ตอนที่ 10 ทุกคนต่างเยาะเย้ย
ฉินอีหลินถูกบรรยากาศของงานแต่งงานทำให้หลงใหล หล่อนมองไปยังฉินหลันซูที่กำลังควงแขนกู้เหวินเฉิงด้วย ความเขินอาย ต่อให้ฉินหลันซูจะเป็นยังไง หล่อนก็ยังคง อยากให้ฉินหลันซูมีความสุข อย่างน้อยหล่อนก็เป็นน้อง สาวแท้ๆของตน
“นั่นไม่ใช่ลูกสาวคนโตของตระกูลฉินเหรอ?”
ในขณะที่ฉินอีหลินกำลังดื่มต่ำกับบรรยากาศอยู่นั้น เสียงพูดขึ้นจากคนข้างๆทำให้ฉินอีหลินดึงสติกลับมา
ฉินอีหลินก็หันไปมองตามต้นตอของเสียง ก็พบว่าคนที่ พูดคือผู้หญิงที่เคยเจอในงานเลี้ยงงานหนึ่ง
รู้สึกว่าจะชื่อจ้าวหย่า
ฉินอีหลินก็ไม่รู้ว่าจะตอบใช่หรือไม่ใช่ดี ไม่ว่าจะเป็นคำ ตอบไหน หล่อนก็ไม่สามารถที่จะตอบไปได้ง่ายๆ
“ลูกสาวคนโตของตระกูลฉิน? หล่อนก็คือลูกสาวคนโต ของตระกูลฉินไง”
หญิงสาวอีกคนที่ยืนถือแก้วไวน์แดงอยู่ข้างๆจ้าวหย่า พูดขึ้นด้วยความเหยียดหยาม
“ตอนนี้หล่อนก็เป็นพนักงานของร้านจัดดอกไม้ ไม่กี่วัน ก่อนหน้านี้ก็มาจัดดอกไม้ให้ที่บ้านของฉัน”
“จากที่พูดก็น่าจะจริงนะ เพื่อที่จะได้อยู่กินกับบาร์โฮส หล่อนก็เลยถูกไล่ออกจากตระกูลฉิน”
“อ๋อ จริงๆแล้วเรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง”
เนื่องจากหัวข้อที่พูดมันน่าสนใจมาก เลยทำให้คนที่ ล้อมจ้าวหย่าอยู่ยิ่งอยู่ยิ่งเยอะขึ้น คนยิ่งรวมยิ่งมาก จ้าว หย่า รู้สึกชอบความรู้สึกที่คนมารุมล้อมเยอะขนาดนี้ หล่อนก็เลยพูดต่อ
“ไม่แต่งกับคนดีมีสตังค์ แต่ดันไปแต่งกับผู้ชายขายตัว พวกเธอลองเดาสิว่าหล่อนสนใจเขาที่อะไร
จ้าวหย่าลี่ยิ้มอย่างคลุมเครือ คนข้างๆตัวหล่อนก็ หัวเราะด้วยความถูกใจ
ฉินอีหลินที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ยิ้มด้วยความขมขื่นอย่างช่วย ไม่ได้
พอได้ยินคำพูดที่ยิ่งฟังแล้วยิ่งเริ่มรุนแรงขึ้น ก็ทำให้ฉิน อีหลินนึกถึงคำพูดที่คุณนายฉินพูดกับหล่อนในอดีต
“ฉินอีหลิน เธอต้องรู้นะว่า ครอบครัวของพวกเราเนี่ย ถ้าเกิดไม่มีกู้เหวินเฉิงคนนี้แล้ว ก็ยังมีกู้เหวินเฉิงอีกคน หนึ่ง”
“เพียงแค่เธอต้องเข้าใจว่า มันยากที่ทางบ้านฝ่ายของ ภรรยาจะรับผู้ชายขายตัวมาเป็นลูกเขย ถึงตอนนั้นกลัว แค่ว่าคู่ที่จะแต่งงานด้วยนอกจากตระกูลกู้แล้วก็ไม่รู้ว่าจะ มีใครอีกแล้ว”
ฉินอีหลินรู้ดี ถ้าเกิดตัวเองไม่ยอมออกมาเอง เกี่ยวกับ เรื่องนี้ แม่จะต้องทำตามที่พูดอย่างแน่นอน
หลังจากที่พิธีสิ้นสุดลง กู้เหวินเฉิงก็พาภรรยาไปชนแก้ว ตามโต๊ะ
ฉินหลันซูตั้งใจที่จะลากกู้เหวินเฉิงเดินไปทางฉินอีหลิน ในขณะที่ยกแก้วขึ้น หล่อนก็ทำเป็นพูดเสียงสูง แล้วมอง ผู้หญิงที่มีสีหน้าละเหี่ยใจตรงหน้าอย่างภาคภูมิใจ
“พี่ ทำไมสามีของพี่ไม่มาด้วยล่ะ?”
ประโยคนี้ ดึงดูดคนที่อยากรู้อยากเห็นให้หันสายตามา มองฉินอีหลินอย่างทันที
กู้เหวินเฉิงก็จ้องมองมาที่ฉินอีหลินหญิงสาวที่สวยใส มี ความอ่อนละมุนของสาวเจียงหนานเช่นกัน
ฉินอีหลินคิดไม่ถึงว่า ฉินหลันซูจะไม่ไว้หน้าหล่อน ขนาดนี้ ถึงกับฉีกหน้าหล่อนต่อหน้าผู้คนมากมาย
ในขณะนั้น หล่อนไม่รู้เลยว่าจะตอบออกไปยังไง
นายท่านฉินก็เห็นตรงที่ฉินอีหลินดูเหมือนจะมี เหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ก็รีบขอตัวจากท่านประธานคน หนึ่งที่กำลังพูดอยู่ เขาอยากที่จะเข้าไปช่วย แต่กลับถูก คุณนายฉินรั้งเอาไว้
คุณนายฉินพอเห็นนายท่านฉินขมวดคิ้วมองตนเป็น สัญญาณบอกให้หล่อนปล่อยมือ คุณนายฉินก็ตบๆลงบนมือของนายท่านฉิน
“ตอนนี้อีหลินเป็นลูกสาวที่ออกเรือนแล้ว โบราณว่า ลูกสาวที่ออกเรือนแล้ว เหมือนน้ำที่ไหลออกไป ยิ่งไม่ ต้องพูดถึงคนที่หล่อนไปแต่งงานด้วย มันไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง หล่อนก็ต้องได้รับความกดดันจากสังคมเป็น ธรรมดา ให้หล่อนที่ไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างตัว เองกับผู้ชายคนนั้น ได้เข้าใจว่าการแต่งงานกับคนที่ไม่ เหมาะสมกับตัวเอง มันเหมือนเป็นภาระที่หนักเกินจะรับ ไหว รับรองไม่กี่วันหล่อนก็จะอยากออกมาจากผู้ชายคน นั้นอย่างแน่นอน!”
พอคุณนายฉินเห็นนายท่านฉินมีทีท่าว่าจะอ่อนใจ ก็ พูดปลอบต่อว่า: “รอให้อีหลินคิดได้แล้ว หล่อนจะกลับมา แน่นอน ถึงตอนนั้นพวกเราก็ค่อยหาคู่ให้หล่อนใหม่ ตอน นี้คุณต้องแข็งใจไว้หน่อย!”
แน่นอนว่าหล่อนไม่ได้พูดออกมาจากใจจริง เพียงแค่ ต้องการให้ฉินอีหลินได้รับความอับอายก็แค่นั้น
“ฉันรู้ดีว่าคุณไม่ได้ติดต่อหล่อนมาครึ่งเดือนแล้ว แต่ ในใจก็ไม่เคยที่ยอมปล่อยเพชรเม็ดนี้ไป เพียงแค่ตอนนี้ อีหลินโตขึ้นแล้ว ต้องให้เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบความผิด ของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใหญ่ที่ไหนเขาจะยอมก้มหัวให้ กับเด็กก่อนกันล่ะ”
คุณนายฉินรู้ดีว่าฉินอีหลินเป็นคนดื้อดึง ก่อนหน้านี้ถูก หล่อนขู่สารพัด ยิ่งพอบวกเข้ากับนายท่านฉินที่เป็นคนรัก ในศักดิ์ศรี พอได้ฟังหล่อนมาพูดแบบนี้อีก ตอนนี้สองคน ไม่มีทางได้คลายปมปมนี้อย่างแน่นอน
ฉินอ๋หลินกำแก้วเหล้าไว้แน่น สีหน้าเริ่มดขาว แต่ เครื่องสําอางบนใบหน้าช่วยปกปิดความขมขื่นนั้นไว้บ้าง
หล่อนได้แต่มองฉินหล่นชูด้วยสายวิงวอนขอความ เมตตา มองจนกระทั่งในใจของฉินหลันซูเริ่มปล่อยวาง นิดหน่อย
ฉินหลันซูแสร้งทำเป็นถูกเอาเปรียบ: “แล้วพี่ยังจะตำหนิ ฉันอยู่ไหม? แต่ว่าพี่
ในตาของหล่อนคลอไปด้วยน้ำตา บวกเข้ากับเครื่องสำ อางบางๆในคืนนี้ ทำให้หล่อนดูอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด “ฉันไม่ได้ว่าอะไรเธอเลย
“จริงเหรอคะ? ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่ดีที่สุดเลย” ฉินหลันซูดู เหมือนจะรู้สึกมีความสุขสุดๆ หล่อนยิ้มอย่างสุขใจ
แล้วก็พูดต่อ: “พี่เขยเมื่อคืนคงทำงานหนักมากไป ยังไม่
ได้พักผ่อนดี จึงไม่ได้มาใช่ไหม? งั้นฝากพี่ไปบอกพี่เขย
ด้วยนะคะว่าฉันไม่โกรธอะไร
ฉินหลันซูดูเหมือนจะยกโทษให้ “พี่เขย” ที่ไม่ได้มาเข้า ร่วมงานแต่งงานของตน พลางยิ้มแย้มอย่างน่ารัก
“ถ้าพี่เขยพักผ่อนดีแล้ว ก็อย่าให้เขาพลาดpartyที่จะ จัดขึ้นในคืนนี้อีกล่ะ!” ตอนนี้คำพูดของหล่อนทำให้คน รอบๆหัวเราะออกมา
ฉินอีหลินที่ได้ฟังเสียงเหล่านั้น ได้แต่ยืนกัดปากตัวเอง พูดตอบโต้ไม่ออก
ขณะที่กำลังหมดหนทางอยู่นั้น จู่ๆที่ข้างนอกประตูก็ เหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้น
ลีโม่อวี่กวาดสายตามองห้องโถงรอบๆด้วยสีหน้าเย็นชา เป็นอย่างที่คิดไว้ภรรยาของตนอยู่ในกลุ่มผู้หญิงกลุ่มนั้น
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพวกหล่อนพูดอะไรกันก่อนหน้านี้ แต่ ว่าดูจากหน้าแดงๆของฉินอีหลินแล้วก็พอเดาออก หล่อน คงถูกเอาเปรียบอยู่ไม่น้อย
ลี่โม่อวี่ก้าวเท้าเดินไปยังฉินอีหลิน ผมหน้าม้าสะบัดพลิ้ว ในขณะเดิน เผยให้เห็นแผลเป็นที่ตาซ้ายนั้นอย่างชัดเจน
ผู้คนต่างไม่รู้ว่าผู้ชายด้านหน้าคนนี้มาจากที่ไหน แต่แค่ รังสีเย็นยะเยือกที่ออกมาจากตัวเขาทำให้คนรู้สึกไม่ควร เข้าใกล้
เหล่าบรรดาหญิงสาวไฮโซที่ล้อมฉินอีหลินอยู่พอ เห็นชายหนุ่มที่หล่อสะดุดตากำลังเดินมาทางตน ก็ต่าง เปลี่ยนบุคลิกท่ายืนให้ดูดีดูสวย
จ้าวหย่าลี่ถึงขนาดคิดว่า เดี๋ยวถ้าผู้ชายคนนี้เดินมาถึง ตนแล้ว ควรจะปฏิเสธแบบสงวนตัวดีหรือควรจะตกลง แบบเขินอาย
แต่ทว่าพวกนักธุรกิจที่ยืนอยู่ห่างๆไม่ได้มองดูแค่ผิวเผิน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ แต่ว่าที่ด้านหลังของ ชายคนนี้มีคนเดินประกบสองคน หนึ่งในนั้นคือเห้อห้าว ลูกน้องของนายใหญ่แห่งเมืองคั่งซื่อ
ส่วนอีกคน คือผู้บริหารระดับสูงของH&J กรุ๊ปที่มักจะ เห็นบ่อยๆในสื่อโทรทัศน์เกี่ยวกับข่าวด้านการเงินทั้งใน และนอกประเทศเซียวจ่าย
แต่นี่ทำให้นักธุรกิจยังตกใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ สองคนที่ มีอิทธิพลขนาดนั้น ทำไมถึงเดินตามผู้ชายที่ไม่มีชื่อเสียง เรียงนามคนนี้ด้วยท่าทางที่นอบน้อมถ่อมตน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ