อย่าลืมรัก

Chapter 1



Chapter 1

Chapter 1

ผมง่วนร่ายนิ้วโซโล่กีตาร์ไม้รุ่นกิ๊ปสัน เลส พอลสีแดงสด ตัวเก่งให้เข้ากับจังหวะเพลงบรรเลงที่ดังก้องในหู มันเป็น บทเพลงซิงเกิ้ลใหม่ที่พวกเราทำสำหรับโปรโมทลงในสื่อ โซเชียลของวง ขณะที่ผมกำลังอัดเสียงกีตาร์แบคกิ้งแทร คอยู่เพียงลำพังภายในห้องนอนเก่าที่ถูกเนรมิตให้เป็น ห้องซ้อมดนตรี มีฟองน้ำเก่าและลังไข่ที่ใช้แล้วแปะติดฝา ผนังจนมิดเพื่อกันไม่ให้เสียงเล็ดลอด กลับถูกขัดจังหวะ ด้วยเสียงกระทบของกล่องผ้ากำมะหยี่ขนาดสี่เหลี่ยม จัตุรัสสีกรมท่ากับโต๊ะทำงาน ตรงหน้าจนทำให้ผมสะดุ้ง จำเงยหน้าขึ้นมาหาเหตุต้นตอของเสียง จึงได้พบชายร่าง สมส่วนขมวดคิ้วหรี่ตาตี่เพ่งมองโทรศัพท์มือถือสีหน้าดูบึง ตึง ยืนกดโทรศัพท์อย่างมันมือ ไม่ได้สนใจไยดีผมเลยสัก นิต

“ทำหน้ามึนไร’วะ ของขวัญชิ้นที่สี่สิบห้าของวง…มีแฟน คลับฝากมาให้ไง”

ผมรู้สึกประหลาดใจ เพราะการมีแฟนคลับตามมาให้ ของขวัญผมติดกันถึงห้าครั้งมันไม่ใช่เรื่องปกติเท่าไหร่ เนื่องจากพวกผมยังคงอยู่ในสถานะเป็นวงดนตรีใต้ดิน พึ่งลงเพลงบนสื่อโซเชียลไม่ทันได้ใช้เวลาขมักเขม้นใน การเรียกร้องความสนใจในวงกว้างมากนัก ใครมันจะไป นึกเล่าว่า จะมีคนสนใจเข้ามาฟังผลงานของพวกผมอย่าง จริงจังถึงขั้นตามมาให้ของขวัญที่รังหนูแล้ว ทว่าแม้จะตื่นเต้นเพียงใดผมคงต้องเก็บอาการไว้ เพราะงาน อัดเสียงที่เร่งด่วนนั้นสำคัญต่อชีวิตในตอนนี้เสียมากกว่า

“ไอ้นี่ เอาหูฟังออกก่อนไหม ….บอกว่ามีแฟนคลับเอา ของขวัญมาให้ไง”

ซงโฮแสดงสีหน้าหงุดหงิดอีกครั้ง พลันตะโกนข้างหู จนเสียงของเขาเล็ดลอดเข้ามาทําให้ผมเสียสมาธิจน ได้ กระนั้นผมกลับไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เขาพูดและยังคง เล่นกีตาร์ต่อไป จนกระทั่งโดนดึงหูฟังออกเข้าให้ คราว นี้จําต้องวางมือและทำหน้ามึนงง เลิกคิ้วมองเขาเป็นการ ตอบแทน

“อ่า…แล้วมันเป็นของขวัญของผมเหรอ”

“ก็วางไว้ให้แกเนี่ย ของขวัญไอ้จีซุนมั้ง?” ดวงตาเบิก กว้างนึกว่าได้ยินผิดไป แต่เมื่อดึงสติกลับมาได้จึงเริ่ม หยิบกล่องผ้ากำมะหยี่ขึ้นมาพิจารณาอย่างสนอกสนใจ ก่อนจะยักไหล่วางมันลงดังเดิม เพราะมันไม่ใช่สาระ สำคัญอะไรที่ต้องเอาใจใส่ในตอนนี้

“ผมมีแฟนคลับกับเขาด้วยเหรอ เห็นของขวัญมาส่งทีไร ก็ทู…จีซุน ทู…เคน คราวนี้มีทูเดย์ด้วยเหรอ”

“ถามมากจริง เออ…ทูเดย์ นี่ไง”
ซงไชยื่นกระดาษการ์ดใบเล็กให้ผมอ่าน ข้อความภาษา เกาหลีที่เขียนด้วยลายมือนี้ พอจะทำให้เดาได้ไม่ยากว่า ผู้เขียนไม่ใช่ชาวเกาหลี หรือหากเป็นชาวเกาหลีก็คงอายุ ไม่เกินสิบขวบแน่ เพราะลายเส้นดูไม่มั่นคงนัก

“แฟนคลับผมเป็นเด็กเหรอป่า” คำถามนี้ทำให้คนหน้า มึนอย่างผมโดนนิ้วทั้งสี่ผลักหัวเข้าให้

“เด็กบ้าที่ไหนจะฟังเพลงเรา และเด็กบ้าที่ไหนจะมี ปัญญาซื้อนาฬิกาแพงขนาดนี้ให้แก… ผู้ใหญ่ศิวะ”

….เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่ชาวเกาหลี ทำไมอยู่เกาหลี แปลก

จัง

ผมเลิกดวงตาเฉี่ยวสีน้ำตาลคล้ายกำลังสับสน เนื่องจาก ซงโฮฉีกยิ้มกว้างอย่างมีเลศนัย

“แต่ก็มีแค่คนเดียวนะที่มาชอบแก ก็ไม่รู้เหมือนกันล่ะว่า หลงใหลอะไรในใบหน้ามึนๆ บอกบุญไม่รับแบบแก เอา เป็นว่าช่างเถอะ อย่างน้อยก็มีคนฟังงานของพวกเราบ้าง ล่ะนะ”

ผมชะโงกหน้ามองกล่องอย่างอยากรู้อยากเห็น อดใจไม่ ไหวจึงเปิดกล่องดู ก็พบนาฬิกาเรือนประดับระยิบระยับ สายหนังสีน้ำตาลเข้มหรูหราราคาแพง พลางชำเลืองมอง การ์ดและอ่านข้อความ’Darin’

แต่ลงท้ายแบบนี้มีอยู่คนเดียวที่ผมรู้จัก…..

สาวคนนั้นที่มักมานั่งจิบเบียร์ด้วยกันกับคู่หมั้น ในบาร์ ฝรั่งที่วงของพวกผมเป็นนักดนตรีประจำอยู่

ภาพจำเลือนลางหายไป เหลือคงไว้แต่หน้าต่างบน เครื่องบิน ที่ผมยังคงวางสายตามองท้องฟ้านภากาศ อย่างเหม่อลอย ปล่อยน้ำตาไหลรินอาบแก้ม ความรู้สึก ยังคงหนักอึ้งตรงกลางอกคล้ายมีก้อนหินยักษ์กดทับมัน ไว้ ชำเลืองมองนาฬิกาบนข้อมือแล้วใบหน้าสวยคมกลับ ชัดเจนในห้วงแห่งความทรงจำอีกครั้ง ผมคิดถึงเจ้าของ มันอย่างจับใจ…..

เมื่อนานมาแล้ว…….

เสียงการสั่นสะเทือนจากวัตถุที่โดนทับอยู่ใต้หมอน โทรศัพท์ภายใต้กรอบสีดำสนิทลายสกรีนรูปกุญแจมือ ไขว้กันพร้อมตัวอักษรภาษาอังกฤษเรียงตัวเขียนหวัด สีขาวล้อมรอบ ซึ่งเป็นโลโก้ของวงชาร์มมิ่ง พริซอนเนอ ร์ ทำให้ผมสะดุ้งตื่นตอนกลางดึกแบบนี้อยู่ทุกค่ำคืน มือ คลำหามันด้วยอาการงัวเงีย พยายามเพ่งสายตาไปยัง หน้าจอท่ามกลางความมืดมิดในห้องนอนของผม
‘3.45 A.M.

‘ฉันรู้ค่ะว่าคุณหลับอยู่ แต่…ฉันอยากให้คุณได้ตื่นขึ้นมา พร้อมกับความสดใส ด้วยเพลงที่ฉันชอบฟัง หวังว่าคุณ คงจะชอบมันนะ อรุณสวัสดิ์ยามเช้ามากๆค่ะคุณเดย์

‘Darin’

นี่ก็เป็นเวลาเกือบห้าปีแล้วที่ผมต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกใน เวลาเดียวกันแบบนี้ทุกคืน มันน่าหงุดหงิดอยู่บ้างในบาง ครา ทว่าผมกลับต้องยอมรับตามตรงว่า ผมก็ยังมีความ กระตือรือร้นกดโทรศัพท์เข้าไปฟังเพลงที่ดาริณ ผู้เป็น อดีตลูกค้าประจำบาร์ฝั่งที่ผมเคยทำงาน และเป็นแฟน คลับในปัจจุบันของผมอย่างไม่มีทีท่ารีรอ เพราะบทเพลง ที่เธอส่งให้ฟังมักเป็นแนวเพลงเก่ายุคเจ็ดศูนย์ที่ผมคลั่ง ไคล้มาก ผมจึงแอบสร้างเพลย์ลิสต์ในโทรศัพท์มือถือเก็บ เพลงของเธอไว้ฟังคนเดียว เป็นแฟนคลับของเธอโดยที่ เธอไม่รู้ตัวเลยเช่นกัน

และแล้ว….ผมก็ฟังเพลงที่เธอส่งมาจนผล็อยหลับไปตอน ไหนก็ไม่รู้

“เฮ้ย! เดย์ตื่นได้แล้ว เรามีไฟลท์บินไปญี่ปุ่นเช้านี้นะ นอนยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ได้ไอ้บ้า!”
เสียงห้าวสบกที่คุ้นเคยของรูมเมทผู้มีชื่อเล่นในวงการ ดนตรีว่า “โจ” หรือชื่อจริง จามัว โจ วิลเลียมส์ หนุ่มลูก ครึ่งแอฟริกัน-อเมริกัน ผสมเชื้อชาติเกาหลีจากผู้เป็นแม่ มือกีตาร์โซโล่แห่งวงชาร์มมิ่ง พริซอนเนอร์ วงดนตรีแนว อินดี้ร็อกชื่อดังแห่งวงการดนตรีสากลโลก ที่ล่าสุดได้ รับขนานนามว่าเป็น “จิตวิญญาณแห่งเจนวาย” เขาเกิด ในตระกูลของนักดนตรีแนวบลูส์ชื่อดังแห่งวงการดนตรี ใต้ดินในดินแดนแห่งเสรีภาพ เป็นคนที่ผมนับถือเสมือน เป็นพี่ชายแท้ๆ เนื่องจากพวกเรานั้นรู้จักกันมาตั้งแต่ สมัยเรียนไฮสคูลนานาชาติด้วยกัน ผมรักที่เขาเป็นคน ที่จริงใจ มีนิสัยโอบอ้อมอารี ยามมีปัญหาเขาสามารถให้ ความช่วยเหลือและเป็นที่พึ่งพิงได้ เขาให้ใจกับทุกคนเกิน ร้อย หากมองย้อนกลับไปในสมัยเรียนไฮสคูล การรวม กลุ่มเพื่อนชายนั้นเรียกได้ว่าเป็นเพียงการรวมตัวกันของ เด็กกะโปโลหน้าหม้อทั้งห้าคนจะดีกว่าเรียกว่าฟอร์มวง เพราะความตั้งใจในการฟอร์มวงดนตรีของพวกเรานั้นฟัง ดูโหลยโท่ยมากในความคิดผม เพราะเราเพียงแค่อยาก เรียกร้องความสนใจจากสาวๆเท่านั้นเอง ใครจะไปคาด คิดว่าเราจะสามารถมาไกลได้ถึงเพียงนี้

“พี่โจ ขออีกยี่สิบนาทีไม่ได้เหรอ”

“ได้! ไม่ตื่นใช่ไหมครับคุณดันแคน ฮวัง”

“เฮ้ย! จีซุน มาลากเพื่อนแกไปหน่อยด์”

เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของโจมันได้รบกวนโสตประสาทของหูผมขึ้นมาแล้ว

ที! แต่อย่าได้แคร์เลย นอนต่อไปเดย์ นายยังนอนได้อยู่

พลั่ก! อีก!

ผมรับรู้ได้ถึงสัมผัสของคนรูปร่างสันทัดที่กระโดดมา นอนทับ พร้อมสัมผัสถึงแรงกดจากมือเล็กๆที่แนบแน่นบน หัวของผมได้เป็นอย่างดี เสียงกระทบกันของมือที่กดลง มาข้างหูผมดังขึ้น ทำเอาผมอยากจะเป็นบ้าตาย

“ตื่นโว้ย!”

“คิม จีซุน” ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดกำยำ ไว้ผมรองทรง ต่ำสีดำสนิทผู้เป็นมือกีตาร์โซโล่ของวง เพื่อนรักสมัย เรียนไฮสคูลนานาชาติของผม ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ของตระกูลข้าราชการ ผู้มีอาชีพเสริมทำธุรกิจนำเข้า เวชสำอางจากอเมริกาจนร่ำรวยมหาศาล พวกเราฝ่าฟัน อุปสรรคร่วมกันมามากกว่าจะได้เดบิวต์เป็นวงดนตรีอย่าง ทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พวกเราต้องยอมเสียสละและ อุทิศตนให้กับผลงานเพลง ถึงขั้นยอมหยุดเรียนต่อและ ทะเลาะกับครอบครัว เพื่อทำตามความฝันให้เป็นจริงใน ที่สุด แม้นปลายทางฝันของเราอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง ก็ตามที
จีซุน เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มฮอตที่สุดในวง จากท่าเสยผม เวลาดีดกีตาร์บนเวทีนั้นมันคงน่าหลงใหลเป็นที่ต้องตา ต้องใจในหมู่สาวๆมาก จนทำให้พวกเธอหลงลืมฟังดนตรี ไปเสียทุกที ใครจะไปนึกล่ะว่าเบื้องหลังความเท่บนเวที นั้นจะถูกย่ำยีด้วยความเกรียนแตกอย่างไม่มีชิ้นดี เสมอ ต้นเสมอปลายตั้งแต่สมัยเรียน ไม่ต้องเล่าอะไรมากนัก หรอก เพียงแค่ตอนนี้เขาทิ้งร่างกำยำลงมานอนทับบนตัว ผม โดยที่เขาแทบจะไม่ได้ใส่ใจสักนิดเลยว่าน้ำหนักตัว ของเขาอาจคร่าชีวิตคนได้ ก็น่าจะสามารถบ่งบอกจิตใจ ของเขาได้ไม่มากก็น้อยล่ะนะ แต่ช้าก่อน…หากจะเข้าใจ ไปได้ว่าผมต้องตื่นเพราะหวาดกลัวการใช้กำลังของ เพื่อนนั้น คิดผิดถนัด ผมบอกได้เลยว่าไม่มีอะไรมาทำให้ ผมสะทกสะท้านได้หรอก นอกเสียจากผู้หญิงคนนั้น

“จะขี้เซาไปถึงไหนวะ คนอื่นเขาแต่งตัวเซทผมกันหมด แล้ว เหลือแกคนเดียวเนี่ยไอ้เดย์!”

แล้วอย่างไรล่ะ? จะให้ผมตื่นในขณะที่กำลังดื่มต่ำความ รู้สึกกับบทเพลงของดาริณน่ะเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก

“จีซุน ถ้ามันยังไม่ตื่น พี่ว่าเราใช้วิธีนี้ดีกว่าว่ะ”

“ถอดกางเกงแล้วดีดไข่มันใช่ป่ะ”ให้ตายสิ! พวกเขาจะทำอะไรพิเรนทร์กันอีกแล้วเหรอ ผมละเบื่อพวกเขาจริงๆ

ป๊บ!

“ตื่นก็ได้ อะไรกันนักกันหนาวะ ไอ้พวกทะลึ่ง!”

ผมหน้านิ่วคิ้วขมวดเพื่อเป็นการหยุดการกระทำพิเรนทร์ นี้ไว้ หากไม่ทำเป็นโกรธบ้าง ผมคงโดนดีเข้าสักวัน

“จะให้ทำยังไงได้วะ ก็มันเหลือทางเดียวแล้ว ขนาดจีซุน นอนทับขนาดนั้นแกยังไม่ตื่นเลย ใช่ไหม จีซุน”

“ใช่! รีบเลย อย่าอาบน้ำนานด้วย มันสายแล้วเข้าใจไหม ไอ้เดย์”

พลันโดนผ้าเช็ดตัวฟาดตรงใบหน้าเข้าเต็มเปา ผมจึง โต้ตอบด้วยนิ้วกลางไปเสียเลย

รถตู้สีดำคันใหญ่ดูหรูหราจอดหน้าประตูทางเข้าประตูหนึ่งของสนามบิน ซึ่งเป็นทางเข้าที่ฉันสืบมาแล้วว่ารถ ตู้ที่ใช้ขับมาส่งร็อกเกอร์ตาเฉี่ยวกับผองเพื่อนของเขาจะ มาจอดตรงนี้ ฉันยืนปรับเลนส์กล้องตัวเก่งหลังเสาต้น ที่มีระยะห่างจากบริเวณที่รถตู้จะมาจอดไม่ไกลมากนัก พลางยืนเล่นกล้องรุ่นใหม่ราคาแพงที่ฉันอดทนทำงาน ตรากตรำในการเก็บหอมรอมริบซื้อมันมาเพื่อการนี้โดย เฉพาะ ซึ่งผลลัพธ์ของมันก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะมันทำให้ ฉันได้รูปภาพร็อกเกอร์ตาเฉี่ยวที่หล่อที่สุดเท่าที่เคยถ่าย ได้มา

คนที่ฉันคลั่งไคล้มานานนั้นมีนามว่า “ดันแคน ฮวัง” หรือ ชื่อเล่นในวงการดนตรีว่า “เดย์” เขานักร้องนำ และโค โปรดิวเซอร์ของวงชาร์มมิ่ง พรีซอนเนอร์ วงอินดี้ร็อกชื่อ ดังก้องโลก ผู้สามารถพิชิตรางวัลต่างๆตามเส้นทางดนตรี ของสากลโลกมานับไม่ถ้วน จากความพยายามอันหาญ กล้า ยืนหยัดที่จะทำในสิ่งที่แตกต่าง ทำให้ฉันตกหลุมรัก เขาอย่างห้ามใจไว้ไม่ได้ เขาเป็นลูกครึ่งอังกฤษ-เกาหลี ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ “คิม ฮวัง” อดีตพระเอกชื่อดัง แถวหน้าของวงการ แต่งงานกับนางแบบสาวชาวอังกฤษ และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างผาสุกในสหราชอาณาจักร

ฉันคอยเฝ้าติดตามมาเป็นระยะเวลานาน ตั้งแต่สมัยที่ เขายังเป็นวงใต้ดินต๊อกต๋อยและมีงานเสริมเป็นนักดนตรี ประจำที่บาร์ฝรั่งที่ฉันชอบไปนั่งจิบสุราฟังเพลงอย่าง สุนทรีกับคู่หมั้นของฉันจนกระทั่งตอนนี้แม้จะเลิกรากันไป นานแล้ว แต่ความรักที่ฉันมีให้เดย์ยังคงไม่ลดราวาศอกไปไหนแน่ เดย์นั้นแม้นทุนเดิมจะมีชื่อเสียง มาจากการเป็นลูกของดารา ทว่าเขากลับมีนิสัยที่ติดดิน และไม่ห่วงหล่อหรือถือตัวเลย แม้ดวงตาเฉี่ยว จมูกโด่ง เป็นสัน ริมฝีปากอิ่มสวยจะช่วยเสริมให้เขามีใบหน้าที่ หล่อเหลา เหมาะกับการแต่งตัวเนี้ยบ ทว่าเขากลับปล่อย ตัว ปล่อยให้ตัวเองมีเคราและมีผมกระเซอะกระเซิงตาม ธรรมชาติ ไม่ยึดถือกระแสเป็นที่ตั้ง ทำอะไรตามใจและ จิตวิญญาณของตนเองเป็นหลัก จนในบางมุมก็ดูเหมือน ว่าเขาเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงเอามากๆ เขามักทำหน้า มึนงง หรือในบางคราก็แสดงสีหน้าบึ้งตึงราวกับไม่สบ อารมณ์ จึงทำให้ใบหน้าหล่อคมของเขาไม่เป็นที่ต้องตา ในหมู่สาวๆชาวเกาหลีมากนัก เพราะมันคงดูโหดเกินไป แต่สำหรับฉัน เขา…คือผู้ชายที่ทรงเสน่ห์มากที่สุด

แซะ! แชะ!

ฉันมัวเพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพของร็อกเกอร์ตา เฉี่ยว จนเขารู้สึกตัวหันมามองทางฉัน จนฉันตกใจรีบ กลับเข้าไปหลบหลังเสาดั้งเดิม ทว่าเขายังพยายามชะเง้อ มองหา และโบกมือทักทายฉันราวกับสนิทกัน ทำเอาฉัน ใจสั่น หลงใหลไปกับความน่ารักและเป็นกันเองที่ลึกๆก็ แอบหวังว่าคงจะมีให้เฉพาะฉันเพียงเท่านั้น

ฉันรีบหลบหน้าให้พ้นสายตาทุกคน เพราะเกรงว่า “ปาร์ค ซงโฮ” ผู้จัดการวงจะเดินมาไล่สาวโรคจิตคนเดิมที่กำลังแอบชื่นชมความหล่อเหลาของเดย์อยู่หลังเสาต้น นี้ ซึ่งขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลย ฉันถอนหายใจอย่างโล่ง อกทันทีเมื่อโชคยังเข้าข้างฉันบ้าง เนื่องจากตอนนี้พวก เขาเดินเข้าประตูไปแล้ว พร้อมเสียงเชียร์เฮดังสนั่นจาก แฟนคลับด้านในที่พากันตะโกนเรียกชื่อวง ในขณะที่ฉัน กุมกระเป๋าเดินทางรอจังหวะที่จะเดินเข้าประตูสนามบิน ไปเช่นเดียวกัน

บัดนี้ทางสะดวกเนื่องจากแฟนๆส่วนใหญ่เริ่มวงแตกแยก ย้ายกันไปตามทางใครทางมันแล้ว ถึงคราวที่ฉันจะเดิน เข้าไปเช็คอินตั๋วเครื่องบินที่ฉันวางแผนซื้อมันมาเพื่อตาม ไปดูคอนเสิร์ตของวงชาร์มมิ่ง พริซอนเนอร์ที่ไปเปิดการ แสดง ณ เทศกาลดนตรีร็อกในประเทศญี่ปุ่นบ้าง ฉัน รีบถอดหน้ากากเดินอ้าวไปยังเคาน์เตอร์เช็คอินตั๋ว เครื่องบินชั้นประหยัด ซึ่งตั้งใจจองไว้เพื่อบินไฟลท์ เดียว กับเขาในวันนี้ มันใกล้เวลาที่จะต้องขึ้นเครื่องเข้าไปทุก นาที เมื่อเช็คอินเสร็จแล้วจึงรีบก้าวฉับเพื่อไปเข้าเกทตาม หมายเลขที่ระบุไว้บนตั๋ว พลางถอดเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสี แดงสลับขาวตัวหนาเพื่อมาผูกเอวเดินอย่างทะมัดทะแมง ก้มหน้าเดินอย่างเร่งรีบเพื่อไปขึ้นเครื่องโดยเร็วที่สุด สิ่ง ที่ไม่คาดคิดจึงเกิดขึ้น ฉันเดินชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ รูปร่างสูงกำยำ มองไล่ลงไปเห็นเรียวขาหนาในกางเกง ขาโปร่งสีดำสนิทเข้าอย่างจัง จนสัมผัสได้ถึงความเย็นจา กน้ำบูลเบอร์รี่โซดาที่หกลงบนเสื้อยืดสีดำลายโลโก้หน้า ยิ้มสีเหลืองของวงร็อคชื่อดังยุคเก้าศูนย์ในอดีตเข้า
“ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ เสื้อคุณเปียกไปหมด แล้ว ทำยังไงดี

ฉันยังคงก้มลงมองเสื้อตัวโปรดของฉันเปียกชุ่มไปด้วย น้ำบูลเบอร์รี่โซดา พลางรู้สึกหงุดหงิดเพราะมันส่งกลิ่น คละคลุ้งหอมหวานเต็มหน้าอก แต่เดี๋ยวนะ…เสียงทุ้ม ต่ำแบบนี้มันช่างคุ้นหูเสียจนฉันต้องเงยหน้าขึ้นมามอง ทันใดนั้นเองจึงได้พบกับคิ้วหนาเข้มพร้อมดวงตาเฉี่ยวคม ที่ทําเอาฉันตกอกตกใจเกือบเสียขวัญ

‘ดะ..เดย์”

ฉันพึมพำเรียกชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมาอย่างไร้สติ เพราะตอน นี้ฉันยังคงยืนอึ้งตะลึงงันจนพูดแทบไม่ออก ราวกับว่าฉัน กำลังติดอยู่ในห้วงภวังค์ของโลกในอีกมิติ แม้แต่เสียงทุ้ม ทรงเสน่ห์พร่ำบอกขอโทษอยู่ตรงหน้าของฉันแล้วแท้ๆ ฉันก็ไม่มีสติพอที่จะรับรู้

“คุณๆ” เดย์พยายามโบกมือผ่านหน้าและจับไหล่ฉันเข ย่าเบาๆเพื่อเรียกสติ

“ขอโทษนะครับ แต่ผมต้องรีบไปแล้ว ช่วยรับเงินนี้ไว้ ด้วยเถอะนะครับ”

เขาคว้ากระเป๋าสตางค์จากกระเป๋ากางเกงและหยิบเงิน ออกมาจำนวนหนึ่ง จับมือฉันแบและวางเงินนั้นลงบนมือพร้อมบ้านนั้นเพื่อให้ฉันกำเงินของเขาเอาไว้ แล้วจึง ยิ้มยิงฟันจนปากโค้งได้รูปสี่เหลี่ยมอย่างเกรงใจ ก่อนจะ กำชับมือฉันเขย่าอีกครั้งเพื่อส่งสัญญาณว่าเขาต้องไป แล้วจริงๆ

“คะ… เดี๋ยวค่ะ”

ฉันยังคงยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ไม่มีสติมากพอที่จะปะติปะ ต่อเรื่องราวได้ แม้ฉันจะติดตามชื่นชมเขากับวงร็อกของ เขามาเนิ่นนาน แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะได้เห็นเขา ในระยะใกล้ชิด ได้โดนเขากุมมือ แถมยังได้ยินเสียงทุ้ม ต่ำอันทรงเสน่ห์ของเขาพร่ำบอกขอโทษฉันแบบที่ฉันเจอ ในวันนี้

‘นี่มัน…บ้าไปแล้วดาริณ’


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ