หลงเสน่ห์ประธานจอมหีน

ตอนที่ 5 พอกินเสร็จแล้วก็ไป



ตอนที่ 5 พอกินเสร็จแล้วก็ไป

พอฉินอี้หลินตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว

ท้องร้องจ๊อกๆไม่หยุด หล่อนพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ บนเตียง แล้วก็ไม่รู้ว่าลี่โม่อวี่ออกไปจากที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร เขาน่าจะไปทำงานแล้ว

“กินเสร็จแล้วก็ไป

ฉินอีหลินรู้สึกไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด คว้าชุดนอน มาใส่ ขณะที่กำลังจะลงจากเตียง กลับคิดไม่ถึงว่าสอง ขาอ่อนแรงแทบจะล้มลงไปที่พื้น

“ลี่โม่อวี่ไอ้คนเลว เลวอย่างสิ้นเชิงจริงๆ ไม่รักษาคำพูด ไม่มีความซื่อสัตย์

หญิงสาวที่ขาอ่อนแรงเดินพยุงเอวเข้าไปในห้องน้ำ

เตรียมที่จะอาบน้ำ พอถอดเสื้อออกกลับพบว่าที่บนเรือน

ร่างของตัวเองเต็มไปด้วยรอยจูบเต็มไปหมด

ฉินอีหลินกัดฟันมองตัวเองในกระจก แล้วก็คิดถึงตอน ที่อยู่ที่ร้านกาแฟ หล่อนที่ถูกแม่ไล่ออกมาจากตระกูล ฉินแบกความทุกข์โศกเอาไว้ แถมยังต้องมาเสียตัวให้กับ “บาร์โฮส” อีก

แถมยังลืมที่จะตกลงกันให้ดีก่อนแต่งงาน พอหย่ากัน แล้ว ก็จะไม่มีคำว่าสามีภรรยาอะไรอีกแล้ว

“ประมาทจริงๆ”
ฉินอี้หลินมือแตะหน้าผากตัวเองแทบอยากจะร้องไห้ ออกมา เรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมถึงลืมได้นะ!

เสร็จแล้วก็จัดการกับตัวเอง หล่อนเปลี่ยนชุดเตรียมตัว ที่จะไปซื้อข้าว แต่กลับพบว่ารอยกัดที่คอมันยังปิดไม่มิด

สุดท้าย ฉินอีหลินก็ต้องใส่ชุดแขนยาวขายาว ที่คอก็ พันด้วยผ้าพันคอจนแน่น ถือตะกร้าไปซื้อของด้วยสภาพ แบบนี้

เพื่อที่จะประหยัดค่าใช้จ่าย หล่อนช่วงนี้เลยทำกับข้าว กินเอง

หล่อนพยายามที่จะไม่สนใจสายตาของลุงๆป้าๆในร้าน ค้าที่มองหล่อนด้วยสายตาแปลกๆพวกนั้น ทำเป็นเดิน นิ่งๆต่อไป

“ลี่โม่อวี่!”

ฉินอีหลินกัดฟันกรอดๆ สบถชื่อของคนที่ “ให้ตายฉันก็ ไม่มีวันลืม” ด้วยความโกรธแค้นอยู่ในลำคอ

ซื้อข้าวเสร็จ ฉินอีหลินกำลังที่จะกลับ ก็พบกับร้านขาย ดอกไม้ริมถนนติดประกาศรับสมัครพนักงานจัดดอกไม้

ร้านดอกไม้ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ถือว่าไม่ได้เล็กมาก ประตู กระจกที่เปิดอยู่ถูกเช็ดจนใสมองทะลุได้ หน้าประตูมี กระเช้าดอกไม้สองอันตั้งอยู่ดูแล้วไม่ค่อยน่าดึงดูดเท่าไร แต่กลับดูสวยงามอย่างบอกไม่ถูก
หล่อนถูกกระเช้าดอกไม้หน้าประตูดึงดูดโดยไม่รู้ตัว นึกถึงตอนที่เรียนวิชาเกี่ยวกับความเป็นผู้หญิงในสมัย ก่อน การจัดดอกไม้เป็นวิชาบังคับเรียน พอคิดได้อย่าง นั้นก็ถือตะกร้าใส่ข้าวเดินเข้าไปข้างใน

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามองหาอะไรอยู่คะ?”

โจวม่านเหวิน เห็นผู้หญิงตรงหน้าที่แต่งกายซะแน่น หนาขนาดนี้ก็อึ้งไปสักพัก แต่ด้วยความรับผิดชอบที่ดีต่อ หน้าที่การงานทำให้หล่อนจะต้องต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้ม แย้ม

“สวัสดีค่ะ”

ฉินอีหลินก็ยิ้มตอบเช่นกัน หล่อนจับตะกร้าที่อยู่ในมือ จนแน่น ด้วยความกลัวว่าตัวเองจะได้ทำงานงานนี้หรือ เปล่า

“ฉันเห็นว่าร้านนี้กำลังรับสมัครพนักงานจัดดอกไม้ ไม่

ทราบว่าตำแหน่งนี้มีคนมาสมัครแล้วยังคะ?”

“อ๋อ กรุณารอสักครู่นะคะ ฉันจะไปเรียกผู้จัดการร้าน ให้”

พอโจวม่านเหวินได้ยินว่าหล่อนมาสมัครงาน ก็ให้หล่อน เดินเล่นดูๆภายในร้านไปก่อน ส่วนตัวเองก็รีบไปวิ่งไป เรียกผู้จัดการที่อยู่หลังร้าน

ฉินอีหลินเอาตะกร้าวางไว้บนโต๊ะ แล้วเดินสำรวจดู ภายในร้าน
ทั้งร้านเนื้อที่ไม่เยอะ แต่ว่าแบ่งสัดส่วนได้ดีมาก แบ่ง พื้นที่ห้องเป็นสองสามส่วนตามการใช้งาน

ในขณะเดียวกันก็เปิดเพลงที่ฟังสบายๆคลอไปด้วย เสียงเบาจนถึงขนาดที่ถ้าไม่ตั้งใจฟังให้ดีก็จะแยกไม่ออก ว่าคือดนตรีแนวไหน แต่ว่าเสียงเพลงระดับนี้กลับทำให้ ทั้งร้านอบอวลไปด้วยบรรยากาศน่ารักๆได้

“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ?”

หลินเซิงเกอที่ได้ฟังจากโจวม่านเหวินว่ามีคนมาสมัค รงาน ก็เดินออกมาจากข้างหลังร้าน พอมาถึงหน้าร้านก็ เห็นสาวน้อยที่ “ที่แต่งกายอย่างกับไปออกรบ” กำลังเดิน ดูช่อดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะ

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อฉินอีหลิน”

ฉินอีหลินพอเห็นมีคนเดินออกมาก็ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือ ออกไปเช็คแฮนด์

“ไม่ทราบว่าคุณฉินอีหลินเคยมีประสบการณ์จัดดอกไม้ มาก่อนหรือเปล่าคะ”

“ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย จัดดอกไม้เป็นวิชาบังคับค่ะ ยิ่ง ไปกว่านั้นฉันก็มักจะซื้อดอกไม้มาจัดประดับตกแต่งห้อง เองอยู่บ่อยๆค่ะ…….

หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ฉินอีหลินก็กลับมายังอพาร์ ทเม้นท์ด้วยสีหน้าแห่งชัยชนะ การได้งานทำแล้วทำให้ หล่อนอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
ถึงขนาดที่ลืมไปเลยว่าตัวเองยังไม่ได้กินข้าว พลาง ลูบๆท้อง ปวดเพราะความหิว หลังจากนั้นฉินอีหลินก็กิน ข้าวที่ซื้อมาอย่างหนำใจ

ฉินอีหลินรู้สึกสบายใจสุดๆ แต่ในขณะเดียวกันสี่โม่อวี่ กลับยังคงสีหน้านิ่งเฉย เย็นชาใส่คนข้างๆตลอดเวลา

เห้อห้าวที่กำลังคุยโทรศัพท์ในออฟฟิศกับผู้หญิงที่เพิ่ง จะตกมาได้อย่างหวานหยด ไม่ทันไรลี่โม่อวี่ก็พุ่งเข้ามา ข้างใน สีหน้าไม่สบอารมณ์นั่งลงบนโซฟาไม่ขยับไม่พูด อะไรทั้งสิ้น

เห้อห้าวพอเห็นสี่โม่อวี่แบบนี้แล้วจะมีกะจิตกะใจคุย โทรศัพท์ต่อได้ยังไง เลยตัดบทพูดแล้ววางสายอย่าง ทันที เสร็จก็รีบคว้าเอกสารบนโต๊ะ ก้มหน้าก้มตาทํา ราวกับว่าถ้าไม่ตายก็จะไม่หยุดทำ

ลี่โม่อวี่ไม่ได้สนใจสักนิดว่าเห้อห้าวกำลังทำอะไรอยู่ จิตใจของเขาตอนนี้ฟุ้งซ่านมาก เขาพบว่านับตั้งแต่ที่เจอ กับฉินอีหลิน เขาก็รู้สึกว่าเขาเริ่มควบคุมอารมณ์ของตัว เองไม่ได้ มีความต้องการหล่อนไม่หยุดหย่อน อยากที่จะ ครอบครองหล่อนตลอดเวลา

เขาขมวดคิ้ว ลี่โม่อวี่รู้สึกวุ่นวายใจผิดปกติ

จนถึงตอนนี้เขาที่แทบจะหาจุดอ่อนไม่เจอ แต่ฉินอีหลิน ผู้หญิงคนนั้นกลับมีผลต่อความรู้สึกของเขาได้อย่าง ง่ายดาย พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนจนถึงเมื่อตะกี้ เขาสูญเสีย การควบคุมถึงสองครั้งติดกัน พอคิดอย่างนั้นหน้าก็เย็น ชาขึ้นกว่าเดิม
เห้อห้าวมองพี่ใหญ่ที่มีสีหน้าเย็นชากว่าปกติ แล้วก้มลง ทํางานของตัวเองต่อ

โชคไม่ดีที่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เขารีบเหลือบตาไป มองพี่ชายของตนโดยที่ไม่ขยับตาไปไหน เห้อห้าวถาม ด้วยน้ำเสียงต่ำๆ: “มีเรื่องอะไร รีบๆพูด”

“พี่ห้าว น้องสาวคนนั้นของพี่สะใภ้ไปหาหล่อนแล้ว”

ฉินหลันซูในที่สุดก็หาอพาร์ทเม้นท์นี้จนเจอแล้ว หล่อน ยืนมองไปรอบๆด้วยสีหน้ารังเกียจ แล้วเอามือขึ้นมากดก ริ่ง

หลังจากที่ประตูเปิดออก พอเห็นฉินอีหลินก็เริ่มพูดเชิง ตำหนิทันที: “พี่ มาอยู่ในที่ที่แบบนี้ได้ยังไง รถก็ขับเข้ามา ไม่ได้ ฉันเดินมาไกลมากกว่าจะมาถึง เหนื่อยจะตายอยู่ แล้ว”

“หลันซู? เธอมาได้ยังไง? เข้ามาพักข้างในก่อนสิ ฉันไป เอาน้ำมาให้”

ฉินอีหลินที่เห็นน้องสาวของตัวเองมาถึงที่นี่ ก็รู้สึกตกใจ อยู่ไม่น้อย แต่สีหน้าก็ไม่ได้แสดงอาการออกมา

จริงๆแล้วพอหล่อนเห็นสีหน้าดูถูกของฉินหลันซู หล่อน ก็รู้แล้วว่า ฉินหลันซูไม่มีทางที่จะมาหาตนเองเฉยๆ แน่นอน แต่ว่าหล่อนก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไป

“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวฉันก็ไปต้องไปลองชุดเจ้าสาวแล้ว ฉัน ไม่เข้าไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพี่ก็รู้ว่าฉันไม่ชินกับการดื่มน้ำประปา

ฉินหลันซูเดินเข้าไปตั้งหญิงสาวที่กำลังจะไปเอาน้ำมา เสิร์ฟ แล้วดึงหล่อนเข้ามาใกล้ๆตัวเองอย่างสนิทสนม

“ฉันจะได้แต่งงานกับเหวินเฉิงแล้ว ที่ฉันมาหาพี่ด้วยตัว เองวันนี้ ก็อยากเชิญพี่มางานแต่งงานระหว่างฉันกับเหวิน เฉิง”

ฉินหลันซูพอเห็นเสื้อผ้าที่ล้าสมัยของฉินอีหลิน แถมบน ตัวก็ไม่มีเครื่องประดับแม่แต่ชิ้นเดียว ก็ทำสายตาดูถูก อย่างเห็นได้ชัด

นี่คือพี่สาวที่พ่อทั้งรักทั้งทะนุถนอมดั่งสมบัติล้ำค่ามาตั้ง แต่เด็กๆ พอมาตอนนี้กลับกลายเป็นสภาพที่น่าเวทนาเช่น นี้ ก็ไม่รู้ว่าพ่อเห็นแล้วจะคิดยังไง?

“อื้ม งานแต่งงานของเธอ ฉันจะไม่ไปได้ยังไง?” ฉินอี หลินที่ได้ยินเรื่องการแต่งงานของน้องสาวและเหวินเฉิ งก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอคิดถึงสภาพของหล่อนในตอนนี้ หล่อนก็เริ่มจะรู้สึกเกร็งขึ้นมาบ้าง

ฉินหลันซูเหมือนกับจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เอามือไปจับ แขนเสื้อของฉินอีหลินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ: “พี่ ตอน พี่ไปงานแต่งงาน อย่าลืมพาพี่เขยของฉันคนนั้นมาด้วย นะ”

“แม้ว่าหน้าที่การงานของสามีพี่จะไม่ค่อยเหมือนกับคน ทั่วไป แต่ก็ถือว่าเป็นลูกเขยของบ้าเรา ถึงจะเป็นบาร์โฮ สก็ตามเถอะ อุ้ย…พี่ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นนะคะพี่ก็รู้ พ่อแม่ไม่เคยเห็นสามีของพี่มาก่อน ฉันเลยอยากจะ ให้พ่อแม่มารู้จักกับสามีของพี่ในงานแต่งงานของฉัน”

ฉินหลันซูพูดจบ ก็มองฉินอีหลินอย่างไม่ละสายตา หล่อนอยากจะเห็นใบหน้าที่อับอายของฉินอีหลิน

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้หล่อนผิดหวังก็คือ สีหน้าของฉินอีหลิน ยังคงไม่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเยาะเย้ยชีวิตความเป็นอยู่ของ หล่อนก่อนหน้านี้ หรือว่าตอนนี้ที่กำลังพูดดูถูกสามีของ หล่อน หล่อนก็ยังคงเงียบสงบ

ลูกสาวคนโตของตระกูลฉินที่ใครๆต่างก็อิจฉา แต่ตอน นี้กลับกลายเป็น “ผีไร้ศาล” ที่แม้แต่บ้านก็ไม่มีให้อยู่ ยิ่ง ไปกว่านั้นก็เกือบจะได้กู้เหวินเฉิงทายาทคนต่อไปของ ตระกูลกู้มาเป็นสามี แต่ดันไปแต่งงานกับบาร์โฮสที่วันๆ เอาแต่นอนบนเตียงออดอ้อนผู้หญิง ฉินหลันซูรู้ดี ว่าไม่มี ใครที่สามารถยอมรับและทนความตกต่ำนี้ได้หรอก

แม้ว่าในใจจะรู้ดี แต่ว่าปฏิกิริยาแบบนี้ของฉินอีหลินก็ยัง ทำให้ฉินหลันซูรู้สึกว่าทำอะไรหล่อนก็ไม่สะทกสะท้าน หล่อนต้องการที่จะดูว่าฉินอีหลินจะทนได้จนถึงเมื่อไร

เป็นภรรยาของบาร์โฮส เห้อ หล่อนไม่อยากจะคิด พอ ถึงวันแต่งงาน หล่อนจะสามารถทนพวกคำซุบซิบนินทา พวกนั้นไหวหรือเปล่า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ