บทที่ 8 หน้าตาดูเย้ายวน
เมื่อคิดถึงที่มาที่ไปของรองเท้าสลิปเปอร์คู่นี้ นภสรชะงักไปพักนึง เธอหยิบขึ้นมาแล้วโยนลงถังขยะไป หลังจากนั้นก็ล้างมือแล้วไป เทน้ำดื่มให้ปองพล : “คือว่า……
“ออกไปซื้อของ” ปองพลพูดตัดบทเธอ ทำที่เหมือนไม่ยอมฟัง คําอธิบายอะไร
นภสรวางแก้วน้ำลงอย่างแรง ทำเสียงพูดฟัด ไม่อยากฟังงั้น เหรอ? เออ ฉันก็ไม่อยากอธิบายเหมือนกันแหละ!
เสียงนั้นทำให้ปองพลเงยหน้าขึ้นมามองเธอ สายตามองต่ำได้ อารมณ์เหมือนรูปลักษณ์ของเขา ไม่กระพริบตาเลยสักนิด มัน ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอย่างไม่อาจอธิบายได้
ความรู้สึกแบบนี้ จะมีก็เพียงแต่ตอนอยู่กับคุณปู่เท่านั้นแหละ
นภสรรู้สึกแปลกๆขึ้นมาในใจ เธอรู้สึกว่าปองพลน่าจะไม่ใช่ คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน ไม่รู้ว่าหากไปยั่วให้เขาโมโหแล้วจะ เป็นผลดีหรือผลเสียกันแน่
แต่ในตอนนี้ การแต่งงานกับเขาถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว อาจจะเพราะทั้งสองคนผ่านคืนนั้นมาด้วยกันแล้ว คุ้นเคยกันบ้าง แล้ว…….แต่ว่า นภสรก็ยังรู้สึกลำบากใจและละอายใจ
เทียบกับบรมนแล้ว เขาดูจะเป็นคนดีมากกว่า เพราะว่าเช้าวัน นั้น เขาช่วยเธอใส่นักข่าวออกไป
ในขณะที่เธอเหม่ออยู่ ปองพลเดินไปถึงหน้าประตูและสวม รองเท้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดวงตาคู่นั้นจ้องไปที่เธอตรงๆ น้ำ เสียงมีความรําคาญ : “นภสร”
นกสรดึงสติกลับมา คว้ากระเป๋าแล้วเดินตามเขาไป
ปองพลเดินเข็นรถเข็นอยู่ข้างๆเธอ เขาเดินมุ่งไปยังโซนที่ตัว เองต้องการจะซื้อ ผ่านไปสักพัก ก็เลือกของได้พอประมาณแล้ว
แก้วน้ำ แปรงสีฟัน รองเท้าสลิปเปอร์……
หลังจากที่เลือกของเสร็จแล้ว ก็ไปคิดเงินที่เคาน์เตอร์
“รูดบัตร”
แคชเชียร์มองบัตรเครดิตที่ยื่นออกไปพร้อมกันสองใบ สีหน้า ดูลังเล สุดท้ายก็เลือกหยิบบัตรของปองพลไปด้วยหัวใจที่พอง โต
เขาไม่มีเงินไม่ใช่เหรอ? ช่างเถอะ ผู้ชายทุกคนก็รักศักดิ์ศรี เหมือนกันทั้งนั้น
นกสรมองเขาแวบนึง แล้วก็เก็บบัตรของตัวเองกลับไป
กลับถึงรถ นภสรถึงเอ่ยปากถามเขา : “ก่อนหน้านายพักอยู่ที่ ไหนอ่ะ? จะกลับไปเอาเสื้อผ้ามั้ย?
“ไม่ต้อง” ปองพลสตาร์ทรถไปพรางตอบคำถามเธอ
ผ่านไปแปปเดียว รถก็มาจอดหยุดที่หน้าประตูของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
นกสรเงยหน้าขึ้นดู พบว่าห้างแห่งนี้ขายแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนม ทั้งนั้น เป็นแบรนด์จากต่างประเทศ ตัวธรรมดาทั่วไปก็ตกเลขห้า หลักแล้ว ถูกสุดๆ ก็หลักหลายพันเลยทีเดียว
เธอจับไปที่กระเป๋าของตัวเอง นภสรรู้สึกกังวล เธอจึงกลับมา จากต่างประเทศ อพาร์ทเม้นต์ห้องนั้นได้มาจากการประหยัด อดออมของเธอเลยนะ
ในช่วงนี้ที่เธอมาอยู่บ้านไชยกาล จริงๆแล้วธมกรก็ทำดีต่อเธอ อยู่พอสมควร ทั้งด้านอาหารเสื้อผ้าก็ไม่เคยขาด แต่หลังจากนั้น เพราะถูกนรมนเป่าหู ธมกร ค่อยๆเกลียดเธอมากขึ้น
เงินเดือนของเธอมักจะได้น้อยกว่านรมนเสมอ เสื้อผ้าคอลเล คชั่นใหม่ประจําซีซั่นก็มักจะส่งให้นรมนได้เลยก่อนแล้วถึงจะเป็น เธอ
หากเปรียบเทียบกับบ้านทั่วๆไป ค่าใช้จ่ายรายเดือนหลัก หลายหมื่นก็ไม่ได้ถือว่าน้อยแล้ว แต่สำหรับบ้านตระกูลไชยกาล ที่มีตำแหน่งและชื่อเสียงในเมืองเมฆแล้ว ถือว่ากระจอกมาก
ทั้งคู่เดินเข้าไปในห้าง ด้วยความที่มีรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น แค่เดินเข้าไปก็สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนได้แล้ว
คุณหญิงคุณนายบางคน พากันซุบซิบพูดคุยกัน
“ผู้ชายคนนั้นเป็นดนตระกูลไหนกัน? ไม่เคยเห็นมาก่อน
เลย…
“ไม่รู้เหมือนกัน ดูหล่อมากเลย……
“ไม่เห็นผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขาเหรอ! น่าตาดูเย้ายวนตลอดเวลา
ไม่คิดว่าเขาจะชอบแบบนั้น!
เย้ายวน?
นภสรจับหน้าตัวเอง เกิดมาสวยก็ผิดเหรอ?
กินองุ่นไม่ถึงแล้วเที่ยวหาว่าองุ่นนั้นเปรี้ยวน่ะสิ
เธอขยับเข้าไปใกล้ปองพล คล้องแขนของเขาไว้ ทำที่เหมือน สวีทกันมาก เสียงหวานจนเลี่ยน : “สามีขา เค้าเหนื่อยแล้วอยาก จะขอพักสักหน่อยอ่ะ”
“งั้นเธอก็รออยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันไปเดินดูเอง” ปองพลพูด ด้วยน้ำเสียงปกติ ดวงตาเปล่งประกายแห่งความสุข
เป็นผู้ชายภาษาอะไรเนี่ย! ถึงได้ไม่เข้าใจว่าเธอหมาย
ถึงอะไร?
นภสรยืดตัวตรง รอยยิ้มบนใบหน้าหายวับไป จิกตามองเขา เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คลายมือออกจากแขนของเขา : “ต่อให้ เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องไปกับคุณสามีค่ะ
แม้จะเป็นเพียงแค่สามีภรรยากันในนามเท่านั้น แต่เขาก็ยังขึ้น
ชื่อได้ว่าเป็นสามีของเธอ
“นกสร?”
เสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจดังขึ้นมา
นกสรเงยหน้ามอง ก็เจอกับร่างของคนที่คุ้นเคย แล้วเธอก็ ปล่อยมือออกจากแขนปองพลแทบจะในทันที
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ