รักหวานๆของนายปีศาจ

บทที่ 5 ทั้งเมืองเมฆนี้ยังมีใครที่กล้าแต่งงานกับคนอย่างเธอ



บทที่ 5 ทั้งเมืองเมฆนี้ยังมีใครที่กล้าแต่งงานกับคนอย่างเธอ

หน้าประตูบ้านตระกูลไชยกาล

นกสรเดินลงจากรถ นัยน์ตาว่างเปล่า

เพราะต้องมาเจอธมกร เธอจึงไม่แต่งหน้ามา การแต่งกายก็มี ความเรียบง่าย ไม่ได้เลือกใส่สีฉูดฉาดอะไร หวังเพียงแต่ว่าการ เปลี่ยนแปลงตัวเองเล็กๆน้อยๆของเธอจะทำให้เขาโกรธน้อยลง ที่เธอมาวันนี้นอกจากจะมาให้โดนด่าแล้ว เธอก็ยังมีเป้าหมาย

ของเธอด้วย

สูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นนภสรถึงเดินเท้าเข้าไปข้างใน

เมื่อเข้ามาถึงห้องโถง ก็เห็นคนในครอบครัวตระกูลไชยกาล นั่งรอกันเป็นกลุ่มอยู่แล้ว ธมกรนั่งอยู่ตรงกลางสุด นรมนนั่งอยู่ ข้างๆ ด้วยท่าทีว่านอนสอนง่าย ทั้งสองนั่งพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้ม

“คุณปู่คะ หนูกลับมาแล้วค่ะ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของธมกรหายวับไปในทันที หน้านิ่วคิ้ว ขมวดราวกับกำลังจ้องมองอะไรที่น่าขยะแขยง : “ไอ้สารเลว รู้จัก กลับมาได้แล้วเหรอ! ฉันไม่อยู่แค่วันเดียว ดูสิว่าแกทำเรื่องเลวๆ อะไรเอาไว้!”

ไม่พูดอย่างเดียว แต่เขายังขว้างรูปถ่ายกองนั่งลงบนหน้าเธอ มันก็คือรูปที่ถูกถ่ายเอาไว้ตอนเธอนั่งเปลือยกายอยู่บนเตียงนอนเมื่อเช้านี้ แม้ว่าจะไม่ได้ถูกเอาไปเผยแพร่ แต่รูปภาพพวกนี้ก็ยัง คงมีอยู่

ในแวดวงของชนชั้นสูง ชื่อเสียงของเธอเน่าเฟะไปตั้งนานแล้ว

“คุณปู่คะ รูปภาพพวกนี้ หนูอธิบายได้นะคะ” นภสรชำเลือง มองนกสรแล้วท่าทีเหมือนไม่มีอะไร

รูปภาพพวกนี้เป็นของจริงทั้งหมด ทั้งหมดเป็นแผนของนรมน เอง เกรงว่าต่อให้เธอพูดออกมาชมกรก็คงจะไม่เชื่อ

“อธิบาย? แต่เล็กจนโตเวลาทําอะไรผิดมา มีครั้งไหนบ้างที่ เธอยอมรับผิด? รูปถ่ายอยู่ที่หมดแล้วยังจะแก้ตัวอีก!” ธมกรลุก ขึ้นยืนด้วยความโมโห หน้าจนนิ้วแทบจะจิ้มโดนหน้าของนาส รอยู่แล้ว

ตามคาด เขายังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน เลือกที่จะเชื่อนรมน อย่างไม่มีเงื่อนไข นภสรมองไปที่ธมกรอย่างรู้สึกขำ : “เรื่องที่หนู ไม่ได้ทำ ทำไมหนูต้องยอมรับด้วยล่ะคะ?”

“เพียะ!”

มกรดบหน้าเธออย่างจังด้วยความรู้สึกผิดหวัง “มาจนถึง ขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้จักสำนึกอีก! ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำผิดมัน ยากขนาดนั้นเลยเหรอ? เหมือนพ่อเธอไม่มีผิด ให้ตายก็ไม่ ยอมรับผิด!”

มกรดูเหมือนจะใช้แรงทั้งหมดของเขาในการคบ นภสร โดน ตบจนตัวเซ ต้องใช้มือหนักโซฟาเอาไว้ถึงจะยืนได้มั่นคงเสียงวิงวิ งดังอยู่ในหู

จ้องมองธมกรอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง คีย์เสียงของเธอ เปลี่ยนไปเล็กน้อย : “คุณปู่ พ่อของหนูคือลูกของคุณนะคะ คน อื่นไม่เชื่อคุณพ่อ แต่ทำไมคุณเองก็ไม่เชื่อคุณพ่อเหมือนกันล่ะ คะ ?”

“อย่าพูดถึงไอ้สารเลวนั่นนะ คนสารเลวมีลูกลูกก็สารเลว! ชื่อ เสียงของตระกูลไชยกาลถูกทั้งพ่อเธอทั้งเธอทำลายจนป่นปี้หมด แล้ว!”

หากคำพูดเหล่านี้นรมนเป็นคนพูดมันล่ะก็ นภสรจะต้อง กระโดดเข้าไปอีกปากของเธอให้ขาดแน่นอน แต่คนที่พูดกลับ เป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในตระกูลไชยกาลอย่างธมกร และเป็น ผู้ใหญ่ที่เธอเคารพนับถือ

นรมนยืนอยู่ข้างๆ ธมกร ปลอบโยนเขาด้วยเสียงเบาๆ : “คุณ คะ อย่าโมโหไปเลยนะคะ นภสรก็เป็นแบบนี้มาตลอด แกอายุ ยังน้อย อาจจะสับสนไปบ้างทำอะไรลืมคิดไปบ้างในบางครั้ง

“ก็เพราะว่ามันเป็นแบบนี้มาตลอดไง เพราะงั้นถึงต้องแก้ต้อง เปลี่ยน ให้อภัยครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มันกลับไม่รู้จักสำนึก!

ให้อภัยเธองั้นเหรอ? เธอไม่ได้ต้องการมันเลยสักนิด

นกสรรู้สึกปวดที่ใบหน้า แต่ก็เทียบไม่ได้กับความรู้สึกเจ็บที่มี

ในใจ

เธอก็คิดไปว่า เพียงแต่เธอมีความพยายามตั้งใจ จะต้องมีสักวันที่หมกระมองเธอเปลี่ยนไป แต่เมื่อเพียงแค่นรมนกลับมา เธอ มีเคล็ดลับในการพูดที่เต็มไปด้วยช่องโหว่แบบนี้ ทำให้สมกรเชื่อ เธออย่างไม่มีข้อสงสัย

นี่มันไม่ใช่บ้านของเธอ

“เรื่องที่หนูไม่ได้ทำ หนูไม่มีทางยอมรับมันเด็ดขาด และหนูก็ ไม่มีวันใสหัวออกไปจากบ้านไชยกาล คุณพ่อได้แบ่งหุ้นส่วนเอา ไว้ให้หนู ปีนี้หนูก็อายุยี่สิบสองแล้ว บรรลุนิติภาวะมาตั้งนานแล้ว หนูสามารถรับช่วงต่อหุ้นส่วนตรงนั้นได้แล้ว!

“แก!” ธมกรนึกไม่ถึงว่านภสรจะเถียงย้อนกลับมาแบบนี้ ทําเอาเขาโมโหจนตัวสั่น ก่อนจะตะคอกใส่เธอ : “นี่แกยังอยาก จะได้หุ้นส่วนอีกอย่างนั้นเหรอ ลองไปหาดูนะว่าทั้งเมืองเมฆนี้ยัง มีใครที่กล้าแต่งงานกับคนอย่างเธอ อยากได้หุ้นส่วนเหรอ แต่ง ออกไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาพูด!

“แต่มันเป็นสิ่งที่หนูควรจะได้รับ!” เธอไม่อยากจะเชื่อว่าธมกร จะกล้าหักหุ้นส่วนของบ้านไชยกาลที่พ่อของเธอเหลือเอาไว้ให้ ออก

“สิ่งที่ลูกหลานของบ้านตระกลูไชยกาลควรได้รับ เธอไม่ จําเป็นต้องได้รับมันด้วยเหมือนกัน!” ธมกรมองนกสรด้วยสีหน้า เคร่งขรึม เจ้าหลานสาวคนนี้ยิ่งอยู่ยังไม่เข้าท่า

นี่มันเป็นการบีบไล่เธอออกจากบ้านไชยกาล แม้แต่หุ้นส่วนที่ เธอควรจะได้ก็ไม่ยอมให้เธออย่างงั้นเหรอ!

ทั้งๆที่เป็นฤดูร้อน แต่นการกลับรู้สึกเหมือนมีน้ำเย็นมาเทใส่หัวจนเธอหนาวเหน็บไปทั้งร่าง เธอไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก สายตา ของธมกรที่มองเธอในตอนนี้เหมือนกำลังมองศัตรูคนนึง

หากเธอยังจะพูดอะไรที่เป็นการยั่วโมโหเขาอีกล่ะก็ เขาคงจะ ขับไล่เธอออกจากบ้านไปตัวเปล่าแบบนี้จริงๆ

เธอไม่แคร์ว่าตัวเองยังเป็นคุณนายสองของบ้านตระกูลไชย กาลอยู่หรือเปล่า แต่พ่อที่อยู่ในคุกองเธอแคร์

“คุณปู่จะทำอย่างที่พูดจริงๆ ใช่มั้ยคะ? แค่หนูแต่งงานออกไป ได้ คุณก็จะแบ่งหุ้นส่วนให้หนู


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ