ตอนที่10 คุณหนูเก้าสกุลโจว่
ตอนที่10 คุณหนูเก้าสกุลโจว่
ซินเหยากับนายหญิงหมิ่นผู้เป็นมารดาหน้าพิมพ์เดียวกัน ราวกับแกะสลักออกมา โจวหยุนถึงเมื่อพบซินเหยาก็ ทราบว่าเด็กหญิงผู้นี้คือน้องสาวร่วมอุทรของเขาที่หายไป
แต่เรื่องราวยังไม่กระจ่าง เขาเองก็ไม่กล้าเร่งรีบ ผลีผลามโดยไม่รู้กาละเทศะ ดังนั้นจึงลอบติดตามซิน เหยาอย่างลับๆ ด้วยต้องการจะรู้ข้อมูลของซินเหยาให้ แน่ชัดก่อนแต่คาดไม่ถึงว่าซินเหยาจะสลบลงไปอย่าง กระทันหัน
ตัวตนของซินเหยานั้นแทบจะไร้ผู้คนกังขา ถึงแม้ว่านาย หญิงหมิ่นนั้นเสียไปแล้ว แต่ทว่าหลังจากที่ผู้อาวุโสสกุล โจว์รวมกระทั่งบิดาของโจว๋หยุนถิง โจว์เส้าฉีที่ได้พานพบ ล้วนมั่นใจเป็นเสียงเดียวกันว่าซินเหยาคือปี้หรงที่สูญหาย ไป สาเหตุเพราะซินเหยาและนายหญิงหมิ่นใบหน้าคล้าย กันมิผิดเพี้ยน อายุปีก็ยังสอดคล้องกันมาก
แทบไร้ผู้คนสงสัยและบิดเบือน ซินเหยาจึงกลายเป็น คุณหนูเก้าสกุลโจว่
นางที่อ่อนล้าจึงได้รับการดูแลอย่างเอาใจใส่
ขนเหยวประหลาดใจยิ่ง เพราะเหตุใดคนจึงคล้ายกับ นายหญิงหมิ่นมีผิดเพี้ยน
ถ้าไม่นับเรื่องที่นางเป็นผู้เดินทางข้ามโลกมา นางกระทั่ง สงสัยว่าตนอาจจะเป็นเด็กกำพร้าที่มีความสัมพันธ์ทาง สายเลือดกับนายหญิงหมิ่น….………
ทว่าแต่เดิมนางก็มิใช่คนของโลกใบนี้
แล้วจะเป็นปี้หรงตัวจริงได้อย่างไรกันเล่า?
ทว่าเนื่องจากการเดินทางข้ามโลกที่น่าพิศวง อีกยังได้ รับบัตรผ่านชั่วคราวอีกด้วย! สถานะของคุณหนูเก้าสกุล โจว่เป็นสุดยอดพาสปอร์ตที่ไม่สามารถซื้อหาได้ด้วยเงิน
ในฐานะสายลับ การแฝงตัวและการสับเปลี่ยนเดิมทีก็ เป็นเรื่องปกติที่เหมือนกับการทานข้าว ซินเหยาปลอมตัว เป็นคุณหนูเก้าผู้สูญหายตัวไปได้อย่างสบายใจไร้กังวล อย่างไรก็ตามการที่หายจากไปเป็นยี่สิบปี นางไม่มีอะไร ที่จะไปใช้พิสูจน์ยืนยันและอธิบาย แต่ข้ออ้างแถสีข้าง อย่างการสูญเสียความทรงจำที่มักจะใช้อยู่เสมอกับการ เดินทางข้ามภพก็พอจะใช้การได้
ภายหลังจากที่รู้ความจริงทั้งหมด นางจึงไม่แสร้งหมด สติอีกต่อไป ขณะอยู่ในสถานการณ์ที่แวดล้อมคนหมู่มาก แสร้งจงใจส่งเสียงพึมพำาอยู่ไม่กี่ครั้งก็ตื่นขึ้นมา
การฟื้นของนางเห็นได้ชัดว่าทำให้เกิดความชุลมุนใน จวนอ๋องโจว์มิใช่น้อย
นายผู้เฒ่าสกุลโจว่ โจว์เส้าฉีและกลุ่มพี่น้องหญิงชายที่ รุ่นราวคราวเดียวกันกับผู้อาวุโสสกุลโจว์เกือบจะทุกคน ล้วนมาเยี่ยมเยือนนาง บรรดาคนรับใช้ปรนนิบัติและดูแล กันอย่างขยันขันแข็ง
การเผชิญกับข้อสงสัยของผู้อื่น ความเห็นอกเห็นใจ นาง อย่างไรล้วนแสร้งโง่งม ผู้คนมากมายสนทนาพาที ทักษะ ด้านภาษาของนางกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงไม่ นานก็สามารถทำการสื่อสารง่ายๆกับผู้คนได้แล้ว
ห้องนอนสตรีเล็กๆของนาง วุ่นวายอยู่หลายวันจนสงบ ลงในที่สุด
“น้องหญิง เจ้าดูสินี่คืออะไร?”
โจว์หยุนถึงประคองดอกพุดช่อใหญ่เดินเข้ามาในห้อง ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เขาคือพี่ใหญ่ร่วมสายเลือดของ ปี้หรง ลำดับที่สี่ในวงศ์สกุล รับผิดชอบดูแลจัดการกิจวัตร ประจำวันภายในตระกูล มีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม แต่โชค ไม่ดีที่เขาเกิดมาพร้อมอาการป่วยหนักจนไม่อาจร่ำเรียนวรยุทธ์ หลังจากผ่านช่วงเวลาอันคึกคักไปแล้ว เขายังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยังมาเยี่ยมเยียนซินหยา ก วัน
ข็นเหยากล่าวชม “หอมดีเจ้าค่ะ”
โจว๋หยุนถึงกล่าว “หรงเอ๋อร์ นี่ให้เจ้า หนึ่งเดือนมานี้เจ้า อุดอู้อยู่แต่ในห้องคงจะอึดอัดแย่ ดมกลิ่นดอกไม้หอมคน จะได้มีชีวิตชีวาสักนิด
ร่างกายซินเหยาแท้จริงฟื้นตัวนานแล้ว ยามที่ไร้ผู้คน นางยังปิดประตูทำการฝึกฝนความแข็งแกร่งของร่างกาย และทักษะการต่อสู้ ถึงแม้จะข้ามโลกมาแล้วแต่นางไม่ อาจที่จะละทิ้งทักษะด้านการต่อสู้
ดอกพุดที่เพิ่งจะถูกเด็ดมายังกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายดิน กลิ่นหอมสดชื่นกระจายทำให้คนปลอดโปร่ง ซินเหยา ทราบว่าการที่คุณหนูเก้าหวนคืน โจว๋หยุนถึงเป็นผู้หนึ่งที่ เบิกบานใจมากที่สุด ทว่าเมื่อเห็นเขาขยันขันแข็งดูแลนาง อย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ภายในใจของนางจึงรู้สึกละอายอยู่ เล็กน้อย
“พี่สี่ ข้าชื่อว่าซินเหยา” นางกล่าวเสียงเน้น
“โอ้ โอ้ ขอโทษ เจ้าดูพี่สิ ความจำสั้นเสียจริง เจ้าระหกระ เหินภายนอกนานหลายปีเช่นนี้ก็คงเคยชินกับชื่อซินเหยา ข้ายังจะเรียกชื่อในอดีตของเจ้าได้อย่างไรกัน? ซิน เหยา ชื่อนี้ก็เพราะดีนะ ท่านปู่และท่านพ่อก็กล่าวว่าหลัง จากนี้เจ้าสามารถเรียกว่าโจว์ซินเหยา” โจว์หยุนถึงพูด กล่าวมากมายในสมอึดใจเดียว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ