รักพลิกล็อค

บทที่ 11 เธอยังไม่อยากมีลูก



บทที่ 11 เธอยังไม่อยากมีลูก

เขาไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่บ้าน?

หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่คุณลุงพากลับ มาที่บ้านอย่างนั้นหรือ?

เมื่อคิดว่ามันเป็นข้อตกลง หัวใจของมทิตาก็รู้สึกสับสนปะปน กันไป

เธอกับคุณลุง ไม่ได้มีโชคชะตาหรือบุญวาสนาต่อกัน และ

พวกเขาก็เข้าใจกันเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น

แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเธอก็ตัดสินใจดีแล้ว แต่ตอนนี้ เธอกลับเริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ในขณะที่เธอกำลังสับสนวุ่นวายกับตัวเองอยู่นั้น จู่ๆ เธอ

ก็ได้ยินเสียงของอินทัชตะโกนออกไปว่า “คุณชาย”

คุณชาย?

ลุงกลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ?

มทิตาเงยหน้าขึ้น เธอมองตรงไปที่ทางเข้าห้องโถง

ท่ามกลางแสงไฟสลัว ณัฐกำลังไถลมือลงไปบนล้อรถวีลแชร์ เข้ามาในตัวบ้าน

เขาสวมชุดสูทสีเทาแนวตะวันตก ด้วยความที่เขามีไหล่ที่กว้าง และมีเอวที่แคบ นั่นจึงทำให้รูปร่างของเขานั้นสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
เขาหล่อเหลา และริมฝีปากบางทีเฉียบของเขา มันก็เผยให้ เห็นถึงแรงกดของมันอย่างชัดเจน

มหิตาลุกขึ้นยืน จากนั้นเธอก็ออกตัววิ่งเข้าไปหาเขา ก่อนที่

อินทัชจะทันได้เดินเข้าไปหาเขาเสียอีก เธอวิ่งเข้าไปหยุดยืนอยู่ที่ด้านหลังของเขา จากนั้นเธอก็

ออกแรงผลักรถวีลแชร์ เธอโน้มตัวลงไปพูดข้างๆ หูของเขาว่า

“ลุงคะ กลับมาแล้วเหรอคะ”

เมื่อได้ชิดใกล้กับเขา มหิตาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา

เย็นมาก

น่าจะเป็นเพราะว่าเขาตากหมอกอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน เพราะอย่างนั้นตัวของเขาก็เลยเย็น

ท่าทางของณัฐค่อยๆ นุ่มนวลขึ้นเมื่อเห็นการกระทำของมทิตา

จากนั้นเขาก็ตอบกลับไปว่า “อืม”

มทิตาอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่เมื่อเธอได้รับรู้ถึง อารมณ์ของเขา เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

เธอผลักรถวีลแชร์ของณัฐมาหยุดอยู่ที่โต๊ะอาหาร

เมื่อเขาเห็นหนังสือข้อตกลงการแต่งงานที่วางอยู่บนโต๊ะ อาหารยังไม่ได้เซ็นชื่อ ดวงตาของณัฐก็แข็งกร้าวขึ้น และรังสี ความเหี้ยมโหดก็แผ่ออกมา

เขาหันไปมองที่เธอ จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวว่า “คุณเสียใจเหรอ?”

สติของมุทิตาถึงกับกระเจิดกระเจิง เมื่อถูกเขาถามอย่าง กะทันหัน เธอจึงพูดออกไปด้วยความตกใจว่า “หา?”

เธอรู้สึกตกใจ อีกทั้งดวงตาสีดำกลมโตทั้งสองข้างของเธอที่ มันจับจ้องไปที่ ณัฐก็ลอกแลกไปมา

เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของเธอ แววตาของณัฐก็สะท้อน แสงประกายแวววับออกมา

เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็ค่อยๆ

พูดออกไปว่า “คุณเสียใจใช่ไหม?”

มทิตาเริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ เมื่อรู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องการ แต่งงาน

เธอหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดออกไปว่า

“คุณลุงคะ ขอเวลาฉันอีกสักหน่อยก่อนที่จะเซ็นสัญญาได้ไหมคะ?”

เธอไม่กล้าเงยหน้าไปมองหน้าเขา เอาแต่ก้มหน้า ประสานนิ้ว มือเข้าด้วยกัน เหมือนกับเด็กที่ทำอะไรผิดมา

แต่สายตาที่จับจ้องมานั้น ยังคงมองมาที่ศีรษะของเธอตลอด เวลา ราวกับว่ามันสามารถมองทะลุผ่านเธอได้ “ทำไม?”

ในที่สุดเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองเขา จากนั้นเธอก็พูดออกไป ด้วยน้ำเสียงลังเล “ฉัน…ฉันแค่รู้สึกว่ามันเร็วเกินไป
เธอรู้สึกว่ามันเร็วเกินไป เพราะถ้าลองมานับดูแล้ว เธอกับเขา เพิ่งจะรู้จักกันยังไม่ถึงสองวันด้วยซ้ำ

ถึงแม้ว่าสีหน้าของณัฐจะไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่

อุณหภูมิรอบตัวของเขามันลดลงไปอย่างฮวบฮาบเลยทีเดียว จากนั้นเขาก็พูดออกไปอีกว่า “คุณยอมตกลงแล้ว เพราะฉะนั้น คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเสียใจ

น้ำเสียงของเขาเย็นชามาก และมันก็มีพลังบางอย่างที่ไม่อาจ ต้านทานได้

“คุณลุงคะ ฉัน…ฉันไม่ได้เสียใจ ฉัน…ฉันแค่ยังไม่อยากมี มหิตาหน้าแดงซ่านเมื่อต้องพูดประโยคนี้ และเสียงของเธอก็เล็ก ลงไปเรื่อยๆ

เธอยังเด็ก แล้วเธอจะเลี้ยงลูกได้ยังไงล่ะ?

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความโกรธที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของ ณัฐก็ลดลงไปทันที

เขายกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็พูดออกไปว่า “รอให้คุณเรียนจบ ก่อน เราถึงจะจัดงานแต่งงานขึ้น และเราจะมีลูกด้วยกัน”

ณัฐมองตรงมาที่เธอ และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เมื่อได้ยินประโยคนี้ จู่ๆ มทิตาก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ คืนขึ้นมา

ในสถานการณ์แบบนั้น คุณลุงก็ยังใจกว้างมากขนาดนั้น
จู่ๆ เธอก็เริ่มตำหนิตัวเองขึ้นมา เพราะถ้าไม่ได้ ตอนนี้เธอก็ อาจจะกลายเป็นภรรยาของชายชราไปแล้วก็ได้

หลังจากที่เธอคิดเกี่ยวกับมัน เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมา

เธอกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เธออยากจะพูดอะไรบางอย่า งกับณัฐแต่จู่ๆ ก็มีสิ่งของอะไรบางอย่างถูกยัดมาใส่มือของเธอ…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ