บทที่ 1 เขาแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น
ในบ้านหลังเก่าที่ชำรุด กลิ่นจันทร์ฟังเสียงแห่ ขันหมากที่สุดแสนจะอลังการที่ดังขึ้นข้างนอกรั้วบ้าน สอง เดือนก่อน เธอไม่สนใจว่าใครจะเตือนเธอมากขนาดไหน เธอก็ยังดื้อรั้นที่จะแต่งงานกับปวรรุจ ในวันที่สองของ การแต่งงาน เธอก็ถูกเขาจับตัวมากักขังอยู่ในนี้ และไม่ สามารถออกจากที่นี่แม้แต่เพียงก้าวเดียว
เธอไม่คิดว่าชีวิตของเธอต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ตอนนี้ กลับไม่สามารถมาสนใจ อะไรพวกนี้ได้
กลิ่นจันทร์พยายามอดทนกับความเจ็บปวดตรงขา ซ้ายของเธอ และวิ่งออกไปข้างนอกด้วยขาเป๋
ตรงหน้าห้องรับแขก กลิ่นจันทร์มองชายคนหนึ่งที่ สวมใส่ชุดสูทสีดำสนิท และมีใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งกว่า ดารา นั่นก็คือปวรรุจ
“ส่งเข้าเรือนหอ!”
พูดจบ พิธีส่งเข้าเรือนหอจึงเริ่มขึ้น
ใบหน้าของกลิ่นจันทร์ซีดขาว มือของเธอจับผนังไว้ แน่นๆ เพื่อที่พยายามจะพยุงตัวเองให้ยืนนิ่งๆ นัยน์ตากลับ จับจ้องไปยังคู่สมรสคนนั้น
สามีของเธอแต่งงานกับผู้หญิงที่เธอเกลียดที่สุดใน
ชีวิตนี้
ทอแสง เธอเป็นน้องชายต่างแม่ ตั้งแต่เด็กจนโตเธอ ต้องการแย่งของทุกอย่างกับเธอ ตอนนี้ แม้กระทั่งสามี ของเธอก็ยังไม่เว้น
ปวรรุจจูงมือทอแสงที่สวมใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวแล้ว เดินไป
ทุกคนต่างก็ตะโกนกรี๊ดร้องเสียงดัง ใบหน้าอันพริ้ว เพราที่ถูกผ้าตาข่าวปกคลุมไว้ของทอแสงอิ่มเอมไปด้วย ความสุข ปวรรุจเองก็อมยิ้มขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆเปิดผ้าคลุม หัวสีขาวของเธอออกพลางก้มหน้าลงไปประทับจูบบนริม ฝีปากที่แดงฉ่าของเธออย่างดุเดือด
จากนั้นก็กอดสาวสวยคนนั้นไว้ในอ้อมกอดไว้แน่นๆ ปวรรุจจึงได้กล่าวพูดกับแขกทุกคนที่มาเยือนอย่างไม่แคร์ “ขอโทษนะครับทุกคน ผมใจร้อนไปหน่อย
จากนั้นคนในต่างก็ดื่มชนแก้วเพื่อเป็นการอวยพรคู่ บ่าวสาวที่เหมาะสมกับดั่งกิ่งทองใบหยก
สีหน้าของกลิ่นจันทร์ไม่มีแม้แต่เลือดที่ค้างอยู่ เธอ กำหมัดแน่นๆจนเล็บแทงเข้าไปในเนื้อของตัวเอง เธอรู้สึกเจ็บจนชา
จากนั้นปวรรุจช้อนตัวทอแสงขึ้น แล้วก้าวๆใหญ่ เข้าไปในเรือนหอ ทว่าเพียงเดินไปไม่กี่ก้าว จู่ๆทอแสงก็ เกินกลิ่นจันทร์ยืนอยู่ตรงระหว่างทางที่พวกเขากลับเรือน หอ จึงตะโกนด้วยเสียงเบา “คุณพี่จันทร์……
เรือนร่างของชายหนุ่มเกร็งขึ้นมาทันที จากนั้นจับ จ้องไปยังนัยน์ตาที่เศร้ารันทดของกลิ่นจันทร์ พร้อมกับทำ สีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป “กลิ่นจันทร์ ใครให้คุณออกมา? รีบ ไสหัวออกจากที่นี่ !
ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน
ทอแสงพยายามดิ้นเพื่อที่ตัวเองลงมาจากอ้อมกอด ของเขา จากนั้นก็สาวเท้าเดินไปตรงหน้ากลิ่นจันทร์แล้ว กุมมือเธอ แล้วยิ้มพลางพูดอย่างสะใจ “คุณพี่จันทร์ วันนี้ ฉันกับโจเขาแต่งงานกัน เราเป็นคุณพี่น้องกัน ก็ช่วยๆกัน ดูแลเขาเถอะ”
กลิ่นจันทร์กระชากมือของตัวเองออก สายตาของเธอ ยังคงจับจ้องไปแค่คนๆเดียว
“คุณจำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยหรอ?”
จนถึงตอนนี้ ทุกคนก็ถือว่าเข้าใจกันแล้ว ที่แท้เธอเป็น ภรรยาของคุณชายปวรรุจ ที่ซึ่งเป็นคุณพี่สาวคนโตของ ตระกูลสุขสิรินี่เอง
ได้กล่าวว่าพวกเขาเป็นคู่จิ้นกันตั้งแต่ตอนเด็กๆ ทั้ง สองจึงได้หมั้นหมายโดยผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูล นี่คงเป็น เรื่องที่น่ายินดีมากๆ แต่ว่าไม่มีใครนึกถึง พอมาวันหนึ่ง ตระกูลเกษมสันต์ได้พบเจอกันปัญหาจนตระกูลล้มละลาย และคุณหนูใหญ่ของตระกูลสุขสิริก็เป็นผู้หญิงที่หน้าเงิน หลังจากที่คุณชายของตระกูลเกษมสันต์ตกระกำลำบาก ฝ่ายหญิงจึงขอเพิกถอนงานหมั้น
ทว่าคุณชายแห่งตระกูลเกษมสันต์เป็นคนที่งมงาย กับความรัก จึงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าประตูตระกูลสุขสิริเป็น เวลาสองวันสองคืน กลับไม่ได้รับการเห็นใจจากฝ่ายหญิง สุดท้ายก็เพราะจดหมายฉบับเดียวที่ทำร้ายจิตใจจากกลิ่น จันทร์ จนเขาก็ได้ตัดใจกับเธอในที่สุด
หลังจากที่ปวรรุจป่วยเป็นโรคที่อาการแสนสาหัส เขา จึงได้จากเมืองเอไปตามลำพัง ทุกคนที่อยู่ในเมืองเอก็นึก ว่าตระกูลเกษมสันต์หายไปจากโลกนี้แล้ว แต่หลังจาก สองปี ปวรรุจกลับกลับมาอีกครั้ง และได้กลายเป็นเศรษฐี ที่มีอำนาจสูงสุดในเมืองเอ
วันนี้ในเมืองเอ มีเพียงตระกูลเกษมสันต์เท่านั้นที่เป็นใหญ่ที่สุด ใครก็ไม่สามารถเทียบเทียมกับตระกูลนี้ได้
“เรื่องของผม คุณมีสิทธิ์อะไรมาถาม?” ปวรรุจหรี่ตา ลง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเลือดเย็น “ผมเคยบอกคุณ แล้วว่าห้ามออกจากห้องนอนแม้แต่ก้าวเดียว ผมพูดแล้ว ยังทำเป็นหูทวนลมหรือไง?
“ใครก็ได้มาลากตัวคุณผู้หญิงเข้ามาเฆี่ยนโบยยี่สิบ
นัยน์ตาของทอแสงจึงแกล้งเป็นกังวล แล้วอยากจะ ห้ามปรามเขา แต่กลับถูกเขาพูดแทรกขึ้นก่อน “ใครหน้า ไหนก็ห้ามร้องขออะไรแทนเธอ ไม่งั้นก็จะโดนลงโทษ พร้อมๆกัน”
ทุกคนต่างก็ปิดปากให้สนิท
“กลิ่นจันทร์ยอมรับบทลงโทษ แต่ว่า……” กลิ่น จันทร์ถูกคนกดตัวลงไปแนบกับพื้น เธอเงยหน้ามองผู้ชาย ที่ยืนอยู่ตรงที่สูงแล้วพูดขึ้น “อย่าเอาเธอได้ไหม ใครก็ได้ แต่อย่าเป็นเธอได้ไหม?”
ทอแสงแกล้งร้องไห้บีบน้ำตา “คณพี่จันทร์ น้องกับ รจเรารักกันจริงๆ ทำไมคุณพี่ถึงต้องทำให้เราแยกจากกัน อย่างโหดเหี้ยมด้วย น้องทำอะไรผิดไปหรือไง?”
ปวรรุจจ้องหน้ากลิ่นจันทร์ ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นได้ ซึ่งความรู้สึก “โบย!”
หลังของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เวลานี้ กลิ่น จันทร์รู้สึกว่ากระดูกของเธอแตกร้าวไปทั้งตัว
กลิ่นจันทร์กัดฟันแล้วพูดขึ้นอย่างฝืนทน “อย่า แตะ……แตะต้องตัวเธอ……ขอร้องล่ะ…….”
แม่ของทอแสงเป็นคนทำให้แม่ของเธอต้องตาย ทอแสงแย่งทุกอย่างของเธอไป แม้แต่เธอยังจ้างคนมา ทำร้ายเธอจนขาซ้ายหัก ทุกๆเรื่องของเธอทำ จะไม่ทำให้ เธอเกลียดเธอได้ยังไง?
“สมน้ำหน้า คนมันก็แค่ผู้หญิงต่ำต้อย ตอนนั้นเธอ ทิ้งคุณชายปวรรุจไปยังไง แล้วอยากจะทำตัวสูงส่งไป แต่งงานกับคุณชายมารุต เหอะๆ ตอนนี้กรรมตามสนอง แล้ว!”
“ใช่ๆ กรรมตามสนองจริงๆ
ทุกคนต่างก็ซุบซิบนินทากันขึ้นมา ต่อให้เสียงพวก นั้นจะไม่ดัง แต่กลับส่งเข้าหูปวรรุจกับกลิ่นจันทร์
สีหน้าของปวรรุจจึงเปลี่ยนไป นัยน์ตากลับโหดเหี้ยม
อว่าเล็บ
สีหน้าของกลิ่นจันทร์ขาวซีดมากๆ และเธอก็ยังฝืนยิ้ม
ออกมา
จริงๆเธอคุกเข่าอยู่ท่ามกลางกลางสายฝน เพื่อที่จะ ขอให้คุณชายมารุตไว้ชีวิตปวรรุจ เธอทำเพื่อปวรรุจ เพราะ แบบนี้จึงถูกทอแสงหักขาซ้ายของเธอ จากนั้นเธอก็ให้ นวลขายเครื่องประดับทั้งหมดที่เธอมี แล้วคิดหาวิธีส่งเขา ออกจากเมืองเอ……
เธอยังเคยเขียนจดหมายความในใจตลอดชีวิตนี้ ถ้า ไม่ใช่ปวรรุจ เธอจะไม่แต่งงานกับใคร”
เพราะว่าเธอเชื่อว่า เขาจะรักษาคำมั่นคำสัญญาที่ให้ กับตัวเองนี้ไว้……
เขาพูดว่า “กลิ่นจันทร์ ผมจะมีเพียงคุณตลอดไป”
ไม้ที่เฆี่ยนโบยเธอยิ่งอยู่ก็ยิ่งหนัก กลิ่นจันทร์กำลัง กลืนน้ำลายอดกลั้นความเจ็บปวด นัยน์ตามัวหมองจับจ้อง ปวรรุจไว้
ตลอดไป ตลอดไปแค่ไหน?
ยังไม่ถึงไหน เขาก็ไปมีคนอื่น
และเป็นผู้หญิงที่เธอเกลียดเข้ากระดูก………”
Ps: ตอนที่ 1 เป็นยังไงกันบ้างคะ มาคอยติดตามว่า ปวรรุจจะทารุณกับกลิ่นจันทร์มาแค่ไหน ทอแสงจะตอแหล สักแค่ไหน ได้โปรดติดตามตอนต่อไป ^3^
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ