ระบบเทคโนโลยีขั้นสูงของนักวิชาการ

ตอนที่ 4 ทุกค…



ตอนที่ 4 ทุกค…

ตอนที่ 4 ทุกคนเรียน ในข้อสอบ แต่ฉันเรียนในหนังสือ

เขารู้สึกว่าเตียงสั่นเบาๆ ตั้งแต่หกโมงเช้า หลิวรุ่ยลืมตา อย่างยากลำบากและพยายามหาว่าแรงสั่นสะเทือนนั้นมาจาก ไหน เมื่อเขาเห็นจู่โจวปีนลงมาจากบันได เขาก็ถามใส่อารมณ์ “โจว นายตื่นเช้าขนาดนี้เชียว?”

ลู่โจวตอบเสียงเบาเพราะกลัวว่าเพื่อนร่วมห้องอีกสองคน จะตื่น

“ใช่แล้ว”

หลิวรุ่ยถามย้ำ

“ทํางานอีกแล้ว?”

จู่โจวลังเลเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าแล้วตอบ “ไม่ใช่งาน ฉันพักสองสามวัน

“ยังเช้าอยู่เลย แล้วนายจะไปไหนล่ะ?”

“ห้องสมุด”

ทันใดนั้นหลิวรุ่ยก็ตื่นเต็มตา

จู่โจวเดินไปแปรงฟันที่ห้องน้ำ เมื่อเขากลับมา เขาก็เห็น หลิวรุ่ยปืนลงมาจากที่นอน เขาก็ถามด้วยความสงสัย “นายไม่นอนอีกหน่อยเหรอ?”

“เรียน” หลิวรุ่ยกล่าว เขาหยิบอุปกรณ์อาบน้ำแล้วเดิน เข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

จู่โจวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้กับเพื่อนร่วมห้องที่ไม่ ยอมน้อยหน้าคนนี้ สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก เขาสวมรองเท้าหยิบกระเป๋าสะพายก่อนจะออกจากห้อง

ปกติแล้วเดือนมิถุนายนของจินหลิงก็เหมือนเป็นเตาอบ แต่เช้านี้เป็นข้อยกเว้น

อากาศยามเช้าเต็มไปด้วยหมอกที่ถูกพัดพามาพร้อมกลิ่น หอมอ่อนๆ สายลมลูบไล้ใบหน้าของทุกคนอย่างแผ่วเบา มัน ให้ความรู้สึกเย็นสดชื่นไร้ซึ่งความร้อน มหาลัยในตอนเช้าก็ เหมือนกับหญิงสาวสุภาพที่ค่อยๆเยื้องเข้ามาใกล้ เมื่อเทียบกับ เวลากลางคืนแล้ว มันต่างกันคนละโลก

ลู่โจวซื้อซาลาเปาสองลูกกับนมถั่วเหลืองหนึ่งแก้วจากโรง อาหาร หลังจากทานเสร็จ เขาก็เดินไปห้องสมุดอย่างผ่อน คลาย

มันไม่น่าแปลกใจที่มหาลัยจินหลิงเป็นมหาลัยที่มีชื่อเสียง ห้องสมุดยังไม่มีพนักงานมา แต่เหล่านักศึกษาก็มานั่งอ่าน หนังสืออยู่หน้าห้องสมุดแล้ว

จู่โจวก็เริ่มอ่านหนังสือคำศัพท์ระดับสี่เช่นกัน แม้ว่าการ เรียนอยู่ด้านนอกจะแย่กว่าการเรียนในห้องสมุด แต่มันก็ดีกว่า ที่คาดไว้เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากเหล่านักเรียนที่ตั้งใจเรียนรอบข้าง โจวรออยู่หน้าห้องสมุดจนถึงเจ็ดโมงครึ่ง ในที่สุด บรรณารักษ์ก็มาเปิดประตู

(ผู้แปล : น่าจะเป็นคำศัพท์จีน ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน)

ประตูห้องสมุดถูกเปิดออกแล้ว เหล่านักศึกษาก็หลั่งไหล เข้าประตูราวกับกระแสน้ำ ภายในเวลาไม่นาน ฝูงชนที่หน้า ห้องสมุดก็หายไปจนหมด

จู่โจวเดินตามฝูงชนเข้ามาด้านใน เขาไม่ได้เลือกหนังสือ เล่มไหนเลย กลับกันเขาหยิบหนังสือ พีชคณิตขั้นสูงทันทีแล้ว นั่งลงที่มุมเงียบๆ

จู่โจวคาดการณ์ไว้ว่าถ้าเขาเข้าสู่ห้วงสมาธิอย่างเต็มที่ เขาจะอ่านจบหนึ่งบทในเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงถึงสอง ชั่วโมง รวมไปถึงจดจำหัวข้อสำคัญ การคำนวณ การ วิเคราะห์คำถามและในด้านอื่นๆ

มันอาจต้องใช้เวลาจนถึงบ่ายกว่าจู่โจวจะอ่านหัวข้อที่ เหลือของหนังสือ การบรรยาคณิตวิเคราะห์ใหม่จบ เขาจึง ตัดสินใจที่จะใช้เวลาช่วงบ่ายในการอ่านพีชคณิตขั้นสูง

ลู่โจวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพลิกหนังสือ การบรรยาย คณิตวิเคราะห์ใหม่ ไปยังหน้าที่คั่นเอาไว้ จากนั้นเขาก็เริ่ม โฟกัสกับหนังสือ

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เข้าสู่ห้วงสมาธิ เขาลืมเลือนทุก อย่างรอบตัว มันมีแค่เขากับหนังสือเท่านั้น…
เวลาค่อยๆไหลผ่านไปจนเกือบสิบเอ็ดโมงครึ่ง จู่โจวสุด ลมหายใจแล้วปิดหนังสือ

ในที่สุดเขาก็อ่านหนังสือ การบรรยายคณิตวิเคราะห์

ใหม่ จบ คะแนนคุณค่าของหนังสือลดลงมาเหลือห้าคะแนน เท่านั้น

นี่จึงเป็นการยืนยันสมมุติฐานของเขา ระบบการให้คะแนน หนังสือไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณค่าทางวิชาการ แต่มันขึ้นอยู่กับ คุณค่าที่มีต่อลู่โจว

ส่วนทำไมคะแนนคุณค่าถึงเป็นห้าไม่ใช่ศูนย์ มันอาจเป็น เพราะยังมีบางส่วน ในหนังสือที่จู่โจวยังไม่เข้าใจอย่างสมบูรณ์ เขาจะต้องอ่านซ้ำอีกครั้งเพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้

แต่เห็นได้ชัดว่าจู่โจวไม่ทำแบบนั้น ทำไมเขาต้องเสียเวลา อันมีค่าของเขากับอีแค่ห้าคะแนน? มันไม่คุ้มค่าเลย

เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน จู่โจวก็ปิดหนังสือแล้วเริ่มเดิน

ออกจากห้องสมุด

เขาเดินผ่านประตูหลักของห้องสมุดแล้วเหลือบมองแผง ข้อมูล โฮโลแกรม เวลาภารกิจลดลงจนเหลือสิบแปดชั่วโมง แล้ว

จู่ๆจู่โจวก็ไม่อยากให้ภารกิจสำเร็จเร็วนัก หกชั่วโมงมานี้ เขาได้เรียนรู้มากกว่าที่เขาเรียนทั้งปีซะอีก

จู่โจวคิดถึงหนังสือ พีชคณิตขั้นสูง ที่ยังไม่ได้เปิดแล้วรู้สึกลังเล

เขายังมีสอบภาษาซี เขาควรหาหนังสือภาษาซีแทนดีกว่า

ไหม?

มีภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน

เขาไม่รู้ว่าหนังสือภาษาอังกฤษจะมีคะแนนคุณค่าไหม แต่ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่อยู่ใกล้ๆกับทางเข้านั้นไม่มีคะแนน เลย

จู่โจวใช้บัตรอาหารแลกอาหาร หลังจากทานเสร็จ เขาก็ รีบกลับห้องสมุดอย่างรวดเร็ว อย่างแรกเลยเขาเอาหนังสือที่ เขาอ่านกลับไปคืน จากนั้นเขาก็ไปที่ชั้นวางหนังสือแล้วหยิบ หนังสือ’C Language Fifth Edition ขึ้นมาก่อนจะกลับไปนั่งที่ เดิม

เมื่อพักเที่ยงจบลง ห้องสมุดก็เต็มไปด้วยผู้คนอีกครั้ง

จู่โจวโฟกัสกับหนังสือ พีชคณิตขั้นสูงอย่างเต็มที่ เขา กำลังจะอ่านบทต่อไปแล้ว แต่จู่ๆแขนเขาก็โดนสะกิด เขาหันไป มองและเขาก็พบกับสาวสวยสวมแว่นตากลมที่ไว้ผมหางม้า เธอกําลังถือปากกาและมีท่าทีเชิงขอโทษ

“เพื่อนร่วมชั้น ขอโทษที่รบกวนนะ…ฉันขอถามโจทย์สัก ข้อได้ไหม?”

จู่โจวพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ได้สิ ถามมาเลย แม้ว่าการเรียนของเขาจะถูกขัดจังหวะ แต่เขาก็ไม่โกรธเลย

ว่าแต่เธออยากถามอะไรฉันหว่า?

ไม่ว่ายังไงมนุษย์ก็เป็นสัตว์ที่มีความสุนทรี ความสวยงาม เป็นสิ่งสำคัญมากในการเข้าสังคม

แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงไม่ไปถามคนอื่น แต่ดันมาถามเขา ต้องเป็นเพราะฉันหล่อมากแน่เลย!

จู่โจวชอบคนที่มีรสนิยมที่ดีและถามคำถามด้วยความ ถ่อมตน

เขาไม่มีแรงจูงใจอย่างอื่น เขาแค่อยากช่วยเฉยๆ

“ขอบคุณ” หญิงสาวกล่าวอย่างนิ่งเงียบ เธอขยับเก้าอี้มา อยู่ข้างๆจู่โจวอย่างรวดเร็วและนำปากกากับกระดาษให้ลูโจว

จู่โจวรับปากกามาแล้วดูคำถาม

“ไหนดูซิ…หาลิมิต ใช่มั้ย?”

หาจํานวนบวกของ a และ b : (X → 0) lim 1/(x-bsin(x)) J2//(a+2t) dt =1 (อินทิกรัลลิมิตคือ X กับ 0)

จู่โจวไม่เคยแก้โจทย์ประเภทนี้มาก่อน แต่เขาจำได้ว่าเขา

เคยเห็นโจทย์ที่คล้ายๆกัน ในหนังสือที่เขาพึ่งอ่าน

เพอร์เฟค เขาพึ่งเรียนพีชคณิต มันถึงเวลาที่จะทดสอบ

ความสามารถของเขาแล้ว
จู่โจวเริ่มควงปากกาขณะคิดไปด้วย เขาใช้เวลาไม่ถึงนาที แล้วกล่าวว่า “ฉันแก้ได้แล้ว”

“นาย…นายแก้ได้แล้ว?” เฉินซานถามอย่างกังขา เธอ สงสัยว่าเขาแก้โจทย์ได้ยังไงทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เขียนคำนวณอะไร เลย

ลู่โจวมองหญิงสาวแล้วคิดว่านี่แหละนะที่ทำไมใครๆก็

บอกว่าขนาดหน้าอกผูกผันตามไอคิว

อย่างไรก็ตามพูดตามตรง เขาก็ตกใจกับความเร็วที่เขา ใช้แก้โจทย์ แม้ว่าเขาจะไม่เคยแก้โจทย์ประเภทนี้มาก่อน แต่ เขาก็คงไม่มีทางแก้โจทย์ได้ง่ายดายขนาดนี้ เขาไม่จำเป็นต้อง ใช้กระดาษด้วยซ้ำ ขั้นตอนการแก้โจทย์แว้บเข้ามาในหัวสมอง เขาทันที

ลู่โจวไม่เสียเวลาเปล่า เขาเริ่มแก้โจทย์ลงบนกระดาษและ อธิบายไปพราง ตามแบบฉบับสมการ 0/0 ที่หาค่าไม่ได้ แค่ ใช้กฎของโลปีตาลจบแล้ว นั่นมันง่ายมากเลยใช่มั้ยล่ะ? จาก (X → 0) lim (1-bcosx) = 0 b จะเท่ากับ 1 แล้วนำ 5 เท่ากับ 1 แทนในสมการ จะได้ a = 4 เช็คคำตอบดูว่าฉันตอบถูกไหม”

เฉินซานจ้องมองไปที่กระดาษอย่างโง่งม เธอคิดว่า ความเร็วในการอธิบายของชายคนนี้เร็วยิ่งกว่าความเร็วใน การฟังของเธอเสียอีก

เธอรู้สึกสงสัยในตัวเขา เธอจึงพลิกไปหน้าค่าตอบ จาก

นั้นแววตาของเธอก็เบิกกว้าง
มันใช่คำตอบจริงๆ!?

จู่โจวสังเกตเห็นสีหน้าของหญิงสาว เขาจึงอดหัวเราะไม่ ได้ เขากล่าวขณะควงปากกาเล่น “ถ้าหากใช้กฎของโลปีตาล มันจะง่ายมาก ในส่วนของการคำนวณนั้นง่ายดายยิ่ง คุณเป็น น้องใหม่หรือ? คุณเรียนคณะอะไร?”

เฉินซานหน้าแดง เธอกล่าวเสียงเบา “ฉันเป็นนักศึกษา

ปริญญาโท…

ใบหน้าของเธอแดงยิ่งขึ้นเมื่อคำพูดเหล่านี้ออกจากปาก

เธอไม่ได้อาย แต่เธอโกรธ!

เธอโกรธมาก!

มันก็แค่การแก้โจทย์คณิตศาสตร์ มันไม่มีอะไรให้น่าคุย เลย! ฉันไม่ได้แตะคณิตศาสตร์มัธยมปลายมาหลายปีแล้ว! ใครจะสนว่านายเก่งกว่าฉันไหม? ไอ้คนไม่มีตัวตน ไอ้คนโสด ไอ้คนไม่มีใครคบ

ความโกรธของเฉินยูซานลดลงมาเล็กน้อย

ส่วนเหตุผลที่ทำไมเธอถึงโสดเหมือนกัน มันเป็นเพราะเธอ เป็นคนที่เข้ามาจีบเธอ

“โอเค” จู่โจวกล่าวด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน เขาคิดว่า เธออยู่รุ่นเดียวกับเขา เขาไม่คิดเลยว่าเขากำลังพูดคุยกับสาว รุ่นพี่
เขากำลังจะกล่าวขอโทษ แต่จู่ๆ คนที่นั่งตรงหน้าพวกเขาก็ กระแอมออกมาเสียงดัง

เฉินซานตระหนักว่าการพูดคุยของเธอนั้นกำลังรบกวนผู้ อื่น เธอหน้าแดงและแลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน เธอหยิบ กระดาษและชีทคำถามก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิม

จู่โจวไม่มีโอกาสขอโทษด้วยซ้ำ ไม่ต้องเอ่ยถึงการถามชื่อ

หรือขอเบอร์วีแชทเธอเลย…

เขานั่งลงแล้วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าแล้วก ลับไปอ่าน พีชคณิตขั้นสูงอีกครั้ง

การเรียนสำคัญกว่าผู้หญิง

เส้นสายและความสัมพันธ์

ขอโทษด้วย แต่นักเรียนอัจฉริยะที่แท้จริงนั้นไม่ต้องการ อะไรแบบนั้น

คณิตศาสตร์เลื่อนไปหนึ่งระดับก็หมายความว่าเขาได้ พิชิตโลก!

ลู่โจวกลับเข้าสู่ห้วงสมาธิอย่างรวดเร็ว เขาลืมเลือนสิ่งที่ เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ เพราะนั่นเป็นเพียงอุปสรรคเล็กน้อย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ