ตอนที่ 3 ถึงตายก็ไม่แต่ง1
ในมุมห้องมีใครคนนึงที่ผมเม้ายุ่งเหยิง และเอาผ้า สีแดงมัดรอบศีรษะเอาไว้ แถมบนยังมีรอยขี้กากเต็ม ไปหมด สายตาเต็มไปด้วยความหวาดผวา ใบหน้าก็ดู สกปรกเหมือนคนไม่เคยอาบน้ำ ดวงตาก็เรียวเล็ก จน มองไม่ออกว่าลืมตาหรือว่าหลับตา จมูกก็ไม่มี ริมฝีปาก ทั้งหนาทั้งด่า
“น้องหญิง…”
พอเห็นสายตาของเย่เล่อจือมองมาทางนี้ เขาก็พลัน ยิ้มขึ้นมาทันที จนมองเห็นฟันสีเหลืองเจ็ดแปดซี่โผล่ ออกมา ช่างดูน่าเกียจกว่าตอนร้องไห้อีก ขนาดผีที่อยู่ ในขุมนรกก็ยังไม่น่ากลัวขนาดนี้!
ถึงวันนี้จะเป็นวันรับตัวเจ้าสาว หมู่ตันที่เป็นที่เรื่องลือ กันของร้านฉูนฟาง เขาพยายามลุกขึ้นมาอย่างสั้นๆ เหมือนกับคนแก่ แล้วพยุงตัวเองเพื่อเดินเข้ามา ชุดเจ้า บ่าวสีแดงนั้นไม่ได้ดูเข้ากับเขาเลยสักนิด และยิ่งเป็นผ้า ไหมลายดอกไม้ ยิ่งมองก็ยิ่งขัดตา รวมถึงรอยยิ้มที่ดูโง่ ของเขาที่เห็นแล้วต้องรู้สึกขนลุกขนพองกันเลยทีเดียว
แม้ว่าเย่เล่อจือจะมีความสามารถในการวิเคราะห์ คนได้อย่างเชี่ยวชาญ แต่ว่าในสมองตอนนี้มีเพียงคำ ว่า: “อัปลักษณ์! ”
“เจ้ากำลังเล่นตลกกับข้าอยู่ใช่มั้ย? “เสียงของนาง เริ่มสั่น
พี่หงฮัวรู้สึกสะใจอยู่พอสมควร”ใครจะเล่นตลกอะไร กัน? หมู่ต้นนี่เป็นขอทานที่อัปลักษณ์ที่สุดในแคว้นจั่น สวี และก็เป็นคนที่เจ้าบอกว่าต้องการให้มาเป็นเจ้าบ่าว อีกด้วย”
“น้อง น้องหญิง….”เขาเดินเข้ามาข้างหน้า แล้วก็หัน ไปมองเย่เล่อจือ
“หยุดอยู่ตรงนั้น อย่าขยับ! ใครเป็นน้องหญิงของ เจ้า? “เย่เล่อจือผิดหวังอย่างมาก เขาน่าจะเป็นคนโง่? ดูแล้ว หมู่ตันคนนั้นก็น่าจะเป็นคนโง่ด้วยเหมือนกัน ไม่ อย่างงั้นจะอยากได้คนนี้มาเป็นสามีได้ไง? แต่ว่าในเมื่อ อยากแต่งงานกับเขา ทำไมอยู่ดีๆถึงคิดสั้นแบบนี้ได้? เป็นการทำร้ายตัวเองชัดๆ! สามีแบบนี้ ถึงจะบอกว่า แต่งกับเขา แค่มองแวบเดียวก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว ฉันไปทำบาปกรรมอะไร ย้อนอดีตมาอยู่ในหอนางโลม ไม่พอ แถมยังต้องมาแต่งงานกับขอทานที่ดูเป็นคนก็ ไม่ใช่ เป็นผีก็ไม่ใช่ผี ช่างน่าเวทนาจริงๆ
“น้อง น้องหญิง! “ในที่สุดเขาก็สามารถพูดออกมา ได้ “หากว่า หากว่าเจ้ายังจะคิดสั้นอีก ข้าจัดการ จัดการ เจ้าอย่างแน่นอน….
เย่เล่อจือไม่ได้สนใจคำพูดอะไรของเขาทั้งนั้น พลัน ถอดชุดเจ้าสาวออก แล้วโยนให้พี่หงฮัว“ข้าไม่ใช่ หมู่ตัน ข้าไม่แต่ง! “แล้วนางก็กำลังจะออกไป
“จับนางเอาไว้! “พี่หงฮัวหันไปออกคำสั่งทันที สาว นางโลมทุกคนต่างพากันเข้าไปจับนางเอาไว้”วันนี้เจ้าแต่งหรือไม่แต่ง ยังไงก็ต้องแต่ง!
เย่เล่อจือหันไปจ้องพวกนางเขม่ง “ถ้าข้าไม่ยอม ใคร ก็บังคับข้าไม่ได้! “แล้วพลันผลักพวกนางโลมที่ยืน ขวางทางออกไป นางมีความสามารถด้านการต่อสู้ เลย ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรพวกสาวงามนางโลมที่ร่างกาย อ่อนแอเปราะบางพวกนี้ ตอนนี้สำคัญคือต้องหลุดออก ไปให้ได้ ถ้าต้องแต่งงานกับขอทานให้ตกนรกขุมที่สิบ แปดจะไม่ดีกว่าหรอ คิดดูแล้วเครื่องประดับบนหัวตัว เองก็น่าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในแคว้นจิ่นสวี ได้ทั้ง ชีวิตเลย พอนางคิดได้แบบนี้ก็ผลักประตูออกไปทันที
พอเปิดประตูออกไป กำลังจะยื่นเท้าออกไปก็ต้องดึง เข้ามาทันที ในใจของนางรู้สึกทรมานขึ้นมาทันที ข้าง นอกนั้นมีทหารสวมชุดเกราะจำนวนมากยืนอยู่ ทุกคน ต่างมีอาวุธครบมือ แถมยังนั่งบนม้า รูปร่างสูงใหญ่
นายกองที่อยู่ด้านนอกกำหมัดสองข้างอย่างแน่น แล้ว พลางเชิดหน้ายืดออกขึ้น”แม่นาง หมู่ตัน เจ้ากลับไป แต่งงานดีๆเถอะ มันจะดีต่อทุกคน ถ้าหากว่าต้องการ มีชีวิตอยู่ ข้าก็จะรับหน้าที่ปกป้องเจ้า แล้วก็พาไปส่งที่ วัดร้างที่อยู่เขตตะวันตกอย่างดี เพื่อให้เจ้าได้อยู่กินกับ ขอทานคนนี้ไปนานๆ
เย่เล่อจือขาอ่อนแรงลงทันที พลันล้มลงไปนั่งบนพื้น อย่างหมดหนทางหนี หรือว่าต้องแต่งงานกับขอทาน คนนั้นจริงๆงั้นหรอ? อดที่จะไม่หันไปมองขอทานคน นั้น แต่พอเห็นแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกออกมาทันที อยาก ร้องไห้ก็ร้องไม่ได้ พลันเหลือบไปมองสาวนางโลมพวกนั้นที่ดูท่าทางสะใจกันอย่างมาก
แล้วก็พลันมาจบลงที่หน้าประตู “ท่านทหาร อุ๊ย ไม่ใช่ ใต้เท้า ไม่ใช่ แม่ทัพ… นางพยายามคิดคำเรียกที่ดู เหมาะสมที่สุด
“เย่เล่อจือขนาดข้าเจ้าก็จำไม่ได้หรือ? หรือว่าเจ้า เลอะเลือนไปแล้วจริงๆ? หรือว่าเจ้ารับแขกเยอะจนลืม เรื่องของเรา? เจ้าเอาแต่เรียกชื่อของข้าว่า สั่งอี้มาโดย ตลอด หลังมือข้ายังมีรอยแผลเป็นที่เจ้าเป็นคนทำด้วย นะ “พูดเสร็จเข้าก็กำหมัดทั้งสองข้างเพื่อให้นางมอง เห็น แผลนั้นยังเป็นรอยอยู่อย่างชัดเจน
ดูเหมือนว่าสั่งอี้คนนี้จะมีความแค้นกับนาง นางจึง พลันร้องขึ้นมาอย่างน่าสงสาร แล้วก็พยายามคลานขึ้น มาจากพื้น แล้วพูดขึ้น: “สั่งอี้ ตอนนั้นข้าผิดเอง ไม่ควร ลงมือทำร้ายท่านถึงเพียงนี้ วันนี้ข้าจะยอมชดใช้ให้ท่าน ท่านปล่อยข้าไปได้มั้ย ? “
สั่งอี้ชะงักไป“เย่เล่อจือเมื่อก่อนเจ้าไม่ได้เป็นแบบนี้ม่ ใช่หรือ? หากว่าเจ้ายอมก้มหัวให้ข้าตั้งแต่แรก จะมา ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้อย่างไร? “
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ