ้านใหญ่มาตรวจเรือน เดิม เหล่าลู่จะทำที่เหมือนไร้น้ำใจไม่คอยช่วยเหลืองานเพื่อมิให้ คนของฮูหยินใหญ่เพ่งเล็งจนให้เขาออกจากหน้าที่เช่นเดียวกับ สองคนก่อนที่ช่วยจังฮูหยินจนถูกโยกย้ายให้ไปดูแลที่อื่น
“คุณหนูขอรับ สีหน้าดียิ่งนักเห็นท่านหมอเกาผู้นี้คงจะเป็น หมอเทวดาสมกับร่ำลือเป็นแน่
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ