ตอนที่ 9 ท่านอ๋องป่วยหนัก1
เย่เล่อจือวิ่งหนีออกมาไกลแล้วหันไปมองด้านหลัง ไม่มีใครตามมา นางถึงได้หยุดวิ่ง แล้วก็นั่งพักด้วย ความเหนื่อยหอบ แล้วก็พลันเอาเครื่องประดับออกจาก หัว แต่ก็ยังดูหวงแหนทุกอันอย่างมาก ขนาดกำไลหยก ที่ข้อมือนั้นก็ยังทำมาจากของแท้ นางเอาออกอย่าง ระมัดระวัง มีแค่เครื่องประดับพวกนี้ ถึงไม่เป็นตำรวจ นางก็คงสามารถอยู่รอดได้อย่างไม่อดอยากไปทั้งชีวิต เลยละ? อันที่ขายไม่ได้ก็สามารถใช้เป็นของตกแต่ง บ้านได้ เริ่มรวยตั้งแต่ตอนนี้ นางยิ่งคิดก็ยิ่งเพ้อ จนหลุด หัวเราะออกมา
“ของพวกนี้ล้วนแต่เป็นของฮ่องเต้พระราชทานให้เจ้า ไม่คิดว่าเจ้าจะหวงแหนขนาดนี้”เสียงสุขุมดังขึ้นมาจาก ด้านหลัง จนนางตกใจอย่างมาก จนเกือบทำของหล่น จากมือ
มู่หรงเจิงเดินมาจากด้านหลัง”เย่เล่อจือข้าบอกแล้วว่า เจ้าหนีไปไม่รอด”
เขาเดินมาได้ยังไงแบบไม่มีเสียงเลย อย่างกะผี สาง ช่างน่ากลัวจริงๆ! เย่เล่อจือเอามือโกยเอาเครื่อง ประดับแล้วเก็บเข้าไว้ทันที พลันหันไปจ้องเขม็ง เขา”ช่างไม่รู้จักวางมือจริงๆ!
“ของที่ฮ่องเต้มอบให้เจ้า เจ้าชอบขนาดนั้นเชียว หรือ? ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ควรจะยอมอ่อนข้อให้ฮ่องเต้ เร็วๆแล้วกลับไปอยู่ข้างๆเขา ” มู่หรงเจิงพูดออกมาอย่างเศร้าใจและแววตามีแต่ความเฉยชา
“ฮ่องเต้? ข้ามีความสัมพันธ์อะไรกับเขา? “เย่เล่อ จือพูดขึ้น
“ในเมื่อเจ้าลืมไปแล้ว ก็ลืมมันเถอะ นี่ก็อาจจะดีกับ เจ้าก็ได้” มู่หรงเจิงไม่ยอมพูดอธิบายอะไร
เย่เล่อจือโมโหอย่างมาก พลันเดินข้างหลังเขา แล้ว หันมองรอบๆเพื่อหาโอกาสหนี แต่ว่าจนท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง นางก็ไม่มีโอกาสหลุดพ้นออกจาเขาได้เลย เขา ต้องเคยเรียนวิชาหูทิพย์ตาทิพย์แน่เลย หากว่าเขา สามารถย้อนเวลาไปโลกอนาคตได้ แล้วไปเป็นตำรวจ เขาน่าจะได้เป็นตำรวจแนวหน้าที่เก่งกว่าพวกหัวหน้าส อย่างแน่นอน
ในป่าลมเย็นเริ่มพัดมา เย่เล่อจือก็ไม่ได้ใส่เสื้อคลุม ด้วย นางทำได้แค่กอดตัวเองไว้ เพราะความหนาวเย็น มู่หรงเจิงที่อยู่ข้างๆก็เลยถอดเสื้อคลุมตัวเองออกแล้ว มาคลุมให้นางแทน “เป็นความสะเพร่าของข้าเอง”
โตขนาดนี้แล้ว เหมือนกับว่าไม่เคยมีใครคอยดูแล นางดีแบบนี้ นางเลยรู้สึกดีอย่างมาก แต่พอมองหน้า เขาที่ดูไร้ความรู้สึกแบบนั้น หน้าที่ไม่มีสีสันอะไรแบบ นั้นก็เหมือนกับหุบเขาหิมะที่หิมะไม่ยอมละลายแล้วโดน ปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็น
ผู้ชายคนนี้ช่างหน้าตาดีจริงๆ เย่เล่อจืออดมองเขาไม่ ได้ แม้ว่าเขาจะอยู่ในยุคสมัยนี้ แต่ก็เป็นชายที่หน้าตาดีระดับต้นๆ สามารถดึงดูดหญิงสาวได้นับร้อย ถึงแม้ว่า นางเองจะไม่ใช่คนที่บ้าดารา แต่ว่ามู่หรงเจิงก็เป็นคนที่ ช่างหล่อเกินไปแล้ว จนทำให้ไม่อยากละสายตาไปไหน เลย
ทันใดนั้นมู่หรงเจิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมา จึงทำให้ทุกอย่าง ยุติลง แล้วเขาก็จับแขนของนางเอาไว้ทันที แต่นางเคย ฝึกมา การแก้การถูกล็อคแขน นางจึงล็อคแขนเขาออก ทันที”ท่านจะทำอะไร? หากว่าท่านกล้าเสียมารยาทละ ก็ อย่าหาว่าข้าทําเกินไปนะ!”
มู่หรงเจิงดึงนางเข้ามากอดทันที ลมหายใจของเขาดู ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่”รีบเอา เสื้อคลุมคืนข้า
เขายื่นมือออกไปเพื่อจะดึงเสื้อคลุมที่เขาพึ่งส่งให้นาง ไปกลับคืน แต่แขนเขาที่พึ่งจะยื่นออกไปก็พลันหมด แรงแล้วร่วงลงอย่างอ่อนแรงและอ่อนลงตรงหน้าอก ของนางพอดี
เย่เล่อจือโมโหอย่างมาก เห็นว่าเป็นท่านอ๋องก็ช่าง กำเริบนัก? คิดว่าตัวเองแกล้งคนอื่นได้ง่ายๆอย่างนั้น หรือ? นางจึงใช้แรงที่มีดันเขาออกไปทันที ใครจะ ไปรู้ว่ามู่หรงเจิงไม่ระวัง แล้วก็ไม่หลบออก แถมไม่มี เรี่ยวแรง ล้มไปตามแรงที่นางดันไปทันที
เย่เล่อจือเห็นสีหน้าของเขาซีดมากจนปากเริ่มเป็นสี ม่วง แววตาก็เริ่มดูไร้สติ ไม่เหมือนกับว่าเขาต้องการจะ รังแกนาง นางจึงรีบเข้าไปจับเขาเอาไว้ แต่เพราะว่าพื้น หญ้าค่อนข้างลื่น รวมกับรองเท้าของคนสมัยก่อน ที่ใส่ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ จึงทำให้นางไม่สามารถช่วยเขา ไว้ได้ แถมยังล้มไปตามเขาอีก
แล้วก็พลันลงไปนอนอยู่บนหญ้าทันที เย่เล่อจือกอด ร่างของมู่หรงเจิงเอาไว้ตอนที่พลิกตัว หลังของมู่หรง เจิงถึงไม่กระแทกกับพื้น และหัวไม่กระแทกกับก้อน หิน แต่ว่าเพราะการกลิ้งไปมานั้น ทำให้นางนอนอยู่บน หญ้า แล้วถูกร่างของมู่หรงเจิงทัยร่างนางเอาไว้ จนทั้งคู่ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น
“เร็ว รีบเอายามา….” มู่หรงเจิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อน แรง พลันหายใจหอบ
“ยาอะไรกัน? “ตอนนี้เย่เล่อจือถึงได้พูดขึ้นมา แล้ว พลันมองเห็นหน้าของเขาล้มลงมา ปากที่ดูซีดเซียวก็ พลันก้มลงมาประกบที่ปากตัวเองทันที นางตะลึงอย่าง มาก จนตัวแข็งทื่อ สมองก็พลันโล่งไปหมด ไม่รอให้นาง ได้สติกลับมา มู่หรงเจิงก็พลันเบี่ยงหน้าออกทันที ปาก ของเขาก็พลันถูแก้มของนางไป และร่างเขาก็ทับอยู่บน ตัวนางอย่างหนัก ไม่กระดุกกระดิกเลย
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนเย่เล่อจือถึงได้สติกลับมา แล้ว เขย่าร่างของมู่หรงเจิงที่ทับบนตัวของนาง“เฮ้ ท่าน เป็นไรไป? “
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ