บทที่ 3 long time no see
เชิวยักไหลอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วพูดออกมาอย่าง น้อยใจ “ผมสาดโค้กใส่เขาก็จริงแล้วก็พลาดไปต่อยเขาด้วยอัน นี้ผมยอมรับ แต่ที่ผมไปลวนลามแฟนเขาอันนี้ผมรับไม่ได้ ตาผม ไม่ได้บอดนะ มีผู้หญิงที่สวยแบบพี่อยู่แล้วแล้วผมจะไปลวนลาม เธอทำไม พี่ดูเธอรูปร่างก็ไม่ได้สัดส่วน มีแก้มก็เหมือนไม่มี ที่มี ก็มีแต่ไขมันส่วนเกินกับรอยย่นบนใบหน้า บอกตามตรงนะผม หาความสวยเธอไม่เจอเลย”
ผู้หญิงคนนั้นพอได้ยินที่เยซิวพูด พลันปากก็ซีดกล้ามเนื้อบน ใบหน้าก็กระตุก อยากจะตะโกนด่าไปสักฉาดใหญ่แต่ก็ถูก สายตาของหลี่กังกดดันกลับไป
“เสี่ยวชิว นายยังปากหวานเหมือนเดิมเลยนะ”
“ก็ที่ผมพูดมันจริงหนิพี่หว่านเยว พี่สวยกว่าพวกผู้หญิงที่ผม เห็นในทีวีเสียอีก”
“เสี่ยวชิว”
“พี่หว่านเยวผมคิดถึงพี่จังเลย”
“ฉันก็เหมือนกัน” มู่หรงหว่านเยวตอบเสียงเบา แต่ทว่าทุก ถ้อยค่กลับถูกสลักลงไปในใจของเชิว เศร้าโศกลึกซึ้ง
พ่อของมู่หรงหว่านเยวกับของเชิวเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ตอนนั้นมู่หรงหว่านเยวกับเย่ชิวเคยอยู่ในชนบทด้วยกันช่วงหนึ่งจากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลาหลายปีแล้ว
“ขึ้นรถเถอะ” มู่หรงหว่านเยวไม่สนใจพ่อลูกหลีทั้งที่ยืนอยู่ด้าน ข้างแม้แต่น้อย ผู้จัดการใหญ่แบบนี้ในบริษัทที่มีอยู่ทั้งหลายสิบ คน ดังนั้นทรงหว่านเยวจึงไม่เสียเวลาไปสนใจแม้แต่น้อย
มองจนกระทั่งรถเฟอร์รารี่สีแดงของมู่หรงหว่านเยวจากไปไกล แล้ว หลี่กังจึงรู้สึกผ่อนคลายลงทันที แข้งขาทั้งสองอ่อนแรงลง ร่างกายก็ร่วงลงคล้ายเป็นอัมพาต ยังดีที่บอดี้การ์ดมือไวรีบรับ เอาไว้
“ไอ้ลูกโง่เอ๊ย พวกเราเกือบจะไม่ได้มีชีวิตอยู่ต่อในเมืองเชียง เฉิงแล้วมั้ยหล่ะ” พอเห็นหน้าหลีกังที่ซีดขาวราวกระดาษแล้ว หลี่ เจี้ยก็รู้ว่าตัวเองได้ในตอเข้าอย่างจัง ใครจะไปรู้ว่าเขาไปก่อเรื่อง กับประธานแห่งบริษัทเพิ่งถังกรุ๊ปไว้อย่างคาดไม่ถึง
“คุณปู่สบายดีมั้ย?” มู่หรงหว่านเยวที่หมุนพวงมาลัยรถอยู่ ถามขึ้นอย่างร่าเริง
“สบายดีอยู่ยังไม่ตาย
“นายนี่ยังพูดจาเหลวไหลเหมือนเดิมเลยนะ”
“ก็คุณปู่สอนมาแบบนี้หนิ” เชิวไม่ใช่ว่าไม่เคารพคุณ แต่ เป็นเพราะว่าตั้งแต่เล็กจนโตเขาอยู่กับคุณปู่มาตลอดก็เลยรู้สึก สนิทใกล้ชิดกันมาก มีหลายครั้งที่คุณปู่ก็เอ็นดูเมตตาเชิวมาก เชิวก็เคารพรักคุณมากเช่นกัน บ่อยครั้งที่ทั้งคู่ชอบหยอกล้อ กันเล่น ดังนั้นแม้ว่าเยซิวจะตอบแบบดูไม่ค่อยสุภาพแต่ที่จริงแล้ว เขาทั้งรักทั้งเคารพคุณปู่มาก
“อ้อ พี่หวานเยวพี่จัดการเรื่องที่เรียนให้ผมรึยัง?
“อืม มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงสาขาสาขาวรรณคดีจีนและต่าง ชาติ”
“เฮ้ย ทำไมถึงจัดการให้ผมไปเรียนอยู่คณะศิลปศาสตร์หล่ะ?”
“คุณปู่บอกฉันให้แนะนำแฟนให้นายบ้าง ในนั้นมีหญิงสาว สวยเยอะแยะจะตายไป” มู่หรงหว่านเว์พูดอย่างกระตือรือร้น มั่นใจ แต่ตอนที่พูดนั้นบนใบหน้ากลับมีความเศร้าจางๆแฝงอยู่
เชิวทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไว้
พอเห็นเย่ชิวเป็นแบบนี้มู่หรงหว่านเยวก็รู้สึกแปลกๆ มุมปาก ยิ้มโค้งเล็กน้อย “ตอนเด็กๆความฝันนายคืออยากมีฮาเร็มเป็น ของตัวเองไม่ใช่เหรอ? พอเข้าเรียนสาขาวรรณคดีจีนแล้วความ ฝันนายก็จะสําเร็จ ทำไมถึงไม่รู้สึกดีใจหล่ะ?”
ตอนเย่ชิวยังเด็กเขามีความฝันแบบนี้จริงๆ นั้นก็เพราะตัวเอง
ไปเห็นลู่ติ่ง(ละครจีน)ไงหล่ะ
“นายบอกพี่มาว่าสเปคผู้หญิงที่ต้องการเป็นแบบไหนที่จะได้
แนะนำให้ บอกมาได้เลยนะ ผู้หญิงสวยๆที่อยู่รอบตัวพี่ก็มีไม่
น้อย” มู่หรงหว่านเยว์พูดอย่างสบายๆ แต่เชิวกลับก้มหน้า
ไม่พูดอะไร เขามีคนในใจมาตั้งนานแล้ว ในชีวิต ความสุขของ
เขาไม่มีอะไรมาเทียบได้กับการได้ขอยู่ทรงหว่านเยวแต่งงานเป็น
ภรรยาอีกแล้ว เย่ชิวตัดสินใจแล้วว่าจะเก็บความลับนี้ฝังกลบมิดไว้ในใจ
สนามบินเจียงเฉิงตั้งอยู่ชานเมืองทางเหนือแต่บ้านของมู่หรง หว่านเยวตั้งอยู่ทางใต้ ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในการขับรอบ ทางด่วน จากนั้นจึงลงทางด่วนขับรถอีกประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า ถึงจะถึงที่อยู่ของมู่หรงหว่านเยว
ที่นี่คือเขตที่คนรวยอาศัยอยู่ในเจียงเฉิงที่มีชื่อเสียงที่สุด ได้ยินว่ามหาเศรษฐีห้าสิบอันดับของเจียงเฉิงก็ล้วนอาศัยอยู่ที่นี่ คฤหาสน์ที่มีสวนดอกไม้ทั้งหมดล้วนตั้งอยู่อย่างสันโดษ จากนั้น ก็ยังมีเนินเขาและทะเลสาบที่ขุดขึ้นเองด้วย
คฤหาสน์ของมู่หรงหว่านเยวก็ช่างสวยเลิศ คฤหาสน์หลัง หนึ่งมีสามชั้นข้างหน้ามีสนามหญ้าและสวนดอกไม้ เย่ชิวยัง ไม่ทันได้ชื่นชมดอกไม้ใบหญ้าในสวนก็ถูกทรงหว่านเยวดึงตัว เข้าไปข้างใน
ชั้นแรกมีห้องโถงใหญ่ ห้องครัว ห้องน้ำและห้องนอนแม่บ้าน เล็กๆห้องหนึ่ง ชั้นสองเป็นห้องนอนผสมกับห้องประชุมเล็กๆ ชั้น สามเยซิวยังไม่ได้เห็นแต่คิดว่าน่าจะเป็นสวนดอกไม้ลอยฟ้า เพราะตอนขึ้นมาข้างบนเขาเห็นบันไดขึ้นชั้นสามมีพืชไม้ดอก ระย้ามากมาย
“นี่ห้องนอนฉัน นายอยู่ห้องตรงข้าม” มู่หรงหว่านเยวพาเย่ชีว เดินผ่านห้องนอนสองห้องและห้องประชุมเล็กๆไป จากนั้นจึงมา หยุดอยู่หน้าห้องนอนฝั่งตรงข้าม ประตูห้องนอนของมู่หรงหว่าน เยว์เปิดอยู่ เย่ชิวจึงโยนตัวเองลงไปบนเตียง ภายในได้รับการ ตกแต่งอย่างสวยงามแลดูสว่างโล่งและยังมีกลิ่นหอมที่ทำให้ สมองผ่อนคลาย แถมยังแต่งตามรสนิยมตามแบบผู้หญิงชนชั้นกลางที่อยู่คนเดียวอีก
“ลองดูห้องของนายก่อนไม่พอใจตรงไหนก็บอกได้
เยซิวมองเตียงใหญ่ในห้องนอนของตัวเอง แล้วยังห้องน้ำที่มี ขนาดกว้างขวาง ห้องน้ำมีประตูกระจกสลัวๆบานหนึ่งที่คนข้าง นอกสามารถมองเห็นร่างกายและอิริยาบถของคนที่อยู่ด้านในได้
ในใจเย่ชิวรู้สึกอุ่นวาบ “พี่หวานเยวขอบคุณนะที่ยังจำความ ฝันของผมได้”
มู่หรงหว่านเยวยิ้ม “ไม่ทำให้นายผิดหวังก็ดีแล้ว”
ของจัดแต่งเหล่านี้ก็ล้วนเป็นทรงหว่านเยวที่เลือกเองกับมือ ตอนที่เชิวกับมู่หรงหว่านเยวยังเด็กเคยนอนบนเตียงเดียวกัน ที่นอนทั้งแข็งทั้งแคบทั้งสองต้องนอนเบียดกัน มู่หรงหว่านเยว มักจะนอนตรงที่เล็กๆแล้วให้เยซิวนอนพื้นที่กว้าง ตอนนั้นเว เพิ่งจะสี่ขวบกว่าและมู่หรงหว่านเยวก็เป็นสาวน้อยอายุสิบปีขึ้น ไปแล้ว ร่างกายก็โตกว่าเชิว ดังนั้นเวลานอนมักจะสะดุ้งตื่น เสมอ ตอนนั้นเชิวก็พูดไร้เดียงสากับฝ้าเพดานว่าต่อไปเขาต้อง มีเตียงใหญ่ๆ และมีห้องน้ำกว้างๆ ห้องน้ำต้องติดตั้งประตูกระจก ถ้าเป็นอย่างนั้นตัวเองก็จะสามารถมองเห็นมู่หรงหว่านเยวอาบ น้ำแล้วเผลอลื่นล้มลงได้
ใครจะไปคิดว่าคำพูดตอนตัวเองยังเป็นเด็กน้อยนั้นกลับ กมู่หรงหว่านเยว์จดจำได้ขึ้นใจ
“ดีแล้ว นายรีบไปอาบน้ำไปฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนเย็น ฉันจะพานายไปชมชีวิตตอนกลางคืนของเมืองเจียงเฉิง” เวลามู่หรงหว่านเยว์พูดมักจะรอยยิ้ม การแสดงออก
ความรู้สึกทั้งหมดเหมือนดั่งจะทำให้คนศิโรราบ
เยซิวมองเห็นตรงหว่านเยวผ่านนอนตัวเองโดยตรง อีก ทั้งปิดประตูเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว
ผู้หญิงอายุสิบเจ็ดแต่ยังเหมือนสาวอายุสิบเจ็ดสิบ แปดอย่างไรอย่างไขมันส่วนเกินแต่น้อย
เยซิว ใช้สายตามองอย่างรวดเร็ว เป็นผู้หญิงดีจริงๆ
อาจเป็นเพราะว่ารู้สึกตาที่จ้องมองตนจากด้านหลัง หันกลับไปจึงเห็นเชิวกำลังมองตนเองอยู่ ใบหน้าเห่อร้อนทันใด เสี่ยวชิว ทำไมยังไม่อาบอีกตอนโตแล้วนะ หรือยังอยากให้พี่สาวช่วยอาบให้อยู่เหรอ”
หรงหว่านเยว์พูดจบก็ปิดประตูห้องนอนอย่างช้าคำที่พูด ทิ้งไว้ก็ทำให้เย่ชีวจินตนาการไปไกล
พอถึงน้ำเสียงมู่หรงหว่านพูดประโยคว่า พี่สาว ช่วยอาบน้ำให้นั้นในใจอยู่
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ