ตอนที่ 13 ความหึงหวงที่ซ่อนเร้น
ตอนที่ 13 ความหึงหวงที่ซ่อนเร้น
สิ้นประโยค ไม่เพียงแต่แขไขที่รู้สึกไม่สบายใจ แม้แต่ สายตาของเทวิณก็เย็นลงหลายส่วน “แม่ครับ ผมแต่งงาน กับเธอแล้ว เธอเป็นสะใภ้ของแม่ ไม่ใช่คนนอก”
“ทำไมแม่ไม่ยักจำไม่ได้ว่าตัวเองมีสะใภ้?”
เทวิณเดินผ่านโซฟาไปหา มองดูเด็กผู้หญิงที่นิ่งเฉยไม่ เอ่ยอะไรสักคำคนนั้นแล้วจูงมือเธอ “คราวหน้าก็จำได้ก็ พอแล้ว”
“แก!” นมิดาเบิ่งตาโต อะไรที่อยากพูดสุดท้ายก็พูดไม่ ออก จะอย่างไรก็ไม่สามารถเสียกิริยาต่อหน้าคนนอกได้ “แม่จะไปหาปู่แกก่อน ตอนเย็นค่อยคุยกับแก
แขไขมองนมิดาที่เดินผ่านตัวเธอไปโดยที่ไม่ชายตาแล เธอสักนิด พฤติกรรมที่ไม่เอาเธอเข้าไปในลูกตาให้รู้สึก ระคายทําได้ชนิดแบบสิบเต็มสิบไปเลย
เธอช้อนสายตามองผู้ชายคนนั้นที่กุมมือของตัวเองไว้
ค่อยๆปลดออกเบาๆ รู้สึกถึงแรงแผ่วเบานี้ เทวิณก็เงยหน้ามอง เขาขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่เพียงไม่ยอมคลายมือกลับจบแน่นขึ้นไปอีก สบตากับเด็กสาวที่เงยหน้ามอง จากนั้นก็เลื่อนหนีอย่าง รวดเร็ว จูงมือเธอเข้าไปในห้องอาหาร “กินข้าวเถอะ”
อาหารมื้อนี้ผู้เฒ่าไม่ได้มาร่วมด้วย นมิดาก็ไม่ได้ลงมา เหมือนกัน ในนั้นมีเพียงพวกเขาสองคนกับแม่บ้านที่อยู่ ด้านข้างเท่านั้น
ในห้องอาหารแสนเงียบมีเพียงเสียงซ้อนกระทบกับถ้วย เท่านั้น มีอาหารหลายชนิดที่แขไขไม่รู้จัก คำว่า ‘อึดอัด’ สองคำนี้ติดแน่นอยู่บนตัวเธอ
เธอไม่มีความอยากอาหารจนเกือบที่ว่าแทบจะฟุบหน้า กับโต๊ะอยู่แล้ว แขไขมองข้าวสวยในถ้วยตรงหน้าตัวเอง ตอนที่กำลังกลัดกลุ้มกับอนาคตข้างหน้าอยู่นั่น อยู่ ๆ บน ข้าวสวยก็มีกุ้งตัวหนึ่งวางอยู่บนนั้น
เธอที่มองตามตะเกียบก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นใบหน้าที่เย็น เฉียบเกินจะเปรียบนั่น “ฉันคืบเองก็ได้ค่ะ..………..
เทวิณมองถ้วยข้าวตรงหน้าเธอ “คุณนี่เลี้ยงง่ายดี
แขไขเดิมเพียงแค่รู้สึกขัดเขินที่เขาช่วยคืบอาหารให้ เธอ แต่พอได้ฟังประโยคหลังที่ว่าเธอเลี้ยงง่าย หัวใจก็ กระหน่ำเต้นผิดจังหวะ ก้มหน้าก้มตากินอาหารแต่โดยดี
เห็นสาวน้อยคนนั้นหูแดงขึ้นมาอีกแล้ว หัวใจของเทวิณ ก็รู้สึกยุบยิบแปลกๆอยู่หลายส่วน
ช่างเถอะ ก็แค่เด็กน้อยวัยยี่สิบปีจะมาเข้าใจอะไร
อาหารมื้อนั้นทั้งสองคนกินไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลังจาก จบมื้ออาหารอย่างรีบร้อน ตัว เทวิณก็ไม่ได้รีรออะไรอีก เห็นว่าผู้เฒ่าไม่ยอมลงมาก็พาแขไขกลับบ้าน
ก่อนขึ้นรถนมิดาก็เรียกทั้งสองไว้
ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูรถหันมากำชับเธอ “รอผมอยู่ใน รถนี่แหล่ะ”
แขไขพยักหน้ารับ ภาวนาให้ตัวเองไม่ต้องลงไป
ประตูรถปิดลง ปิดกั้นทุกเสียงจากด้านนอก มองดูเงาสูง ด้านหลังของผู้ชายคนนั้นกับเงาเยือกเย็นของนมิดา แล้ว เธอก็แอบรู้สึกใจไม่สงบ แต่ที่มากกว่านั้นคือความรู้สึก หดหู่
การไม่ได้รับการยอมรับ ไม่เป็นที่ต้องการนั้น ก็เหมือน กับสภาวะที่หลายปีมานี้เธอได้เผชิญสมัยอยู่ในตระกูล ดาวริศกุล นั่นแหล่ะ
แขไขสะบัดหัวใส่ความคิดฟุ้งซ่านนั่นออกไป ไม่อยาก รู้สึกโทษตัวเองจนมากเกินไป การแต่งงานครั้งนี้ของเธอ กับเทวิณ เดิมต่างก็เป็นเรื่องที่ต่างคนต่างคว้าในสิ่งที่ตัว เองต้องการ ทำงานเข้าขากันพอแล้ว
พอลงจากรถ สายตาของนมิดาก็เพ่งไปที่ฝั่งข้างคนขับ ขยับไปด้านข้างขวางเธอไว้ น้ำเสียงแฝงกลิ่นคําเตือน “แม่ครับ”
“ภูมิหลังของเด็กคนนั้นฉันได้ดูแล้ว เห็นว่าเป็นลูกสาว คนเล็กของตระกูล ที่จริงเป็นก็เป็นลูกคนเดียวที่ถูกต้อง ตามกฎหมายน่ะนะ ได้ยินว่าแม้แท้ๆยังนอนอยู่ที่โรง พยาบาลนี่?” เอ่ยถึงครอบครัวของแขไขหัวคิ้วของนมิดา ก็ย่นเขาหากันจนแทบจะบี้แมลงตายได้
“แม่ครับ ผมแต่งงานกับเธอเพราะมีเหตุผล
ได้ยินดังนั้นนมิดายิ่งเหยียดหยาม “เหตุผลอะไร ช่วยให้ แกเป็นคนใหญ่คนโตได้ หรือว่าช่วยสนับสนุนธุรกิจได้กัน ล่ะ ?”
“ผมไม่จำเป็นต้องอาศัยการแต่งงานมาช่วยพยุงเรื่อง งาน” สำหรับเทวิณการแต่งงานเพื่อแลกผลประโยชน์กับ ผู้ชายหน้าขาวเกาะผู้หญิงนั้นไม่มีความแตกต่างกันสักนิด
“ต่อให้ไม่จำเป็นแต่แกก็ไม่ควรคนหาแบบนี้!” หลายปีนี้ ต้วนมิดาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยแนะนำผู้หญิงให้เขา แต่เขา กลับไม่เอาทั้งหมด เดิมนึกว่ามาตรฐานของเขาสูงเกินไป ทว่าพอหันกลับมาอีกทีกลับไปคว้าคนแบบนี้มาเสียได้ อย่างไรเธอก็รับไม่ได้
“ถ้าแม่ไม่พอใจก็ไม่ต้องไปเจอเธอ ครั้งนี้ที่พาเธอมาด้วย เพราะคุณปู่ต้องการ ผมจะไม่ให้เธอมาบ้านหลังนี้อีก” กล่าวจบ ไม่รอดูปฏิกิริยาของนมิดาก็หมุนตัวขึ้นรถไป
นมิดามองตามทิศทางที เดินจากไป โมโหจนกระทืบ เท้า ตั้งแต่เล็กจนโตนอกจากคำพูดของดำรงชัยแล้วเท วิณล้วนไม่เอาใครมาไว้ในสายตาด้วยซ้ำ มาตอนนี้ต่อให้ อยากยุ่งก็ยุ่งด้วยไม่ได้แล้ว
ระหว่างทางกลับ อารมณ์ของแขไขราบเรียบ หันหน้า มองนอกหน้าต่าง ไม่เอ่ยอะไรสักคำ ความเงียบ แผ่ซ่าน ในห้องโดยสารเป็นความกดดันที่อธิบายไม่ถูก
พอไฟแดงสว่างขึ้นมา เทวิณก็หันหน้าไปคล้ายต้องการ เอ่ยอะไรสักอย่าง อยู่ ๆมือถือของเธอก็ส่งเสียงขึ้นมา
ตอนที่ผู้ชายคนนั้นกลืนคำพูดลงคอ ก็เห็นเธอยกมือ ถือขึ้นมาดู เพียงแวบเดียวเท่านั้นใบหน้าเล็กๆเฉยชาก็ เปลี่ยนจากมืดครึ้มเป็นสว่างสดใส จากนั้นก็กดรับสาย อย่างไม่ลังเล
“พี่ชาย?”
ความแต่งต่างที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดของเด็ก สาวส่งให้ริมฝีปากบางของผู้ชายคนนั้นเม้มปากแน่น ก่อน ที่จะเก็บกลับสายตาเย็นเฉียบของตัวเอง
ทางด้านอีกฝั่ง ปิติกรเพิ่งลงจากเครื่องบิน รอบตัวยัง ปรากฏเสียงเซ็งแซ่ของผู้โดยสาร เวลาเกือบครึ่งเดือน ที่ไปทำงานที่แคนนาดา ทำให้ทั้งตัวรู้สึกเหนื่อยจนแทบ ระเบิดอยู่แล้ว ทว่าพอได้ยินเสียงอ่อนโยนที่คุ้นหู วินาที นั้นก็รู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อย “พี่กลับมาแล้ว เธออยู่ ไหน?”
“ฉันกำลังอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน”
“อีกครู่นึงพี่จะไปที่บ้านก่อนแล้วค่อยไปที่บริษัท กลับมา ครั้งนี้พี่เอาช็อกโกแลตที่เธอชอบมาด้วย แล้วก็ยังมี…”
“พี่” นิ้วมือแขไขที่กุมโทรศัพท์ทั้งห้าค่อยๆรวบเข้าหากัน หลังจากสูดลมหายใจลึก เธอถึงได้บอกออกไป “ฉันไม่ได้อยู่ที่ตระกูลดาวโศกุลแล้ว”
ปลายเท้าของปีกรที่เลื่อนไปด้านหน้าหยุดนิ่ง เขา จําไม่ได้ว่านอกจากตระกูลดาวริศกุล แล้วเธอยังมีที่ไป ที่ไหนได้อีก ตอนนี้กุลยานอนอยู่ที่โรงพยาบาล คงไม่ใช่ บ้านของเพื่อนกระมัง?
ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆมองมาอย่างไม่เข้าใจ “ประธานปิติ
ปิติกโยกมือให้คนคนนั้นเงียบเสียงลง แล้วค่อยหันกลับ ไปสนทนาต่อ “อยู่ที่ธิภางั้นเหรอ?”
“เปล่าค่ะ…” ฝ่ามือถูกโทรศัพท์กดทับจนรู้สึกเจ็บ แขไข แทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจออยู่แล้ว “ฉัน…”
ตอนที่เธอกำลังจะเปิดปาก ด้านข้างก็มีเงาดำสายหนึ่ง เบียดเข้ามา เห็นเพียงผู้ชายคนนั้นที่เดิมกำลังขับรถอยู่ เบี่ยงตัวเข้ามาใกล้ ริมฝีปากบางไกลจากข้างหูเธอไปไม่ เกินสามเซนติเมตร “เมียจ๋า จะคุยอีกนานมั้ย?”
แขไขย่นไหล่ เทียบกับน้ำเสียงออดอ้อนนั่นแล้ว สายตา แช่แข็งนั่นยิ่งชวนผวา นัยน์ตาสีดำลึกล้ำคู่นั้นแสดงออก ว่าไม่พอใจและกำลังตักเตือนเธออยู่
เขาตั้งใจ
เขาตั้งใจให้ปิติกรได้ยิน
แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ฝั่งปิติกรที่อยู่อีกด้านของสาย กำลังใกล้จะเป็นบ้าเพราะประโยคนี้ เขารีบยกมือลูบ ศีรษะ พยายามอย่างยิ่งยวดไม่ให้ตัวเองเขวี้ยงโทรศัพท์ ออกไป “แขไข ส่งที่อยู่เธอให้พี่”
ตอนนี้แขไขไม่กล้าพูดอะไรให้มากอีก ทำเพียงเอ่ยเสียง เบาหนึ่งประโยค พี่ชาย…
“เร็วเข้า อย่าให้ต้องพูดเป็นครั้งที่สาม!”
หลังจากตัดสาย ผู้ชายคนนั้นที่ฟุบอยู่ข้างๆก็ยังไม่ไป รถจอดอยู่ที่พักรถชั่วคราว เธอกำลังลังเลว่าจะส่งที่อยู่ ให้ ปิติกรดีมั้ยอยู่นั่นเอง “เทวิณ คุณช่วยถอยไปหน่อยได้ มั้ย?”
ผู้ชายคนนั้นหรี่ตาลง แม้จะไม่พอใจแต่ก็ให้หลบไปด้าน ข้าง ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี
ถ้าเธอกล้าส่งข้อความหาคนที่เรียกว่า ‘พี่ชาย’ จริงๆล่ะเทวีณกำลังคิด แขไขก็คล้ายกับตั้งใจทดสอบอย่างไร อย่างนั้น กดเปิดกล่องข้อความของปิติกรแล้วพิมพ์ ตำแหน่งของคฤหาสน์ลงไป
‘เปรี้ยง’ คล้ายกับเส้นสมองที่อยู่ด้านหลังสุดของสมอง ได้ขาดสะบั้นลงแล้ว
ยังไม่พิมพ์ไม่ทันเสร็จ มือใหญ่ของผู้ชายคนนั้นก็ ยื่นออกมา ไม่พูดพร่ำทำเพลงคว้ามือถือในมือเธอไป ออกแรงข้อมือเล็กน้อยก็โยนมือถือเครื่องบางนั่นออก นอกหน้าต่างรถ
แขไขมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “คุณทำอะไร!”
“แขไข คุณลืมที่เคยพูดกับผมแล้วงั้นหรือไง?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ