๒.๒ ฝันอันแสนหวาน
ที่ห้องนอนใหญ่ชั้นบน…
สายลมหนาวพัดพลิ้วหวิวลู่มาทางหน้าต่างปะทะเข้ากับชาย ผ้าม่านจนผ้าผืนนั้นไหวน้อยๆ สตรีนางหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ท่ามกลางความมืดในยามราตรีกาล ใบหน้าของหล่อนอ่อนเยาว์ สวยสะอาดหมดจด ร่างอรชรอ้อนแอ้นมีเสน่ห์น่าหลงใหลนั้นห่อ หุ้มด้วยอยู่ในชุดนอนสายเดี่ยวสีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวปล่อยสยาย ไปจนถึงกลางหลัง หน้าอกกลมอวบเต่งตึงดันผ่านผ้าเนื้อบางจน มองเห็นทะลุปรุโปร่ง เอวกิ่วคอดรับกับสะโพกผาย ต่ำลงไปคือ เนินเนื้อนวลกลางลำตัวที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างต้นขาขาวเนียน ทั้งสองข้าง นัยน์ตาคู่สวยหยาดเยิ้มอย่างเชิญชวน ใบหน้าสวย หวานส่งยิ้มจนแก้มสีชมพูอ่อนใสบุ๋มลงเป็นรอยลักยิ้มอย่างแสน เย้ายวนขณะเยื้องย่างพาเรือนร่างเกือบเปลือยเปล่านั้นเข้ามา ประชิดปลายเตียงของเขา นัยน์ตาคู่นั้นบ่งบอกถึงอาการที่ใคร อยากสัมผัสกับร่างกายอันแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวดก่อนที่เสียง หวานซึ้งจะเอ่ยเรียกเขาเบาๆ
‘พพขา…
อา… สาวสวยคนนั้นคือยศสิตาชัดๆ เขาไม่รอช้าที่จะลุกพรวด ขึ้นจากเตียงแล้วเดินตรงดิ่งเข้าไปหาร่างงามอรชรนั้น ตาสองคู่ สบประสานกันในระยะกระชั้นชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่ เป่ารดรวยรินใส่กันและกัน กลิ่นหอมอ่อนๆ ดุจกลิ่นดอกไม้จากผมนุ่มสลวยหอมฟุ้งลอยอบอวนอยู่แค่ปลายจมูก ดวงตากลมโต ของหล่อนปรือเยิ้มไปด้วยอารมณ์พิศวาสซ้อนขึ้นมองเขาอย่าง เชิญชวน
“จูบเอยสิคะ…” ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้น มือเรียวลูบไล้ไต่ขึ้นไป บนไหล่แกร่งและสอดเข้าที่ท้ายทอยรั้ง ใบหน้าเขาให้โน้มลงมา หา
“ให้ตายสิ!” เขาสบถมอยู่ในลำคอเพราะนอกจากหล่อน จะไม่ด่าทอหรือตบหน้าเขาฉาดใหญ่อย่างที่ควรจะทำแล้ว ยศสิ ตายังเป็นฝ่ายวอนขอจุมพิตจากเขาเสียอีก นี่มันบ้าชัดๆ
ร่างกาย ใหญ่โตก๋าย่าตอนนี้ปั่นป่วนไปหมด ความอดทนขาด ฝั่ง! มือหนาสอดเข้าเอวอ้อนแอ้นเต็มแรงและรั้งเข้ามาแนบชิด กับกายแกร่งจนเกือบเป็นกระชาก
ริมฝีปากหยักนาบลงแนบชิด จนปากต่อปากประกบกันแน่น และเริ่มบดคลึงช้าๆ หญิงสาวเผยอรับอย่างเต็มใจ ลิ้นอุ่นล้วงลึก เข้าไปพลิกพลิ้วเกี่ยวกระหวัดหาความหวานในโพรงปากนุ่ม อย่างไม่ลังเล
มือใหญ่ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังนวลเนียน แนวโค้งของเอวกิ่ว คอด สะโพกผายกลมกลึง และสุดท้ายไปหยุดขย่าขยุ้มอยู่ที่ บั้นท้ายกลมกลึงหนั่นแน่น
ใบหน้าหล่อเหลาและปลายจมูกโด่งคมบรรจงไล้ลงไปตามพ วงแก้มนวลใส ลากต่ำลงมายังปลายคาง ลำคอระหง เคลื่อน คล้อยจนถึงเนินทรวงอวบอิ่มก่อนจะผลักสายเสื้อนอนของหล่อนออกจนมันหลุดไปกองอยู่ที่ปลายเท้า
ร่างหนาย่อตัวไปฟอนเฟน เคล้นอกอวบเต่งตึง ริม ฝีปากระคาย ตวัดไปมาจนส่วนแข็งขันซูชันและเปียกชื้น
อึดใจต่อมา ชายหนุ่มก็แขนข้างหนึ่งช้อนขาเรียวให้ยกขึ้น เพื่อยิ่งกว่าเดิม
เสียงหวานครางกระเส่ายิ่งกระตุ้นเร่งเร้าให้เขาเดินหน้าไม่ หยุด มือหนาสอดเข้าเกาะเกี่ยวเอาบิกิสีหวานออกไปเรียวขามืออีกข้างช้อนเข้าใต้ต้นแล้วยกจนเนื้อ โล่งเปลือยปะทะกับแก่นกายยาวแกร่ง
พี่เขา เอยนะคะเสียง
กระสัน
ภูริภัชร์แทบคลั่ง!
“ช่างร้อนแรง
มือหนาเลื่อนลงไปกระชากกางเกงนอนตนลงไปค้างไว้ต้นแล้วกุมความมหึมาพาโจนผ่านกลีบนวลจมเข้ามิดซึ่งผนังอ่อน
แน่นแต่ชอบ อ๊า ”
โอย…เอย” ชายหนุ่มครางเสียงแหบโหยเมื่อตอดรัดจนปวดหนึบๆ
“พี่พี่ขา…เร่งอีกนิดนะคะ”
“ได้เลยจ้ะที่รัก” ภูริภัชร์ก้มมองใบหน้าแสนหวานชวนสวาท แล้วจึงกระแทกกระทั้นเลื้อยมุดเข้าออกให้เร็วขึ้นจนกลายเป็น จังหวะเร่าร้อน
เสียงหน้าขากระทบกันดังเปรี๊ยะๆ ผสานกับเสียงครางกระเส่า ของทั้งคู่ราวกับมโหวงเล็กที่กำลังบรรเลงเพลงสวาทอย่าง ไพเราะเพราะพริ้ง ดอกไม้สวยรัดรึงความแข็งแกร่งเต็มแรง น้ำ หวานถูกกลั่นออกมาไม่ขาดสาย
“พี่จะไม่ไหวแล้วเอยจํา..”
“เอยก็เหมือนกันค่ะ” ใบหน้าแสนหวานแหงนเงยเหยเก “เอย รอไม่ไหวแล้ว”
ได้ยินเสียงเว้าวอนในกระเส่าของสาวสวย ภูริภัชร์ยิ่งเพิ่มการ
ดิ่งลึกเข้าอีกจนกลายเป็นจังหวะถี่ระรัวราวเสียงกองศึก
เสียงร้องครวญครางของสองหนุ่มสาวทั้งคู่ปานจะขาดใจ อารมณ์สวาทสาดประทุทะยานขึ้นจนใกล้จะถึงจุดสูงสุด แต่ ทันใดนั้น
เอ๊กอิเอ๊ก…เอ๊กกกก
เสียงไก่ขันยามใกล้รุ่งทำให้ฝันอันแสนหวานนั้นสิ้นสุดลงทันที อารมณ์รักที่กำลังร้อนแรงทะยานสูงมีอันต้องสะดุดกึก! ภูริภัชร์ลืมตาขึ้นในตอนนั้น
“บ้าไปแล้วไอ้พี! นี่ถึงขนาดเก็บมาฝันเลยเหรอวะ” ชายหนุ่ม สบกด่าตัวเอง ใบหน้าหล่อคมแดง คิดแล้วก็อดขำตัวเองไม่ ได้ที่ปล่อยอารมณ์จนเตลิดราวกับเด็กหนุ่มวัยแตกผลที่เก็บเอา สาวคนรักมาจินตนาการถึงในยามหลับและตื่นมาด้วยอาการ เปียกชุ่ม
ภูริภัชร์ดับความร้อนรุ่มของตัวเองด้วยการเดินเข้าไปอาบน้ำ ชำระร่างกาย เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงาน และขับรถออกจาก บ้านแม่เลี้ยงวลีพรรณเข้าเมืองไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
เช้าวันรุ่งขึ้น…
กระเป๋าสัมภาระหลายใบถูกขนมาวางรวมกันยังลานหน้าบ้าน วลีพรรณก่อนที่คนขับรถจะทยอยยกกระเป๋าเหล่านั้นขึ้นใส่ด้าน หลังรถตู้สีขาวคันใหญ่ซึ่งจะใช้เป็นพาหนะสำหรับไปเชียงราย ใน วันนี้
ดนัย พ่อเลี้ยงภูชิต และแม่เลี้ยงวลีพรรณ นั่งรายล้อมดื่ม กาแฟที่โต๊ะอาหารไปพลางๆ ในระหว่างรอยศสิตาและอริสราลง มาสมทบ
“เสร็จหรือยังเอิง” เสียงหวานๆ ของพี่สาวตะโกนเร่งอริสราซึ่ง กำลังง่วนอยู่กับการแต่งตัวที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“เสร็จแล้วๆ ค่ะ” อริสรารีบตอบหลังจากบรรจงทาลิปกลอส เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปากในยามที่อากาศเย็นเช่นนี้
“งั้นก็ไปกันเถอะป่านนี้คุณพ่อกับคุณลุง คุณป้า รอแย่แล้ว”
“จ้าๆ” ผู้เป็นน้องหันมาฉีกยิ้มอย่างประจบก่อนจะยกกระเป๋า สะพายข้าง นพายบนบ่าแล้วก้าวออกจากห้องล่วงหน้าไปก่อน เป็นพี่สาว
ยศสิตาตรวจสอบความเรียบร้อยของห้อง ปิดไฟ ปิดแอร์ ล็อค ประตูแล้วจึงเดินลงบันไดไปบ้าง บันไดของบ้านวลพรรณทำจาก ไม้สักทองที่ขัดจนเป็นมันวาวจึงลื่นมาก โดยเฉพาะเมื่อหล่อนสวม ถุงเท้าเดิน
“โอ๊ย!” เสียงร้องของยศสิตาดังขึ้นเมื่อก้าวลงมาถึงบันได เกือบขั้นสุดท้าย
“เป็นอะไรพี่เอย”
อริสรารีบวิ่งเข้าตรงมาดูพี่สาวที่ทรุดตัวนั่งลงกุมข้อเท้าตัวเอง สีหน้าเหยเกบ่งบอกความเจ็บปวด ผู้ใหญ่ทั้งสามคนที่นั่งจิบ กาแฟอยู่ที่โต๊ะก็พลอยลุกขึ้นมาดูด้วย
“พี่ลื่นน่ะเอิง สงสัยขาจะแพลง”
“เดินไหวหรือเปล่าคะพี่เอย”
“พอไหว”
อริสราประคองยศสิตให้ลุกขึ้นก่อนจะพาไปนั่งที่โซฟาตัวยาว ซึ่งอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น
“สงสัยเอยจะไปเที่ยวด้วยไม่ได้แล้วล่ะค่ะคุณพ่อ” หญิงสาว เงยหน้าขึ้นบอกดนัยที่กำลังยืนมองดูอยู่ใกล้ๆ
“งั้นพ่อจะยกเลิกทริปนี้ก็แล้วกัน
“อย่านะคะคุณพ่อ อย่าต้องยกเลิกเพราะเอยเดียวเลยค่ะ
แล้วเอยกับล่ะแม่เลี้ยงวลีพรรณเอ่ยถาม
ขึ้นบ้าง
สิตายิ้มแหยๆ เอยอยู่ค่ะคุณป้า ยังพอไหว แต่จะให้ ปืนเขา
“อยู่ได้แน่นะลูกดนัยถามอย่างกังวล
“สิขอ
“งั้นเดี๋ยวป้าจะให้กินอะไรก็บอกเนียมได้เลย”
หญิงสาวพนมขึ้นขอบคุณค่ะคุณป้า
เสียดายจังอ่ะเอย” อริสราอดบ่น
“เอาไว้คราวหน้าได้
“คราวหน้าอะไร เดี๋ยวเดือน
สีหน้าของเมื่อพูดเรื่องนี้เพราะหล่อน ยศนั้นห่างกันนาน
ดูลูกสาวคนคุณแล้วยศสิตากระเช้าแล้วหันไปพยักพเยิดกับผู้เป็นบิดาดนัย อดยิ้มอย่างอ่อนโยนไม่ได้
“ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะลูก” ดนัยสั่งกำชับก่อนจะเอ่ยชวน ทุกคนให้เดินไปขึ้นรถเมื่อยศสิตายืนยันว่าหล่อนอยู่คนเดียวได้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ