บทที่ 2 ครอบครัวของหลานเอ๋อร์
จังฮูหยินก้มลงมองสีหน้าของบุตรสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บน เตียงด้วยความสุขสม คงจริงอย่างที่มีคนกล่าวไว้….เมื่อรู้ทุกข์จึง จะรู้สุข…เมื่อวานนางคิดว่าตนเองต้องสูญเสียบุตรสาวเพียงคน เดียวไป หัวใจราวถูกควักออกมาบีบจนแทบจะหายใจไม่ออก ทว่าวันนี้ราวกับได้ของมีค่าที่สุดในโลกมนุษย์
ร่างกายของหลานเอ๋อร์นับตั้งแต่ตกลงไปในแม่น้ำยามฤดู หนาวปีที่นางอายุเก้าขวบเริ่มป่วยกระเสาะกระแสะเป็นต้นมา จากเด็กหญิงร่าเริงและซุกซนกลับไม่อาจออกจากห้องไปเที่ยว เล่นตามใจได้อีก นางได้แต่มองความหงอยเหงาของบุตรสาว ด้วยดวงใจทุกข์ตรม เงินทองที่มีไม่มากนักถูกเอามาใช้เป็นค่า รักษาไปจนหมดสิ้น จังฮูหยินเจ็บปวดใจที่ไม่อาจพาบุตรสาวมา รักษากับหมอ ในเมืองหลวงได้ มีเพียงท่านหมอฉินในอำเภอเฉิ นที่แม้จะมิได้มีวิชาแพทย์สูงส่งแต่กลับมีเมตตายิ่งใหญ่คอยหยิบ ยื่นยาสมุนไพรเพื่อพยุงอาการให้มิได้ขาด ทำให้หลานเอ๋อร์ยัง คงมีชีวิตสืบต่อมาได้
ก่อนหน้านี้หลานเอ๋อร์เคยฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์เหยีย นร่ำเรียนวิชาอยู่ในเรือนของนายอำเภอเฉินร่วมกับบุตรหลานผู้ มีอันจะกิน ทว่าหลังจากอุบัติเหตุครานั้น หลานเอ๋อร์ก็จำต้องเก็บ ตัวอยู่แต่ในเรือนมิได้ย่างเท้าออกไปที่ใดอีก ห้าปีของความเจ็บ ป่วย เด็กหญิงทำได้เพียงนั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องนอนเพราะ ร่างกายนางอ่อนแอเกินจะโดนอากาศที่แปรปรวนภายนอกได้โดยไม่บอบช้า อาศัยว่าจังฮูหยินเป็นผู้อ่านออกเขียนได้จึงสอน บุตรสาวจนนางเขียนอ่านได้คล่อง เวลาส่วนใหญ่ของหลานเอ๋อร์ จึงหมดไปกับการอ่านหนังสือที่อาจารย์เหยียนนำมาให้หยิบยืม
“หิวน้ำ…” เสียงแผ่วเบาแหบแห้งนั้นทำให้จังฮูหยินยิ้มกว้าง
“หลานเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ฮูหยินลูบศีรษะบุตรสาว ด้วยความรักใคร่
“ข้าหิวน้ำ”
จังฮูหยินดีบรินน้ำชา ใส่ออกเล็กๆ จ่อที่ริมฝีปากของชิงหลาน ทันที สองวันแล้วที่บุตรสาวของนางดื่มได้เพียงน้ำกับน้ำข้าว ไม่ ว่าจะกินอาหารใดเข้าไปหลานเอ๋อร์ล้วนอาเจียนออกมาจนหมด ยามนี้จังฮูหยินปล่อยให้เสี่ยวลิ่งไปกินข้าวอาบน้ำเสียก่อนแล้ว ค่อยมาผลัดเวรยามกันดูแลหลานเอ๋อร์
“ข้าอยากกินข้าวกับหมูผัด” หลังจากดื่มน้ำไปสามจอก หลานเอ๋อร์ก็เอ่ยออกมา จังฮูหยินได้ยินเช่นนั้นก็รีบละล่ำละลัก รับปาก
“เจ้ารอแม่สักครู่ เดี๋ยวแม่ไปส่งที่โรงเตี๊ยมข้างๆ ให้เจ้า
เมื่อสตรีผู้นั้นออกจากห้องที่พักคนป่วยไป เผยจึงมองไป รอบๆ นับตั้งแต่ ลืมตาขึ้นมานางก็เห็นใบหน้างดงามนั้นเฝ้ามอง ด้วยความห่วงใย ครั้นยกมือสองข้างขึ้นดู มือของนางกลายเป็น มือของเด็กหญิงที่อายุยังไม่ถึงวัยปักปั่น นางจึงลุกขึ้นนั่งมอง ซ้ายมองขวา ในห้องนี้ไม่มีกระจกให้นางส่องดูใบหน้า เผยซีจึง สะบัดผ้าห่มออกมองดูขาของตน
ข้ามีขาและเท้า….ไม่ใช่ดวงวิญญาณอีกต่อไปแล้ว
เมื่อทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนหน้านี้ นางจะจำ ได้ว่าตนเองถูกแสงสีทองของผ้ายันต์ในมือเด็กหญิงดูดเข้าไป
…นี่นางเข้ามาอยู่ในร่างของเด็กหญิงผู้นั้นเสียแล้ว……
เผยคิดถึงนิยายที่นางเคยฝากบ่าวรับใช้ซื้อมาจากตรอก คนโฉด คุณชายท้ายตรอกเคยเขียนเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับการกลับ ชาติมาเกิด นางอ่านแล้วนึกสงสัยว่าชาติหน้ามีจริงหรือไม่? บัดนี้ นางตายไปแล้วจริงๆ แต่วิญญาณกลับมิได้ไปเกิดใหม่อย่างที่ คุณชายท้ายตรอกกล่าวไว้แต่กลับมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงผู้ หนึ่งมิรู้ว่าเช่นนี้เรียกเกิดใหม่หรือไม่? แต่หากจะนับจริงๆ นี่ก็ คือชาติที่สองของนาง
ร่างกายของหลานเอ๋อร์ผู้นี้ผอมบางนัก เรี่ยวแรงที่นางอยาก จะใช้ให้ได้ดั่งใจก็ไม่มี เห็นนางคงต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกพัก ใหญ่ สตรีที่เรียกตนเองว่าแม่ผู้นั้นดูแล้วใจดีมีเมตตา เผยมู่ซีคิด
ว่าคงจะอยู่กับท่านแม่ใหม่ผู้นี้ได้อย่างมีความสุข “คุณหนูฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ? สวรรค์ช่างเมตตาเสียจริง! หญิงรับใช้ที่นางเห็นบนรถม้ากรากมาจับแขนอยู่ข้างเตียง
เผยมู่ชีได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป นางยังไม่รู้สาวใช้ผู้ มีชื่อใด? ได้แต่รอให้พวกเขาเรียกชื่อกันและกันก่อน บทบาทคน ป่วยก็เล่นมิได้ยากสักเท่าใด? ตอนที่นางอยู่จวนสกุลเผยก็เส แสร้งอยู่บ่อยๆ นางจึงทำท่าอ่อนแรง ยกมือขึ้นเกาะแขนสาวใช้ เอาไว้
“คุณหนูเหนื่อยหรือเจ้าคะ? นอนลงพักผ่อนก่อนเถิด ท่านไม่ ได้กินอาหารทั้งสองวันก็คงจะไร้เรี่ยวแรง” เสี่ยวลิ่งประคองคุณ หนูบอบบางแทบจะเห็นกระดูกลงนอนสายตาของสาวใช้เต็มไป ด้วยความรักและเวทนาจนเผยรู้สึกได้
ร่างเดิมของข้าแหลกเหลวไปแล้ว เห็นทีคงต้องอาศัยร่างนี้ อยู่อีกนานเลยเที่ยวหรือไม่ก็อาจจะกลายเป็นเด็กคนนี้ไปเลย
ครั้นนอนลงเผยซีก็หลับตาลองพิจารณาดูว่าในร่างกายที่มี วิญญาณอื่นอยู่อีกหรือไม่? วิญญาณของหลานเอ๋อร์หายไปที่ใด? หรือว่าจะหายไปเหมือนหยวนจีนที่นางไม่มีโอกาสได้ทักทาย เมื่อนางนอนนิ่งๆ ความทรงจำของหลานเอ๋อร์ก็ค่อยๆ หลั่งไหล ให้นางได้รับรู้
…..ความสุข ความทุกข์ ความรัก ความชัง ความปรารถนา และความห่วงใย เผยมู่ซีไม่รู้ตัวว่าน้ำตาของตนไหลออกมาเป็น สาย นางเคยคิดว่าชีวิตตนเองในตระกูลเผยน่าสงสาร นักแท้จริงยังมีชีวิตของหลานเอ๋อร์ที่น่าสงสารยิ่งกว่า
พลันเผยรู้สึกว่าตนเองนึกอยากจะใช้ชีวิตในร่างของ หลานเอ๋อร์ผู้นี้ให้ดีและทำให้ชีวิตของจังฮูหยินและเสี่ยวลิ่งสาว ใช้ผู้แสนดีสุขสบายยิ่งกว่าเดิม
“หลานเอ๋อร์หลับไปแล้วหรือ?” จังฮูหยินหิ้วเอาปิ่นโตไม้เข้า มาในห้อง
เสี่ยวลิ่งที่ซับน้ำตาให้คุณหนูด้วยความเป็นห่วงหันไปมองผู้ เป็นนายแล้วพลางส่ายหน้า จังฮูหยินถลาเข้าไปวางปิ่นโตไม้ลงกับ น
“หลานเอ๋อร์ เจ้าเจ็บที่ใด? บอกแม่เร็วเข้า
เผยมซีลืมตาขึ้นมองสตรีตรงหน้าด้วยความเห็นใจ ความ ทรงจําของหลานเอ๋อร์ในตัวนางทำให้เผยรู้จักคนรอบตัว หลานเอ๋อ ไปโดยปริยาย จังฮูหยินกับบุตรสาวถูกขับไล่ให้ออก มาอยู่เรือนเดิมของสกุลชิงที่อำเภอเฉิน เรือนแห่งนั้นเก่าแก่และ ทรุดโทรมยิ่ง เสื้อผ้า อาหารและเครื่องนอนล้วนไม่สมบูรณ์อย่าง ที่ควร อาศัยปักซุนซ่อมแซมของเก่าใช้งานกระทั่งเถ้าแก่เนี้ยสกุล จางให้ความช่วยเหลือว่าจ้างจังฮูหยินปักผ้าสลับสีที่นางเคยได้ รับการถ่ายทอดจากตระกูลจังจึงทำให้ความเป็นอยู่ของทั้งสาม คนดีขึ้น
เดิมทีจวนเก่าสกุลซึ่งมีผู้ดูแลสามคน แต่หลังจากให้สามคน แม่ลูกมาอยู่ที่นี่ก็เหลือผู้ดูแลไว้เพียงคนเดียว ยังดีที่บ่าวผู้นั้นมีใจ เมตตาคอยช่วยเหลือตัดฟืนทำถ่านมาให้ใช้เสี่ยวลิ่งจึงไม่ลำบาก มากนัก
“ข้าไม่เจ็บหรอก….ท่าน…แม่…” เผยมเรียกออกมาอย่าง ยากเย็น จู่ๆ นางก็ต้องมาเรียกหญิงแปลกนางด้วยสรรพนามเช่น นี้ก็อดจะกระดากมิได้
…แต่ยังดีกว่าตอนเป็นเผยมซีที่ได้เคารพเพียงป้ายวิญญาณ ของมารดา…
จังฮูหยินรีบหยิบเอาชามข้าวและชามหมูผัดออกมาจากปิ่นโตไม้
“แม่เอาข้าวกับหมูผัดมาให้เจ้าแล้ว!”
ตั้งแต่เมื่อวานเผยมซีเองข้าวสักเม็ดก็ไม่ตกถึงท้อง ครั้นได้
กลิ่นข้าวหอมกรุ่นมีไอร้อนลอยวนพร้อมทั้งกลิ่นหมูผัดอันเย้ายวน
ก็อดจะกลืนน้ำลายดังเลือกได้ “หอมจริง! ข้าจะกินให้หมดเลยเจ้าค่ะ” จังฮูหยินกำลังจะตก ป้อนนางแต่บุตรสาวกลับลุกขึ้นนั่ง “ท่านแม่ข้าอยากกินเอง”
“เจ้าไหวหรือ? หลานเอ๋อร์
“ให้เสี่ยวลิ่งช่วยถือชามหมูผัดให้ข้าก็พอเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นว่า ร่างกายนี้ไม่อาจขยับลงจากเตียงได้อย่างที่คิด เผยมูซีจึงเปลี่ยน วิธี
เสี่ยวลิ่งรีบกุลีกุจอเข้ามานั่งใกล้ฉวยเอาชามหมูผัดจากจังฮู หยินไปถือไว้เสียเอง “ฮูหยินไปพักเถิดเจ้าค่ะ ให้ข้าถือช่วยคุณ หนูดีกว่า ท่านยังไม่ได้พักผ่อนตั้งแต่เมื่อคืนคงจะเพลียแย่”
จังฮูหยินพยักหน้าแล้วฝากให้เสี่ยวลิ่งดูแล ส่วนนางก็ออก ไปยังห้องพักในโรงเตี๊ยมที่เปิดเอาไว้เป็นนอนพักผ่อนและอาบ
“ท่านแม่ไม่ต้องห่วงข้า มีเสี่ยวลิ่งคอยดูแลก็พอแล้ว หาก ท่านแม่ยังไม่ยอมกินยอมนอนอีกล่ะก็พวกเราอาจจะต้องอยู่เฝ้า ท่านล้มป่วยที่นี่ต่อนะเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินบุตรสาวเอ่ยเช่นนั้นจังฮูหยินก็ยิ้มน้อยๆ “เจ้า อาการดีแล้วจริงๆ จึงได้กล้าเย้าแม่ เช่นนั้นแม่ขอไปอาบน้ำนอนพักสักหน่อย”
เสี่ยวลิ่งได้แต่มองคุณหนูของตนกินอย่างเอร็ดอร่อยจน
ตาค้าง ข้าวถ้วยแรกหมดแล้วคุณหนูก็ยังอยากจะขออีกถ้วย สาว ใช้จึงออกไปสั่งข้าวมาเพิ่มให้ “เห็นคุณหนูกินได้เยอะเช่นนี้ อีกไม่นานก็คงจะได้ออกไปวิ่งเล่นนอกเรือนแล้วเจ้าค่ะ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ