ตอนที่ 5 อย่างไรก็เป็นแค่สุนัขป่าที่บ้านจันทร์เลี้ยงดู
แม่และเณาดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าฉันจะตื่นแล้ว โคมไฟตั้งพื้น มีแสงสลัว แต่ฉันกลับมองเห็นได้ว่าพวกเขามีสีหน้าไม่สู้ดี
แม่สวมรอยยิ้มหน้าชื่อใจ ก่อนถามฉันว่า “อาการเจ็บหลัง ของลูกเป็นยังไงบ้าง? ต้องไปโรงพยาบาลไหม?”
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ฉันต้องซาบซึ้งใจอย่างแน่นอน แต่ว่าใจ ของฉันในตอนนี้ ฤดูหนาวยังไม่เย็นเท่า
จิณณาเห็นท่าที่ไม่สนใจของฉัน ย่อมรู้แล้วว่าฉันได้ยินพวกเขา คุยกันทั้งหมดแล้วอย่างแน่นอน จึงจงใจขัดจังหวะแม่ว่า “แม่ แม่ ก็อย่าแสดงอีกเลย ได้ยินก็รู้แล้วว่านั่งสุนัขป่าตัวนี้รู้เรื่องหมด
แล้ว”
นังสุนัขป่า
ฉันได้ยินจิณณาเรียกฉันเช่นนี้โดยไม่กระดาก ก็รู้เลยว่า ฉันที่ พวกเขาเรียกจนติดปากจะต้องมีชื่อเล่นนี้มานานแล้ว
“นังสุนัขป่า?”ฉันข่มความเจ็บปวด เดินไปนั่งบนโซฟา จงใจ พูดว่า”แต่สุนัขป่าก็มีหุ้น 4% นะคะ”
ทันทีที่ฉันพูด แม่เข้าใจทันทีว่าฉันหมายถึงอะไร ก็ก่นด่า ว่า“ณิชา พวกเราเลี้ยงดูแกมาสามปี ใบหุ้นพวกนั้น เดิมแกก็ควร เอามาให้พวกเรานะ!” ฉันนั่งอยู่ที่ตรงนั้น คิดถึงสิ่งที่พวกเขาทุ่มเทสติปัญญาด้วย ความเหนื่อยยากเพียงแต่เพราะใบหุ้น ก็ทำให้รู้สึกขบขัน จนอด หัวเราะไม่ได้
แกหัวเราะอะไร?”แม่ถามฉัน
โอ้ ไม่ถูกสิ ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะเรียกหล่อนว่าแม่อีกต่อไปแล้ว
ชื่อจริงของเธอคือ ชวลัย ชื่อจริงของพ่อคือ ปลัย
ฉันมองซวลัย ควบคุมเสียงหัวเราะได้แล้วจึงพูดว่า “อันที่จริง ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ฉันจะให้ความสำคัญ ครอบครัวมากกว่าสิ่งอื่นใด พวกคุณบอกฉัน เงื่อนไขใดๆฉันไม่ อิดออดแน่นอน จะเอาใบหุ้นมามอบให้พวกคุณ แต่ว่าในเมื่อเกิด เรื่องพวกนี้ขึ้นแล้ว ทุกอย่างมันย่อมไม่เหมือนเดิม
พวกเขาคิดแต่เรื่องผลประโยชน์กำไร คงคิดว่าฉันเหมือนกับ
พวกเขา
แต่กลับไม่รู้ว่าในใจของฉันนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือครอบครัวนี้
แต่ ณ ตอนนี้ ไม่มีอีกแล้ว
“แก…ชวลัยคาดไม่ถึง
จิณณาได้ฟัง ก็มาถึงมือชาลัยแม่ แม่ขึ้นไปข้างบนเถอะ หนูจะ
คุยกับน้องดีๆเอง”
ฉันอาจจะเดาได้ถูกว่าจิณณาต้องการพูดอะไรกับฉัน
อย่างไรเสียก็คงมีแต่เรื่องผลประโยชน์ หลังจากขวบขึ้นไปแล้ว เธอก็มานั่งข้างฉันอย่างสนิทสนม พูดจายิ้มแย้ม “น้องจ๊ะ เรื่องนี้น่ะ ล้วนแต่เป็นเรื่องที่พ่อกับแม่คิด เอง ตั้งแต่เริ่มพี่ก็ไม่เห็นด้วย….
เย็นวันนี้ฉันได้ตื่นจากฝันแล้ว ไม่สามารถปล่อยให้หล่อนได้ โกหกตามอำาเภอใจอีก
ต่อมาถึงแม้ว่าจิณณาจะพูดให้ฉันฟังว่าตนเองไม่เห็นด้วย อย่างไร ฉันแค่นั่งฟัง
ฟังได้ไม่นาน ฉันก็ลุกเดินออกไปที่ประตู
เห็นว่าฉันจะไปจริงๆ ในที่สุดความอดทนของจิณณาก็หมดลง ดึงฉันไว้ และด่าว่า “ณิชา แกมันก็แค่สุนัขที่บ้านฉันเลี้ยงไว้ ให้ แกกิน ให้แกดื่ม แกอย่ามาทำตัวหน้าด้าน
นี่ไงล่ะ ถึงจะเป็นใบหน้าที่แท้จริงของหล่อน
ฉันหมุนตัวกลับ มองดูจิณณาที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความ เกลียดชัง พูดออกมาเบาๆว่า “ลองคิดดูให้ดีๆ ถ้าคนนัยมาเห็น เธอเป็นแบบนี้”
“เฮอะๆ แกไม่มีโอกาสอีกแล้ว! ดนัยเป็นสามีฉัน แต่แกไม่ ได้เป็นะไรเลย!”จิณณาไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใด
ฉันมองดูหล่อน ชั่วขณะนั้นฉันรู้สึกว่าเธอไม่ควรค่ากับคนนัย เลยจริงๆ
เขาเป็นผู้ชายที่ดีเลิศขนาดนั้น มีภรรยาเป็นจิณณา เป็นเรื่อง เลวร้ายมากจริงๆ บางทีอาจมีผีสิงใจฉัน ฉันเอ่ยปากไปว่า “มีเรื่องที่ฉันจำเป็น ต้องบอกไว้นะคะ สัญญางานแต่งงาน ฉันประทับลายนิ้วมือของ ฉันลงไป ถ้าเพียงแค่ฉันไปบอก สัญญานั่นก็เป็นแค่เศษกระดาษ แผ่นหนึ่ง”
จิณณาตกใจนมาเล็กน้อย
เธอยังไม่เอ่ยอะไร ฉันก็พูดต่อ เพราะว่าตอนนี้เธอกับอนุมัยยัง ไม่มีความสัมพันธ์สามีภรรยา พวกเราเป็นคู่แข่งที่เสมอภาคกัน
แล้ว
พูดจบ ตอนที่เธอปล่อยมือหลวมจากฉัน ฉันรีบหมุนตัวและ เดินจากไป
อดทนฝืนอาการปวดหลัง พยายามสุดชีวิตวิ่งออกไปข้างนอก ปล่อยให้จิณณา ฉันไล่หลังว่า “นั่งคนสารเลว” ไร้ยางอาย “ฉัน ก็ไม่หันกลับไป
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ