ราชาแห่งรบ

บทที่ 1 ถูกปฏิเสธ!



บทที่ 1 ถูกปฏิเสธ!

บทที่ 1 ถูกปฏิเสธ

“นายหยางครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ ที่นี่พวกเรารับ สมัครเฉพาะบุคลากรที่มีคุณภาพเท่านั้น อย่างน้อยก็ต้องมีผลวัด ระดับภาษาอังกฤษระดับสี่ หรือไม่ก็มีใบรับรองคอมพิวเตอร์ ระดับสอง หรือไม่ก็จบมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำอันดับต้นๆ เท่านั้นนะครับ ดังนั้นผลของคุณอันนี้มัน……

ห้องที่มีผนังกันเล็กๆ ห้องหนึ่งในตลาดนัดแรงงานของเมือง เจียงเฉิงที่ถูกตกแต่งอย่างหยาบๆ ด้านในมีแค่โต๊ะหนึ่งตัวกับ เก้าอี้สองตัว ส่วนคนที่นั่งตรงข้ามเขานั้นเป็นผู้ชายสวมชุดสูทที่ หน้าตาอัปลักษณ์เหมือนลิงไม่มีผิด กำลังก้มลงดูประวัติส่วนตัว ของหยางล่อด้วยสีหน้าที่ดูแย่

“ก็ได้ ถึงที่นี่จะไม่รับแต่ก็ต้องมีสักที่ล่ะที่รับผมแน่นอน! หยาง ล่อเอานิ้วเท้าเกี่ยวรองเท้าแตะของตัวเองขึ้นมาสวม จากนั้นก็ลุก ขึ้นยืนอย่างไม่ใส่ใจ

“ถ้าอย่างนั้นข้อมูลของคุณฉบับนี้ผมจะเอาเก็บเข้าคลัง เอกสารบุคลากรของบริษัทนะครับนายหยางถ้าหากว่า ต้องการ…..

“ไม่ต้องหรอกครับ ประวัตินี้ของผมยังมีค่าอยู่ ผมจะเก็บไว้ใช้ บริษัทอีกแห่งเอง” พอเห็นว่าผู้สัมภาษณ์ตรงหน้าเขากำลังจะเก็บ ประวัติของตัวเองไป หยางล่อก็รีบแย่งกลับมาทันควัน บ้าเอ๊ยแค่บริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งเดียวยังจะเรื่องมากขนาดนี้ นี่ คงจงใจจะหาเรื่องชัดๆ ใช่ไหมเนี่ย!

ผู้สัมภาษณ์เองก็ทำหน้าสลด ทำได้เพียงนั่งมองหยางล่อเดิน

จากไปอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ทันทีที่หยางล่อเดินออกมาจากตลาดนัดแรงงานแห่งนั้น ตัว เขาก็ดึงดูดสายตาของเหล่าหญิงสาวอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วย รูปร่างที่สูงถึงเมตรแปดสิบ ทรงผมสกินเฮด ใบหน้าที่หล่อเหลา ถึงแม้ผิวหนังจะดูคล้ำไปหน่อย แต่ประกายความเก่งกล้า สามารถที่ดูเหนือกว่าคนอื่นของเขานั้นไม่มีทางปิดได้มิด แถม ด้วยกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขาที่เหมือนกำลังจะปะทุออกมา แผ่ ให้เห็นได้ถึงความเป็นชายได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

โดยเฉพาะรอยยิ้มที่มุมปากราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรนั้น มันช่าง ดึงดูดให้เหล่าคนที่ชื่นชอบต่างก็เผลอไผลไปด้วย

“ไม่ทราบว่าสหายท่านนี้ อยากจะลองมาที่บริษัทของเราสัก หน่อยไหมล่ะคะ?” พลันมีผู้สัมภาษณ์หญิงที่อยู่บริษัทข้างๆ คน หนึ่งวิ่งเข้ามาชูสองนิ้วใส่เขา

หยางล่อเห็นแบบนั้นมุมปากก็เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา เขา หยิบเอากล่องยาสูบขึ้นมา พลางเอานิ้วคืบเอาบุหรี่ขึ้นมาใส่ปาก อย่างไม่แยแส ก่อนจะส่งยิ้มที่น่าหลงใหลของเขาไปให้ผู้หญิงคน นั้นเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป แล้วชุดชั้นในยี่ห้ออลิซนี่จะเรียก เขาไปทําไมกัน?

“แกมันไอ้บ้า ฉันมันไอ้โง่….” หลังจากที่หยางล่อเดินออกมาจากตลาดนัดแรงงานที่อีกทึกนั้นได้ไม่ทันไร เสียงมือถือพลันตัง ขึ้น

“นี่มีเรื่องอะไรกันน่ะพี่? ตอนนี้ผมกำลังสอบสัมภาษณ์อยู่นา หยางล่อพูดขึ้นทันทีโดยไม่รอให้ฝ่ายตรงข้ามพูดก่อน

“อย่ามาหลอกกันหน่อยเลยพ่อหนุ่ม สอบสัมภาษณ์แล้วทำไม ถึงรับสายได้ล่ะ? นี่นายจงใจไม่อยากไปล่ะใช่ไหม? ถ้าหากหา งานไม่ได้ภายในหนึ่งอาทิตย์ล่ะก็ นายต้องมาทำงานที่บริษัท

“รพ ผม……..

“อย่ามาน้อยใจไปหน่อยเลย พี่ให้เวลานายไปมากพอแล้ว เพราะฉะนั้นก็เอาแบบนี้ล่ะ” ยังไม่ทันทีหยางล่อจะได้เถียงอะไร กลับไป สายอีกฝั่งก็ถูกตัดไปจนดังตุ๊ดๆ ขึ้น

หยางล่อส่ายหัวอย่างจนปัญญา พลางใช้มือดีดบุหรี่ออก สําหรับพี่สาวที่เลี้ยงเขามาจนโตคนนี้แล้ว หยางล่อไม่รู้จะสรรหา คําไหนมาพูดดี เรื่องกินนอนเที่ยวเล่นของตัวเขาน่ะไม่เป็นปัญหา อะไรหรอก แต่กลับบังคับเข้าให้ไปทำงานแบบนี้ซะได้ อีกอย่าง หยางล่อเองก็เชื่ออยู่แล้วว่าถ้าหากหางานไม่ได้ภายในหนึ่ง อาทิตย์ เฉินเส่ต้องจิกหูเขาให้ไปทำงานที่บริษัทเธอแน่ๆ

พอคิดว่าต้องไปอยู่ในบริษัทเธอ ทั้งวันต้องอยู่ในสายตาเธอ แบบนั้น หยางล่อก็เสียวสันหลังวาบ ให้เขาไปหางานเองจะได้ รู้จักกับสาวสวยมากมายจะยังดีกว่าอีก

พอคิดได้แบบนี้หยางล่อก็อัดบุหรี่เข้าเต็มปอดก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เขาพินิจดูประวัติส่วนตัวของเขาอีกครั้งหนึ่ง สําหรับประวัติส่วนตัวฉบับนี้เขาก็ต้องจำใจยอมรับล่ะนะว่ามัน ค่อนข้างจะเรียบง่ายเกินไปหน่อย เพราะนอกจากชื่อ เพศ บวก กับอายุแล้วก็ไม่มีข้อมูลอื่นอยู่เลย

ไม่มีทางเลือกนี่นา หยางล่อน่ะเป็นตัวตนที่เป็นความลับสุด ยอดของประเทศ แม้แต่กองทหารระดับสูงก็ไม่เคยเห็นประวัติ ของเขามาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบริษัทเล็กๆ แบบนี้เลย

หยางล่อเดินเข้าไปในสถานีรถไฟใต้ดิน เขาเตรียมตัวที่จะไป เดินเล่นแถวใกล้ๆ กลางใจเมืองเสียหน่อย อย่างแรกก็เพื่อจะไป ดูว่าจะมีงานดีๆ ให้ทำบ้างหรือเปล่า อย่างที่สองก็คือที่ถนนคน เดินใจกลางเมืองนั้น เป็นที่ๆ รู้ๆ กันว่ามีสาวงามระดับจักรวาล ของเมืองเจียงเฉิงอยู่ ดังนั้นหยางล่อก็เลยอยากจะไปค้นหาวิจัย ดูเสียหน่อย

ที่สถานีรถไฟตอนนี้ดูค่อนข้างจะเงียบๆ ไปหน่อย สถานที่ยาว สุดมีคนยืนอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น ทันทีที่หยางล่อเดินผ่านคน เหล่านั้น ก็มีคนไม่น้อยเลยที่ต้องหันขวับมามองเขาอีกครั้ง แน่นอนว่าไม่เพียงแค่เป็นเพราะรูปลักษณ์ที่สูงชะลูดของเขา เท่านั้น ที่สำคัญคือสีหน้าที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรของเขากับรองเท้า แตะคู่ใจของเขาคู่นั้นต่างหาก

ไม่ถึงสองนาทีรถไฟก็มาถึงที่สถานี หยางล่อเองก็ตกใจกับคน บนรถไฟที่แน่นขนัด แต่พอคิดได้ว่าที่นี่อยู่ห่างจากใจกลางเมือง แค่สามสี่ป้ายเท่านั้นก็ไม่ได้แปลกใจอะไร พอหยางล่อก้าวเข้าไป ในขบวนรถ พลันคนรอบๆ เขาต่างก็รู้ได้ถึงแรงกดดันอะไรบางอย่าง จนดูเหมือนว่าฟ้ามันไม่มีสีไปเลยอย่างไรอย่างนั้น

“ไม่ต้องรีบก็ได้” ขณะที่หยางล่อทรงตัวได้พอดีกับที่ประตู กำลังจะปิดลงนั้น พลันมีเสียงที่ดูมีเสน่ห์ของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้หันไปมองใบหน้าของเธอ ก็มีกลิ่นน้ำหอ มดิออร์จางๆ พุ่งเข้ามาที่จมูก เดิมทีบนขบวนรถเองต่างๆ ที่มี กลิ่นต่างๆ ผสมปนเปกันมั่วไปหมดอยู่แล้ว แต่กลิ่นนี้กลับเหมือน ลมที่เย็นสบาย ที่ทำให้หยางล่อรู้สึกสดชื่นขึ้นมาไม่น้อย

“จู่ๆ คุณผู้หญิงนี่ก็” หยางล่อกลืนน้ำลายดังเลือก เพราะภูเขา ลูกมหึมาที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้ แค่เธอก้มลงเขาก็เห็นร่อง ภูเขาที่ขาวผุดผ่องเป็นยองใยแถมยังดูสุดจะหยั่งถึง เห็นแบบนั้น หยางล่อจึงขยับไปนั่งอีกที่หนึ่งเพื่อที่จะได้มองหน้าเธอได้ตรงๆ อย่างทะลุปรุโปร่ง

“ให้ตายเถอะ” หยางล่อเองก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา ทรง ผมที่สันทัดใบหู ขนคิ้วที่ดูเรียวยาว ดวงตาที่นุ่มลึกประดุจดั่ง มหาสมุทร สันจมูกที่ประณีตวิจิตร ริมฝีปากที่นุ่มชุ่มฉ่ำ นิสัยที่ดูมี เสน่ห์ ลูกเชอรี่กลมใหญ่สองลูกภายใต้เสื้อยืดของเธอ กางเกง ทรงกระบอกสีฟ้าที่คลุมขาอันเรียวงามของเธอ จะดูอย่างไรนี่มัน ก็นางฟ้านางสวรรค์ชัดๆ

“หึ” สาวสวยคนนั้นเหมือนจะสังเกตได้ถึงสายตาลวนลามของ หยางล่อ จึงส่งเสียงไม่พอใจ แต่เสียงเล็กๆ ของเธอนั้นยิ่งทำให้ ร่างกายของหยางล่อลุกเป็นไฟ ยิ่งอยากจะกระเช้าเย้าแหย่เธอ ให้มากกว่านี้
“พอดีว่า คุณผู้หญิงเหยียบเท้าผมนะครับ” หยางล่อพูดเสียง กระซิบ

“ก็นายเอาเท้ามาวางตรงนี้เองนี่ ผู้หญิงคนนั้นจ้องหยางล่อ

ด้วยแววตาดุร้าย

หยางล่อเห็นว่าหน้าตาสะสวยของเธอดูไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับ ตัวเองเท่าไหร่ จึงทำได้แค่ยอมแพ้ไป แต่ชั่วขณะนั้นผู้หญิงคนนั้น ก็หยิบมือถือออกมากดรับสาย

“ตอนนี้คุณอยู่ไหนแล้ว ปิงปิง?” พลันก็มีเสียงของผู้ชายคน หนึ่งในสายดังขึ้น เดิมทีหยางล่อก็นั่งอยู่ใกล้ๆ เธออยู่แล้วจึง ได้ยินสิ่งที่คนในสายพูดชัดเจน

“นี่คุณป้ายเชียง ฉันจะขอเน้นย้ำอีกรอบนะคะ โปรดเรียกฉัน ว่าฉินปิงปิง ด้วย พวกเราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน อย่าเรียกอะไร ที่ทำให้น่าคลื่นไส้แบบนั้น เดี๋ยวจะทำให้เพื่อนคนอื่นๆ สงสัย เอา” ฉินปิงปิงพูดอย่างฉุนเฉียว

โอ้โหเฮะ ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ก็ชื่อฉินปิงปิงนี่เอง ตอนแรกก็คิดว่า ทำไมท่าทีของเธอถึงได้ดูดุกับเขาแบบนี้ แต่กับเพื่อนร่วมงานก็ เป็นแบบนี้เหมือนกันสินะ คิดได้แบบนั้น ในใจของหยางล่อก็รู้สึก สบายใจขึ้นเยอะ

“ปิง…ฉินปิงปิง บอกผมมาว่าคุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมจะไปรับ อีกฝ่ายเหมือนถูกบีบบังคับ เลยส่งเสียงออกมาอย่างตะกุกตะกัก แบบนั้น

“ไม่ต้องหรอก ฉันใกล้จะถึงแล้ว” พูดจบ ฉินปิงปิงก็วางสายลงทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบก่อน

“เหอะ ข้างในไม่เห็นดูดีเหมือนข้างนอกเลยสักนิด” ปากของ หยางล่อยังคงพูดพิมพ์ไม่หยุด ฉินปิงปิงนั้นเธอเป็นถึงตำรวจสาวแห่งเขตภาคใต้ของเมือง เจียงเฉิง เพราะด้วยสีหน้าและคำพูดของหยางล่อเมื่อสักครู่นั้น ทำให้เธอไม่พอใจอย่างมาก น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปเป็นก้าวร้าวขึ้น

“นายพูดว่าอะไรนะ? จะเชื่อหรือไม่เชื่อ…”

แต่ยังไม่ทันที่ฉินปิงปิงจะได้พูดจบ ขบวนรถไฟก็เข้าโค้งจนทำ ให้ฉินปิงปิงที่เดิมทีที่เดินเข้ามาในขบวนแล้วไม่ได้จับราวเอาไว้ จนถึงตอนที่ทะเลาะกับหยางล่ออยู่ตอนนี้ โซซัดโซเซล้มลงไปบน ตัวของหยางล่ออย่างคาดไม่ถึง ใบหน้าที่ดูขาวสะอาดสวยงาม ของเธอติดเข้ากับหน้าอกของหยางล่อพอดี

หยางล่อเองก็ไม่ใช่ผู้ชายที่อ่อนต่อโลกอะไรแบบนั้น พอถูก ร่างกายที่ร้อนแรงอีกทั้งอ่อนนุ่มล้มทับมาแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่า เขารู้สึกอย่างไร

ชั่วขณะนั้น ใบหน้าอันสะสวยของฉินปิงปิงก็แดงก่ำจนไปถึงหู

เลยทีเดียว

“ไอ้คนน่ารังเกียจ” ฉินปิงปิงด่าขึ้น

“นี่คุณผู้หญิง เห็นๆ กันอยู่นะว่าคุณฉวยโอกาสคนน่ารังเกียจ อย่างผมคนนี้น่ะ” หยางล่อพูดอย่างมีความสุข

“ฉันไปฉวยโอกาสอะไรนายตอนไหน? ไอ้คนน่ารังเกียจ นายอย่ามาพูดจามั่วซั่วนะ” พอเธอถูกหยางล่อพูดแบบนั้นเธอจึง โมโหขึ้นมาทันที

“แต่คุณเพิ่งจะจับผมไปเองนะ…โอ๊ย” ยังไม่ทันที่หยางล่อจะได้ พูดจบ เขาก็รู้สึกได้ว่าเท้าของเขาถูกเหยียบเข้าอย่างแรง หลัง จากนั้นฉินปิงปิงก็หันหลังไปแล้วเอามือกอดอก สีหน้าของเธอ ตอนนี้ดูเกรี้ยวกราดอย่างมาก

เขารู้สึกคับอกคับใจมากๆ ถึงแม้ผู้หญิงคนนี้อาจจะดูรุนแรงไป หน่อยก็เถอะ เขากวาดตามองดูคนบนขบวนรถที่แน่นขนัด พลาง มองไปที่ร่างกายที่เรียวบางของฉันปิงปิง พลันรอยยิ้มที่ดูชั่วร้าย ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา จากนั้นเขาก็เอาฝ่ามือที่ดูใหญ่ของ เขาจับเข้าไปบนร่างกายของฉินปิงปิงอย่างลับๆ

ฉินปิงปิงรู้สึกเหมือนไฟฟ้าแลบแปรับเข้าร่างกาย จนสั่นอย่าง ควบคุมตัวเองไม่ได้ สายตาเธอหันขวับไปมองหยางล่ออย่าง ดุร้าย ถ้าเกิดไม่ได้อยู่ท่ามกลางคนมากมายแบบนี้ ฉินปิงปิง คงจะหยิบปืนออกมายิงหยางล่อแล้วก็ได้

“ไอ้…ไอ้คนเลวทราม ไอ้หน้าไม่อาย ไอ้สารเลว” พลันอารมณ์ ของฉินปิงปิงก็เหมือนระเบิดขึ้น เธอหันหลังไปทุบเข้าที่อกของ หยางล่อยกใหญ่ ยิ่งพอได้มองเห็นใบหน้าของฉินปิงปิงแล้ว หยางล่อก็ยิ่งมีความสุขมากเข้าไปใหญ่

“ถ้าอย่างนั้น พวกเราสองคนก็เข้ากันแล้ว ผมจะลงสถานีนี้แล้ว ด้วย” ตอนที่หยางล่อกำลังตัดสินใจที่จะยื่นมือไปจับเธอนั้น เขา ก็เห็นว่าสถานีต่อไปก็คือถนนคนเดินแล้ว ดังนั้นขณะที่ฉินปิงปิงกำลังทุบอกของตัวเองอย่างเกรี้ยวกราดอยู่นั้น เขาก็ลงจาก ขบวนไปทันที

พอเห็นท่าทางหนีเตลิดไปของหยางล่ออีกทั้งยังหันหน้ามา หน้าตาทะเล้นใส่อีก ฉินปิงปิงก็โกรธจนหน้าอกเธอกระเพื่อมเลย ทีเดียว

“ไอ้คนน่ารังเกียจ ถ้าครั้งหน้าเจอกันอีกล่ะก็นะ แม่จะเลาะฟัน ออกมาให้หมดเลยเชียว” ฉินปิงปิงกัดฟันคิด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ