อาจารย์ผู้ทรงอ่านาจเข้าเมือง

บทที่13 ฟิดกับหมา



บทที่13 ฟิดกับหมา

อาการของคนที่มีชีวิตชีวา ตอนนี้ เย่ชีวก็มีความรู้สึกแบบนั้น เหมือนกัน

หลังเดินออกมาจากห้องพักอาจารย์ของซว เจียว เขารู้สึกได้ ถึงชีวิตของตัวเองที่สดใส แสนจะคุ้มค่า เต็มไปด้วยพลัง มหาศาล

นึกถึงความละเอียดอ่อนและความเป็นผู้ใหญ่ของซว เขียว และท่าทางที่น่ารักดูไร้เดียงสา ในใจของ เซิวเต็มไปด้วยความ อบอุ่น

“ก็แค่ยอมเป็นหัวหน้าห้อง แล้วก็เอารางวัลห้องเรียนดีเด่นมา ให้ได้แค่นั้นเอง?” เย่ชิวพูดออกมาอย่างมั่นใจ

พอกลับมาถึงห้องเรียน ลัวซื้อหาน ใช้สายตาที่เย็นชามองมาที่ ตัวเอง จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปเหมือนเดิม เมื่อสักครู่นี้มันทำให้เย ชิวรู้สึกถึงความเหย่อหยิ่งอย่างมาก หนึ่งในผู้ชายที่อายุรุ่นราว เดียวกันกับ เย่ชิวมักจะมีความหยิ่งในตัวเองว่ายังไงก็ต้องมี สาวๆเข้ามาสนใจเสมอ ตามติดอย่างเงียบๆ แต่ทว่าที่เห็นอยู่ ตรงหน้าจั่วซื้อหานไม่มีความรู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด

“ซื้อหาน ฉันไปติดเงินเธอหรือยังไง?”

“เปล่าสักหน่อย” ลั่วซือหานตอบด้วยเสียงไพเราะ แล้วก็ ช่วยเรียกฉันว่าลั่วซือหานหรือซื้อหานนะ” ลั่วซือหานกรอกตาใส่เชิวจากนั้นก็เริ่มทำเป็นไม่สนใจ

เย่ชิวคิดได้ว่าเลิกตอแยคนที่เขาไม่สนใจสักที ขี้เกียจที่จะ สนใจแล้วด้วย สาวๆ ในห้องเรียนก็มีไม่น้อย เชิวก็ไม่ใช่คน ประเภทที่ยอมตายใต้ต้นไม้ต้นเดียวหรอก สายตาเริ่มมองซ้าย มองขวา หาเหยื่อของตัวเองต่อไป

ในขณะนั้นเอง จู่ๆก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากหน้า ห้องเรียน ประมานเจ็ดถึงแปดคน อบอวนไปด้วยกลิ่นเหล้า ดู เหมือนนั่งกินเหล้ามา ผู้ชายพวกนั้นเดินตรงเข้าไปข้างหน้าของ ล้วซือหาน ยิ้มแล้วพูดว่า “ซื้อหาน เป็นเธอจริงๆด้วย ไอ้อ้วนบอก ว่าเธอมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเจียงเฉิง ฉันยังคิดว่าไอเด็กนั่นมัน อ่าฉันเล่น ทําไมเธอไม่ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเช่นจึงละ? คะแนน เธอออกจะดี มาเรียนที่นี่ไม่น่าเสียดายแย่เหรอ”

ผู้ชายพวกนั้นไม่ทันสังเกตว่า ใบหน้าที่เฉยเมยของลัวซื้อหาน ได้เปลี่ยนเป็นเย็นชากว่าเดิมอีก และบนใบหน้าซีดขาวนั้นมี ความละอายใจซ่อนอยู่

“ซื้อหานฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเธอชอบฉัน แค่เธอเองไม่ยอมรับมัน สักที เหอะๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเราจะมาเรียนอยู่ในมหาลัยเดียวกัน อีก ครั้งนี้ฉันจะดูแลเธอเป็นอย่างดีแน่นอน” ผู้ชายคนนั้นพูดจา เหมือนกับไม่เคยพูดมาก่อนเลย

พอเห็นรั่วซื้อหานมีท่าทางรังเกียจขึ้นมา เย่ชีวก็พอจะรู้ตัวว่า มันถึงเวลาที่ตัวเองควรจะแสดงละครสักหน่อยแล้วละ

“อะแฮมๆ” เย่ชิวไอแห้งๆสองที “ซื้อหานเมื่อเช้าเธอกินชาลาเปาลงไปเหรอ?”

ล้วซื้อหานกำลังกังวลว่าไม่มีใครมาชวนคุยเพื่อเปลี่ยนเรื่อง เลย พอได้ยินที่ เย่ชิวพูดคุยกับตัวเองนั้น ก็เปลี่ยนจากเฉยชา และมองมาทาง เยวอย่างเป็นมิตร “ไม่นะ เมื่อเช้าฉันกินขนมปัง กับนม

“ถ้าอย่างนั้นก็แปลกนะสิ” เย่วขมวดคิ้วชนกัน

“ทําไมหรอ?” ลัวซือหานก็ถามคำถามออกมาแบบงงๆ พร้อม กับสายตาที่มีแต่ความสงสัย

“เธอไม่ได้กินซาลาเปา แล้วทำไมเธอไม่สนใจหมามันละ

“ฟู้ว” เพียงประโยคนี้หลุดออกมา คนเย็นชาไม่ค่อยพูดจา อย่างมั่วซื้อหานก็เผลอยิ้มมุมปาก แต่เวลาที่ยั่วซื้อหานยิ้มนั้นดู เป็นธรรมชาติมาก แถมแก้มทั้งสองข้างยังมีสีชมพูอ่อนอีกด้วย น่าประทับใจเป็นพิเศษเลยละ

ผู้ชายคนนั้นเรียนมัธยมปลายกับถั่วซื้อหานมาสามปี ไม่เคย เห็นวซือทานยิ้มหัวเราะกับผู้ชายคนไหนมาก่อนเลย และวันนี้ก็ เป็นวันแรกที่เขาได้เห็นรอยยิ้มของถั่วซือหาน ถึงกับอึ้งเลยที เดียว รู้แค่ว่าเวลาที่ล้วซื้อหานมีท่าที่เย็นชามันทำให้พวกผู้ชาย ใจสลาย ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเวลาที่ยิ้มขึ้นมายิ่งทำให้พวกผู้ชาย ใจสลายกว่าเดิมอีก

“นายคือใคร?” ลัวซือหานอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนั้นยิ่งทำให้ไม่ กล้าโมโห ตอนนี้ เย่ชิวโผล่ออกมา เปิดช่องทางให้เขาได้กระทืบ คนพอดี
“ฉันเป็นเพื่อนของซีอหาน ทำไมเหรอ? ชอบฉันละสิ ฉันไม่สน ผู้ชายหรอกนะ” ท่าทางที่ดูตลกของ เยซิว เม้มริมฝีปาก ทำตา หรี่ๆ ทำหน้าตาเหมือนกลัว

ในอีกด้านล้วซือหานมองดูท่าทางของ เชีว ก็หัวเราะออกมา อีกครั้ง คิดไม่ถึงเลยว่าทุกที่เอ้อระเหยลอยชาย จะเปลี่ยนเป็น เช่ ชิวที่พูดมากแถมยังพูดติดตลกอีกต่างหาก ถึงแม้มันจะดูไม่ค่อย สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ จริงๆแล้วล้วซื้อหานก็รู้ว่า เยซิวสามารถ จัดการกับเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้

“ทำไมนายถึงด่าฉันว่าหมา? นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?

“นายไม่ใช่หมาหรอกเหรอ?” เย่ชีวตอบกลับทันทีโดยไม่กลัว ที่ผู้ชายคนนั้นพูดจาข่มขู่เลยแม้แต่นิดเดียว

ทันใดนั้นเองพวกผู้ชายและสาวๆทั้งหลายที่อยู่รอบๆนั้นถึงกับ

อึ้งกับคำตอบที่ฉลาดหลักแหลมของ เย่ชิว อีกด้านหนึ่งจากคนที่

ยิ้มน้อยมากอย่างมั่วซื้อหานวันนี้ทำให้เธอมีรอยยิ้มที่มุมปากได้

ทั้งวันเลยละ

“ซื้อหาน จริงๆเธอควรจะยิ้มซะบ้างนะ เวลาที่เธอยิ้มมันทำให้ เธอดูสวยขึ้นเป็นกองเลย” เย่ชิวพูดกับลั่วซื้อหานด้วยน้ำเสียง เบาๆ “อย่ามายุ่ง” ลัวซือหานกรอกตาใส่ เย่ชิวไปหนึ่งที

ทันทีที่ได้เห็นลั่วซื้อหานกับ เย่ชิวพูดคุยกันอย่างกระหนุงกระ หนึ่งเหมือนกำลังจีบกัน ในใจของผู้ชายคนนั้นก็เหมือนมีเปลวไฟ ลุกขึ้นมาอยู่เต็มอก จากนั้นก็กำหมัดซัดเข้าไปที่ เย่ชิวโดยตรง

ผู้ชายคนนี้รูปร่างแข็งแกร่ง กำยำล่ำสัน ดูรอบๆก็มีแต่พวกนักเลง คนทั่วไปแค่เห็นกำหมัดก็ตาถลนแล้ว แต่ เย่ชิวช่างน่า เหลือเชื่อ ในใจคิดว่าครั้งนี้ต้องโดนรุมแน่ๆ ไม่ต้องพูดถึงผู้ชาย คนนี้ แค่พวกลูกน้องที่ตามมาพวกนั้น แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ เรื่องดีแน่ๆ

เย่ชิวก็ไม่ได้หลบหนีหรือถอยหลังอย่างแน่นอน ในดวงตาก็มี แสงไฟแห่งความเย็นขึ้นมาทันที ยกแขนขึ้นมา แล้วค่อยเข้าไปที่ ผู้ชายคนนั้นอย่างจัง

ลูกตาของลั่วซือหานแทบจะกระเด็นหลุดออกมา อย่างที่เขา พูดกันว่าผู้ชายเป็นคนอารมณ์ร้อนฉุนเฉียว แต่ก็ไม่น่าจะรุนแรง ขนาดนั้นหรือเปล่า พูดยังไม่ทันจบก็ตีกันซะแล้ว

คาดไม่ถึงเลยว่า เย่ชีวจะรับหมัดจากผู้ชายคนนั้นได้กำหมัดไว้ อย่างแน่น และไม่รอให้ผู้ชายคนนั้นดินออก มืออีกข้างก็ชัด เข้าไปอย่างจัง เสียงดังกังวาน ได้ยินกันทั้งห้อง

ในตอนนั้น ทุกคนต่างเงียบกันหมด

ผู้ชายคนนั้นลบรอยโดนต่อยที่หน้า ตกตะลึง จะร้องไห้ก็ร้อง ไม่ออก ไม่คาดคิดว่าจะมีคนกล้าตีกับตัวเองในมหาวิทยาลัย เจียงเฉิง เขาไม่รู้จริงๆเหรอว่าพ่อแม่ของฉันเป็นผู้ว่าราชการใน เมืองเจียงเฉิงเขตเปียซาน?

เดิมทีเมืองเจียงเฉิงเป็นที่ตั้งของเทศบาล เป็นเขตที่ผู้ว่า ราชการมีอำนาจในการปกครอง ไม่คาดคิดว่าเจ้าเด็กนี้จะไม่ให้ เกียรติตัวเองเลย ต่อยมาอย่างไม่มีความปราณี

“นาย ไอเด็กน้อยคิดไม่ถึงว่าจะกล้าต่อยฉัน นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? พวกแกยื่นอึ้งกันอยู่ทำไมละ? คุมมันให้ตายไปเลย” ผู้ชายคนนั้นตะคอกสั่งลูกน้องที่ยืนอึ้งกันอยู่ข้างหลัง ในเวลานั้น พวกที่อยู่ด้านหลังก็รับทราบ และรุมกันเข้ามา

“จางห้าว พอได้แล้ว! ไม่จบสักที” ลั่วซือทานออกมาห้ามและ ปกป้อง เย่ชิว ด้วยใบหน้าที่โกรธเต็มที่

เยซิวรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา “ซื้อหาน ฉันรู้ว่าเธอก็สนใจฉันอยู่แล้ว

ในที่สุดก็เปิดเผยออกมาในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้”

“เหอะ ฉันก็แค่ไม่อยากให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่” ลั่วซื้อหาน เคยเห็นฝีมือของ เย่ชิวมาก่อนที่คลับหวางเจีย ไม่ต้องพูดถึงพวก จางหาว กลัวว่าสิบเท่าของคนพวกนี้ก็ยังสู้กับ เย่ชิวไม่ไหว ถ้า หากเรื่องมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ละก็ เย่ชิวต้องกินไม่ได้นอนไม่ หลับแน่ๆ ต้องขอโทษทรงหว่านเยวด้วย ที่แน่ๆมีผลกระทบมา ถึงตัวฉันเองอย่างแน่นอน

“ซื้อหาน ไอเด็กคนนี้มันต่อยคนอื่น เธอยังเลือกที่จะปกป้อง มันเหรอ?” จางห้าวรักมากจนยอมตายแทนได้ เห็นรั่วซื้อหานที่ กำลังปกป้อง เยซิว ในใจรู้สึกเหมือนกับถูกฉีกเป็นชิ้นๆ

“ฉันฟัดกับหมาตะหาก” เย่ชิวเห็นบรรยากาศเริ่มไม่ดีเลยพูด

ขนมา

“จางห้าว พอได้แล้ว แล้วก็รีบพาคนของนายออกไปจากที่นี้ ซะ” จางห้าวยังไม่ทันได้ด่ากลับ ลัวซือหานก็รีบตะโกนออกมา เขารู้ว่าการด่าออกมา จะทำให้อารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาอีก คาดว่าเย่ชิวจะต้องลงไม้ลงมืออีกแน่ๆ

จางหาวมอง เชิวด้วยสายตาแค้นเคือง แล้วก็หันมองไปที่ ลัวซือหาน แล้วพูดอย่างอ้อนวอน “ซื้อหาน เธออยากได้อะไรฉัน ทำให้เธอได้ แต่ว่าขอแค่เรื่องนี้เท่านั้น……

“ฉันบอกให้ออกไปเดี๋ยวนี้” ลั่วซือหานพูดแล้วพูดอีก ราชินี แห่งความกล้าหาญ เหตุการณ์นี้ทำให้เยซิวที่อยู่ข้างหลังถึงกับ อึ้งไปเลย นึกไม่ถึงจริงๆว่าคนเย็นชามาตลอดอย่างยั่งซื้อทานถึง เวลาที่โมโหขึ้นมาน่ากลัวสุดๆ

พอเห็นว่า วซือหานโกรธขึ้นมาจริงๆแล้ว จางห้าวไม่รู้ว่าควร จะทำอะไรต่อ พ่อแม่ของลัวซื้อหานเป็นผู้มีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ เขา ได้ยินพ่อแม่ของลั่วซือหานพูดว่า มันง่ายนิดเดียวที่จะทำให้พ่อ ของเขาถูกไล่ออก และเขาก็หลงรักลัวซื้อหานอยู่แล้ว ในตอนนี้ ถ้ายังขึ้นมีเรื่องต่อละก็ คาดว่าความรู้สึกที่ล้วซื้อหานมีต่อตัวเรา มันจะกลายเป็นน่ารังเกียจเข้าไปอีก

พอคิดไตร่ตรองเสร็จ จางห้าวก็ส่งสายตาอาฆาตไปหา เย วอีกครั้ง “แกนะแก ฝากไว้ก่อนเถอะ พวกเรากลับ

คิดว่าจางห้าวจะต้องเกือบราดแน่ๆ ที่เห็นชั่วซื้อหานปกป้อง เย่ชีวซะขนาดนั้น ในใจก็เปิดความอิจฉาขึ้นมาทันที

“ไออ้วน ส่งมือถือมาให้ฉัน จะรีบโทรหาพี่เปียว” พึ่งเดินออก จากห้องเรียน จางห้าวโมโหและบ่นออกมา จากนั้นผู้ชายใส่แว่น เตี้ยๆอ้วนๆก็เอามือถือไอโฟนเจ็ดออกมาให้จางห้าว

ในขณะนั้นเองในร้านนวดเท้าตึกหนึ่งในโซนเขาเขตเหนือ มีผู้ชายหนึ่งคนตามตัวเต็มไปด้วยผ้ากอซพันแผล กำลังคุย โทรศัพท์อย่างโมโห “พวกแกออกมากินข้าว มันจะมีประโยชน์ อะไร ฉันบอกแก รอบแล้วคณะศิลปศาสตร์ของเมืองเจียงเฉิง คนชื่อจ้าวเย่อเที่ยว จ้าวเย่อเที่ยว แกจะให้ฉันพูดอีกกี่รอบ

คนที่อยู่ในสายเงียบไปพักหนึ่ง แล้วพูดเสียงสั่นๆออกมา “พี่ เขียว ผมถามไม่รู้กี่รอบแล้ว ที่โรงเรียนบอกว่าไม่มีคนซื่อ จ้าว เย่อเที่ยว”

พี่เปียวปา โทรศัพท์ทิ้งอย่างโหดเหี้ยม แขนที่มีรอยสักรูป กะโหลกมีแผลฉีกขาด เจ็บจนกัดฟันแทบจะหัก

“ไอพวกไร้ประโยชน์” พี่เปียวหน้าซีดขาวเหมือนเชือกที่ใส่อยู่ ที่มือ เพลินเพลินกับเทคนิคการนวดและมือที่นุ่มนวลของหมอ นวด

จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่เปียว ครั้งนี้พี่ต้องแก้แค้นให้ฉันนะ ฉันโดนตีที่ มหาวิทยาลัยเจียงเฉิง” พอรับโทรศัพท์ เสียงร้องก็ดังขึ้นมาทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ