รักไม่มีวันลืม

บทที่ 7 เธอตายแล้ว



บทที่ 7 เธอตายแล้ว

ปวรรุจเดินสาวเท้าใหญ่ๆเข้าไปในห้อง ทอแสงรีบ เดินตามไปในทันที

เขาพูดเสียงเรียบเย็นโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา “ออกไป ! ”

เมื่อเห็นกลิ่นจันทร์ถูกลงโทษ ทอแสงรู้สึกสะใจและ อารมณ์ดีมาก ขณะที่เธอกำลังจะออดอ้อนปวรรุจนั้น กลับ ถูกเขาตวาดเข้าให้ ทำให้ทอแสงนิ่งค้างไป

ทอแสงร้องเรียกเขาเสียงอ้อน “คุณปวรรุจคะ…..

ปวรรุจหันหน้าไปหาเธอ มองดูเธอด้วยสายตาเย็นชา พร้อมพูดเสียงเย็นยะเยือก “ออกไป !

เมื่อถูกเขาตวาดแบบนี้ ทอแสงไม่กล้าพูดหรือทำ อะไรอีก เธอรีบหมุนตัวหันหลังแล้วเดินออกไปในทันที

เมื่อเดินไปถึงหน้าประตู ทอแสงฮึดฮัดด้วยความไม่ พอใจ จากนั้นก็ร้องเรียกมณีที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูมา “ไป จับตาดูกลิ่นจันทร์ อย่าให้ใครไปรักษากลิ่นจันทร์โดยเด็ด ขาด ฉันจะให้มันลิ้มลองรสชาติของการเจ็บปวดทรมาร เหมือนตายทั้งเป็น !

มณีลังเลเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามขึ้น “คุณหนูคะ เราทำแบบนี้คุณผู้ชายจะไม่โมโหหรอคะ?”

ทอแสงแสยะยิ้ม “คุณปวรรุจไม่สนใจหรอกว่ากลิ่น จันทร์จะเป็นตายร้ายดียังไง คนสารเลวอย่างกลิ่นจันทร์ สมควรตายอยู่แล้ว”

“ค่ะ มณีเข้าใจแล้วค่ะ”

ภายในห้องโถง ปวรรุจทำหน้าเคร่งเครียดแล้วนั่งอยู่ ตรงเก้า

นายแม้นยกน้ำชามาให้กับเขาด้วยความระมัดระวัง จากนั้นวางไว้บนโต๊ะ แต่จู่ๆปวรรุจก็ปรายตามองมาที่เขา ทำให้เขาตกใจจนทำแก้วตกลงพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ

“คุณผู้ชายครับ…..” นายแม้นตกใจ เมื่อก่อนน้อย ครั้งนักที่คุณผู้ชายจะโมโหขนาดนี้

ปวรรุจกําหมัดแน่น แล้ววางไว้บนโต๊ะ นัยน์ตาสีนิล ของเขาเผยความเจ็บปวดออกมา

“ทั้งๆที่เป็นความผิดของเธอ การที่ฉันลงโทษเธอ มันผิดหรืออย่างไร?”

นายแม้นถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “คุณชายครับ เป็นความผิดของคุณกลิ่นจันทร์ที่ไม่รู้จักเห็นค่า ไม่ว่าคุณ ผู้ชายจะทํากับเธออย่างไรก็ไม่ผิดหรอกครับ เป็นสิ่งที่เธอ สมควรถูกลงโทษแล้ว”

“ใช่ ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่เธอสมควรถูกลงโทษ ! ” ปวรรุจหลบตาลง แล้วพูดเสียงเบา “แต่ทำไมฉันถึงไม่ได้ รู้สึกมีความสุขเลยสักนิด”

เขาจากที่นี่ไปกว่าสองปี แล้วกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ สิ่งแรกที่เขากลับมานั้นคือต้องการที่จะแต่งงานกับเธอ แต่ นั่นไม่ได้เป็นเพราะเขายังรักเธอ ทว่ากลับเป็นเพราะความ เคียดแค้น

เขาแต่งงานกับเธอ แล้วทำให้เธออับอายต่อหน้าทุก คน ให้เธอไปอยู่ในเรือนหลังที่ไกลออกไป เพื่อที่จะให้ เธอรับรู้ว่าสิ่งที่เธอเคยเลือกนั้นช่างโง่เขลา เขาต้องการ ให้เธอเสียใจ !

แต่ทว่าเธอกลับไม่แยแสแม้เพียงน้อย

ท่าทีเรียบเฉยของเธอทำให้เขายิ่งเจ็บปวดและ เคียดแค้น เขาอยากจะให้เธอเจ็บปวดไปชั่วชีวิตเหมือน ตนเอง

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงแต่งงานกับคนที่เธอเกลียดมากที่สุด

จนสุดท้ายเขาก็ได้เห็นสีหน้าเจ็บปวดของเธอ แต่นั่นกลับไม่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขหรือสะใจ แม้แต่น้อย

เขาหลับตาลงช้าๆ ภาพที่เรือนร่างของเธอเต็มไป ด้วยเลือดฉายออกมา

“ช่างเถอะ” ปวรรุจลืมตาแล้วกล่าวพูดเสียงเบา “ระหว่างฉันกับกลิ่นจันทร์ สุดท้ายแล้วกลิ่นจันทร์ก็เป็นคน ที่ชนะง……”

นายแม้นมองดูคุณชายของตนที่รับใช้มาตั้งแต่เล็ก ด้วยความปวดใจ “คุณผู้ชายครับ………..

“นายแม้น ไปตามตะวันมาดูบาดแผลของกลิ่นจันทร์ ที มือและหลังของเธอ…… กลิ่นจันทร์กลัวความเจ็บ บอก ให้ตะวันทายาให้เธออย่างเบามือด้วย”

ตะวันคือหมอที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ เมื่อหลายปีก่อน พึ่งกลับมาจากต่างประเทศ และในตอนนี้ก็เป็นหมอประจำ ตัวของปวรรุจด้วย
“ครับ ผมจะไปเชิญหมอตะวันตอนนี้เลยครับ”

“ช้าก่อน” ปวรรุจลุกขึ้นยืน “ฉันเป็นคนไปตามเอง” สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่สามารถตัดใจจากเธอได้

ด้วยความพยายามของนวลจึงพาคุณหนูกลับมาที่ ห้องของตนเองได้ กลิ่นจันทร์ยังไม่ทันได้ล้มตัวลงนอน บนเตียง เธอก็อาเจียนเป็นเลือดออกมา

“คุณหนู ! ” สีหน้าของนวลเปลี่ยนไปในทันที “คุณ หนูเป็นอย่างไรบ้างคะ? คุณหนูอย่าทำให้นวลตกใจ คุณ หนู…..”

นวลพยายามพาคุณหนูของตนขึ้นไปนอนบนเตียง กลิ่นจันทร์ล้มตัวลงนอน เธอหายใจอย่างรวยริน

ใบหน้าของกลิ่นจันทร์ยังคงเปื้อนเลือด แต่เธอกลับ ฝืนยิ้มออกมา “นวล อย่าร้องไห้เลย ประเดี๋ยวก็ไม่สวย หรอก”

นวลไม่สามารถห้ามน้ำตาของตนเองได้ “คุณหนู นวลต้องทําอย่างไรจึงจะสามารถช่วยคุณหนูได้ จริงด้วยนวลจะไปตามคุณหมอตะวัน คุณหนูรอนวลก่อนนะคะ”

ขณะที่นวลกำลังลุกขึ้นนั้น กลิ่นจันทร์ก็รั้งมือของเธอ เอาไว้

“อย่าเลย” เธอยิ้มบางๆแล้วมองไปที่นวล สีหน้าของ เธอซีดขาว “นวล ฉันไม่ไหวแล้ว……”

นวลร้องไห้และส่ายหน้าไปมา “ไม่นะคะ คุณหนูอย่า พูดแบบนี้ คุณหนูต้องแข็งแรงและอยู่ให้นวลคอยดูแลรับ ใช้ ! ”

กลิ่นจันทร์ไออีกครั้ง นานครู่หนึ่งกว่าเธอจะพูดขึ้น “นวล นวลก็รู้ว่าฉันตกหลุมรักคุณปวรรุจตั้งแต่อายุสิบสอง มาจนถึงตอนนี้ เป็นเวลาสิบปี…..”

“ที่ฉันพยายามสู้เพื่อมีชีวิตต่อนั้นเป็นเพราะรอการก ลับมาของเขา แต่ว่าตอนนี้…..” กลิ่นจันทร์ไอเป็นเลือด ออกมา เธอหลับตาลงช้าๆ “คงถึงเวลาที่ฉันต้องปล่อยมือ จากคุณปวรรุจแล้ว……..”

นวลเอาแต่ส่ายหน้า “คุณหนู ไม่ได้เจ้าค่ะ คุณหนู ยังมีนวล นวลจะอยู่กับเคียงข้างคุณหนู คุณหนูอย่าทิ้งให้ นวลต้องอยู่คนเดียว…..”
กลิ่นจันทร์นอนอยู่บนเตียง ผ้าปูที่นอนผืนสะอาดใน ตอนนี้เปื้อนไปด้วยเลือด

สีหน้าของเธอซีดขาวมากกว่าเดิม หน้าผากของเธอ มีเหงื่อไหลออกมา “แต่ว่านวล ฉันเจ็บเหลือเกิน…..”

ฉันเจ็บเหลือเกิน

คำพูดสี่คำนี้ทำให้น้ำตาของนวลคลอเบ้า เธอมองไป ที่กลิ่นจันทร์ น้ำตายังคงไหลรินลงมาโดยที่เธอพูดไม่ออก

คุณหนูบอกว่าตนเองเจ็บเหลือเกิน

ตั้งแต่เล็กจนโตคุณหนูกลัวความเจ็บที่สุด นวลหลับตาลง จากนั้นร้องเรียกเธอเบาๆ “คุณ

“หลังจากที่ฉันตาย ก็เผาร่างของฉันเสีย ฉันจะได้ ล่องลอยไปหาคุณแม่ คุณแม่ท่านรอฉันอยู่ที่นั่น ฉันไม่มี อะไรให้ต้องกลัว…..”

นวลเม้มกัดฟันแล้วร้องสะอื้น

กลิ่นจันทร์จับมือของเธอเอาไว้ สายตาของกลิ่น จันทร์เต็มไปด้วยการร้องขอ “รับปากลับบะบาล ดีไหม?
นวลร้องไห้แล้วพูดสะอื้น “ได้ค่ะ….คุณหนู นวลจะ ไม่ให้คุณหนูเจ็บปวดอีกต่อไปแล้วค่ะ”

กลิ่นจันทร์คลายยิ้มบางๆ

นวลลุกขึ้นไปหยิบยาในลิ้นชัก

เมื่อสองปีก่อน กลิ่นจันทร์ได้เตรียมยาพิษเอาไว้ใน ตนเองหนึ่งขวด

ตลอดสองปีที่ผ่านมานี้ กลิ่นจันทร์คิดอยากจะดื่มยา พิษนี้ไม่น้อยกว่าร้อยครั้ง

แต่เธอกลับไม่ทำแบบนั้น เพราะเธอกลัวว่าคนที่เธอ

รักจะเจ็บปวด และจะตรอมใจตายตามเธอไป

แต่ว่าตอนนี้เธอไม่กลัวอีกต่อไป

มือที่สั่นเทาของเธอจับขวดยาและกินเข้าไป จากนั้น เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่เปื้อนหน้าของนวล พร้อมพูดเสียง อ่อน “อย่าร้องไห้ ฉันแค่ไปหาคุณแม่เท่านั้น”

นวลพยักหน้า และฝืนยิ้มทั้งน้ำตายังไหลไม่หยุด

กลิ่นจันทร์คลายยิ้มบางๆ “ในที่สุดก็ไม่ต้องเจ็บปวด อีกต่อไปแล้ว” จากนั้นเธอก็หลับตาลงช้าๆ
นวลร้องไห้สะอึกสะอื้น “คุณหนู…..”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ