ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ

ตอนที่ 14 เย็นชา



ตอนที่ 14 เย็นชา

“ย่าของเธอพักผ่อนอยู่หลังเรือน ไม่ต้องรีบ นั่งลงคุยกับพี่ๆก่อน คุณนายหวาลุกขึ้นมาพูดด้วยรอยยิ้ม

เธอเองก็ไม่อยากให้ท่าทางของหวาเหวินทำให้ทุกคนเซ็ง จริงๆแล้วคนพวกนี้ก็ไม่ได้อะไรกับหวาเหวิน เพราะความ สัมพันธ์ของพวกเขากับหวาเหวินไม่ค่อยดีนัก

ลูกสาวคนที่สามของตระกูลหวา หวาฝั่งมองดูนาฬิกาอย่าง รําคาญแล้วหยิบเสื้อคลุมเดินออกไปข้างนอก “ตอนเที่ยงฉันมี นัดสัมภาษณ์ เดี๋ยวต้องไปแต่งตัวไม่อยู่กินข้าวด้วยนะ

หวาผิงเป็นดาราที่หยิ่งยโสพวกนั้น เธอเป็นนักแสดงถ่ายหนัง ภาพยนตร์โดยเฉพาะ หากจะให้แสดงสมทบก็ต้องเป็นบทใหญ่ เช่นกัน

ดังนั้นเธอจึงมีนิสัยที่หยิ่งและดื้อรั้น

ขณะที่เธอเดินผ่านหวาเหวิน เธอกระทืบเท้าแล้วพูดขึ้นว่า “หวาเหวินเรื่องของแซ่จื่อจ้วนพวกเราไม่ปล่อยเฉยแน่ ผู้หญิงคน นั้นคือเหลียงเซียวเซียวใช่มั้ย อีกหน่อยฉันจะทำให้เธอไม่ สามารถอยู่ในวงการบันเทิงได้แน่นอน นางจิ้งจอกเห็น

หวาผิงไม่ทันรอให้หวาเหวินได้เอ่ยปากพูดเธอก็เดินจากไปแล้ว
ขึ้นๆลงๆแบบ

“อาเหวิน พาเจียงหมาดื่มชาทางนี้” คุณนายหวายิ้ม หวาเหวินหันกลับมามองเจียงหยู่ “คุณชอบดื่มชามั้ย”

“พอได้” เขาตอบ

“งั้นคุณอยู่ที่นี่ดื่มชาเป็นเพื่อนพวกเขา ฉันจะไปดูคุณย่า”

พูดไปหวาเหวินก็เดินไปอย่างไม่หันหัวกลับ และก็ไม่ได้นึกถึง หน้าตาอะไรของคนในบ้านด้วย

เจียงหยได้ยินมานานแล้วว่าความสัมพันธ์ของหวาเหวินกับ คนที่บ้านไม่ค่อยดีนัก วันนี้ได้พบได้เจอไม่ดีจริงๆ

ขนาดไม่ยอมไว้หน้ากันเลย

เขาเป็นเด็กแน่นอนว่าไม่สามารถหักหน้าพ่อตาแม่ยายได้

จึงต้องนั่งลงที่โซฟาแล้วคุยกับคนตระกูลหวาต่อ

ลูกสาวคนรองของตระกูลหวา หวาหรุงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ เย็นชาว่า “น้องห้าของฉัน ถูกคุณย่าเลี้ยงมาอย่างตามใจ ไม่ เข้าใจอะไรหรอกมารยาท นิสัยเย็นชา ในสายตาของเธอไม่มี หรอกพี่น้องอะไร เจียงหยู่คุณต้องค่อยเรียนรู้และชินไปเอง

“หวาหรุงพูดเหลวไหลอะไร” หวาเจิ้นเยวรีบพูดดักหวาหรุง

“พ่อที่หนูพูดมามันผิดตรงไหน เมื่อกี้ก็เห็นไม่ใช่หรือ ใน สายตาของเธอไม่มีหรอกพวกเราพี่น้อง นอกจากคุณย่า ก็ไม่มี ใครอยู่ในสายตาของเธอ นิสัยแบบนี้แต่งเข้าบ้านตระกูลแซ่ได้ก็ถูกแล้ว ไม่งั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแซ่จื่อจ้วนไอ้บ้านั่นจะซ้อมหวาเห วันวันละกี่รอบกัน

หวาหรุงยิ่งพูดก็ยิ่งเส้น ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่ควร

จริงๆแล้ว ในใจของเธอมีความอิจฉาอยู่

หน้าตาของเธอเองก็ไม่เลว ความสามารถมีดีกว่าคนอื่น แต่ ในบริษัทกลับอยู่ใต้อำนาจพี่ใหญ่

หาสามี งานแต่งก็ไม่เป็นตามหวัง สามีเป็นนักวิจัย อยู่แต่ที่ สถานีวิจัย

ทั้งสองคนแต่งงานมาสามปียังไม่มีลูกสักคน วันนี้หวาเหวิน ไม่มีอะไรสู้เธอได้เลย แต่กลับจับพลัดจับผลูได้แต่งงานเข้า ตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยอย่างตระกูลเจียง

สถานะขึ้นมาอยู่สูง ขนาดท่าทีของพ่อกับแม่ที่มีให้เธอยัง

เปลี่ยนไปเลย

ดังนั้นจึงพูดหนักไปหน่อย

คนที่สี่หวาฟ้านยังไม่แต่งงานโตกว่าหวาเหวินไม่กี่ปีเอง นิสัย เงียบๆ เปิดหนังสือประวัติศาสตร์อ่านตลอดไม่ร่วมสนทนาอะไร กับใคร

เจียงหมู่ฟังที่หวาหรุงพูดแน่นอนว่าเขาเองก็ย่อมรู้สึกไม่ สบายใจ

ยังไงเสียตอนนี้หวาเหวินก็คือภรรยาของเขา
ดังนั้นเขายิ้มแล้วพูดว่า “นิสัยของเหวินเอ๋อเหมาะกับผมนะ ครับ พ่อแม่ของผมเองก็ชอบเธอ ไม่ได้คิดว่ามีนิสัยเย็นชาอะไร ส่วนแซ่จื้อจ้วนเขามีนิสัยยังไงนั้น ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเหวินเอ๋อแล้ว เขาไม่มีโอกาสแล้ว หากวันหน้ามีคนกล้าลงมือกับเหวินเอ๋อจริง ล่ะก็ นั่นก็เท่ากับว่าต้องการจะมีเรื่องกับตระกูลเจียงและผมเจียง

คำพูดของเจียงหยู่ทำให้คนตระกูลหวาต่างพากันเงียบ… มันเชิดชูหวาเหวินชัดๆ

แต่ก่อนหน้านี้พวกเราไม่รู้จักกันไม่ใช่หรือ เจอกันตอนงาน แต่งไม่ใช่หรือ เจียงหมู่คนนี้ทำไมถึงปกป้องเธอนัก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ