บทที่ 15 โอกาสรักษามีน้อย
หลังจากที่หยิบโทรศัพท์มือถือคืนมาแล้ว มทิตาก็หันหลังเดิน ออกไป
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินไปถึงประตู เธอก็ได้ยินเสียงเรียกที่ เย็นชาดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ “มทิตา…
เขาเรียกชื่อเธอ น้ำเสียงของเขาที่เปล่งออกมานั้นมันโบยบิน ผ่านปลายหัวใจราวกับขนนก มันให้ความรู้สึกที่บางเบาและ อบอุ่น
ถึงแม้ว่ามทิตาจะโตขนาดนี้แล้ว แต่เธอก็ไม่เคยได้รับการ ปฏิบัติอย่างอ่อนโยนจากใครแบบนี้มาก่อนเลย
ไม่คิดเลยว่า ผู้ชายคนแรกที่ปฏิบัติกับเธอดีแบบนี้ จะเป็นณัฐ
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ด้วยความตกตะลึง จากนั้นเธอก็หาเสียง ของตัวเองเจออีกครั้ง เธอจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
ว่า “คุณลุง มีอะไรเหรอคะ?”
เธอหันกลับไปมองเขา ดวงตาสีดำกลมโตของเธอนั้น มัน สะท้อนดวงดาว ที่ให้ความรู้สึกที่ใสสะอาด และบริสุทธิ์
“มานี่สิ” ริมฝีปากของ ณัฐกระตุกเบา ๆ จากนั้นเขาก็ยื่นมือไป ทางเธออีกครั้ง
มือทั้งสองข้างนั้น ราวกับว่าพวกมันมีพลังเวทมนตร์บางอย่างที่ทำให้มทิตาไปหามันแต่โดยดี
เธอนั่งยองๆ ด้านข้างรถวีลแชร์ ส่วนมือของเธอก็วางไว้ในมือ
ของ ณัฐ นิ้วมือทั้งสิบผสานเข้าด้วยกัน และอุณหภูมิก็หล่อหลอมรวม
กัน ให้ความรู้สึกที่คลุมเครือและซับซ้อน
มุทิตาก้มศีรษะลง จากนั้นเธอก็ได้ยินณัฐพูดออกมาว่า “ถ้ามี เรื่องอะไรเกิดขึ้น เธอก็รีบโทรฉัน ไม่ว่าจะตอนไหน ฉันก็จะไปหา เธอ”
เกี่ยวกับสถานการณ์ในครอบครัวของมทิตา เขาก็พอจะรู้มา
บ้าง
และปัญหาที่เธอต้องเผชิญ มันก็มีไม่น้อยเช่นเดียวกัน
แต่ตอนนี้ มันต่างไปแล้ว
เพราะเธอคือคู่หมั้นของเขา
เขามีเหตุผล ที่จะปกป้องเธอ
คำพูดของณัฐทำให้ความเศร้าในใจของมหิตามันขยายเพิ่ม ขึ้นมาอีก
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ชีวิตของเธอมันช่างเลวร้ายจริงๆ
หลังจากที่พ่อแม่ของเธอหย่าร้างกัน เธอก็อาศัยอยู่กับพ่อของเธอ
แต่พ่อของเธอมีครอบครัวใหม่ และเขาก็มีลูกสาวอีกคน
ในครอบครัวนี้ เธอก็เป็นเพียงแค่ส่วนเป็นคนหนึ่ง
ส่วนแม่ของเธอ หลังจากที่หย่าร้าง หล่อนก็แต่งงานใหม่ เหมือนกัน
สำหรับพ่อและแม่ของเธอแล้ว มทิตาก็อาจจะเป็นแค่…ความ ผิดพลาด
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะเจอที่พึ่งพิงแล้ว
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ น้ำตาของเธอก็ไม่ไหลออกมาอย่าง ควบคุมไม่ได้
เธอแนบใบหน้าลงไปบนฝ่ามือของณัฐราวกับว่ามันเป็นหมอน และวางมันลงไปบนขาของเขา
จากนั้นเธอก็โน้มตัวลงไปซบกับมัน และร้องไห้อยู่อย่างนั้น นานหลายนาที
ณัฐตบหลังเธออยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเธอหยุดร้องไห้
หลังจากที่เดินลงมาชั้นล่างแล้ว เธอก็ไม่เห็นเอ็ม อีก เพราะ อย่างนั้นมทิตาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที
อินทัชกล่าวทักทายเขา และพูดรายงานออกมาว่า “คุณชาย ครับ คุณชายเอ็มขับรถออกไปแล้ว เขาบอกว่าให้คุณรีบตามไป เพราะคุณพ่อของคุณเร่งมาแล้ว”
“อือ” ใบหน้าของณัฐเย็นชามาก หลังจากที่ตอบคำตอบอย่าง ไม่รีบเร่งแล้ว เขาก็หันมองไปที่มทิตาและพูดออกไปว่า “มทิตาคุณกลับไปก่อนเถอะ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็โทรหาผม
หลังจากบอกลาแล้ว มทิตาก็เดินออกไป
ทันทีที่เธอเดินออกไป อินทัชก็ก้าวเข้าไปข้างหน้า จากนั้นเขาก็ อดที่จะถามออกไปไม่ได้ว่า “คุณชายครับ เมื่อเช้าที่คุณไปพบ หมอด ณ เขาว่ายังไงบ้างครับ?
เมื่อเขาถามเสร็จ รอยยิ้มบนใบหน้าของณัฐก็หายไปในทันที มันกลับไปสู่ความเฉยเมยดังเดิม
ราวกับว่าเขาไม่เคยยิ้มมาก่อน
คำพูดของคนดังขึ้นมาในหูของเขาอีกครั้ง “คุณชาย โอกาส ที่ขาของคุณจะหายขาด…มันน้อยมากเลยครับ”
เมื่อเห็นว่า ณัฐหลับตาลง อินทัชจึงพูดออกไปอย่างปลอบโยน
ว่า “คุณชาย ขาของคุณจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ
เมื่อได้ยินคำพูดของอินทัช ณัฐก็หัวเราะออกมา “อินทัชฉันดู อ่อนแอมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ในเมืองเจียงหนานคนภายนอกมักกล่าวว่าณัฐนั้นเป็นคนที่ เฉียบขาด เด็ดเดี่ยว และโหดเหี้ยมอำมหิต
แต่ใครจะรู้ล่ะว่า การที่เขาได้รับบาดเจ็บที่ขา ความจริงแล้ว มันก็มาจากการที่เขาได้ช่วยผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้
อินทัชจึงพูดออกไปว่า “คุณชาย มีคุณหนูมทิตาอยู่กับคุณ คุณจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน”
คุณหนูมทิตา
มหิตา เปรมปรีดี
เมื่อได้ยินชื่อนี้ จิตใจของ ณัฐที่มันเงียบสงบก็ไม่เงียบสงบอีก ต่อไป และใบหน้าที่นั่งเรียบของเขามันก็เรียบเฉยต่อไปไม่ได้อีก แล้ว
ใช่!
ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
เขามีภรรยาแล้ว
อินทัชคิดว่า ณัฐคงจะไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่ในอากาศที่เงียบสงัดนั้น ก็มีเสียงสะท้อนที่ดูเหมือนไม่มี ตอบกลับมาว่า “อือ”
อินทัชถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ
เขากล้าที่จะมั่นใจได้เลยว่า คุณชาย… เปลี่ยนไปแล้ว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ