ตอนที่ 14 ฮ่องเต้ ข้าสำนึกผิดแล้ว2
“คารวะฮ่องเต้! “มู่หรงเจิงพูดขึ้นเสียงดังชัดแล้ว พลันคุกเข่าลง เย่เล่อจือตอนนี้ถึงได้มีสติ แล้วมองไป ยังคนที่นั่งอยู่ สวมชุดสีทองลายมังกร นางยังไม่ทันจะ มองชัดๆ ก็ถูกมู่หรงเจิงดึงลงเพื่อให้คุกเข่ากับเขา
แล้วก็พลันได้ยินเสียงคนเดินมา นางจึงมองเท้า ที่มากมายเดินผ่านตัวเองไป แล้วเดินออกไปจากสวน ดอกไม้ ดูแล้วน่าจะเป็นฮ่องเต้ที่บอกพวกเขาออกไป ก่อน
“ลุกขึ้นเถอะ ข้าเคยบอกแล้วว่าถึงเจ้าจะเป็นแค่ อ๋อง เจ้าก็มีฐานะเท่ากับข้า ไม่จำเป็นต้องคุกเข่า“วันนี้มี เรื่องอะไร? “เสียงที่นุ่มนวลก็พลันมีความเคร่งขึมปนอยู่ ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
“กระหม่อมทำผิดต่อฝ่าบาท เลยจะมาขอรับโทษ พ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงเจิงพูดออกมาแต่ไม่ยอมลุกขึ้น “อะไร? ทำความผิดอันใด? พูดให้ข้าฟังสิ”พูดมาแล้ว เหมือนฮ่องเต้ทรงอยากรู้มาก
มู่หรงเจิงเงยหน้าขึ้นมาทัน”ฝ่าบาท ท่านก็รู้หมด แล้ว ทำไมต้องให้ข้าเล่าอีกรอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ ทำไมต้อง อยากจะโมโหด้วย? “แล้วเขาก็พลันก้มลงไปแล้วพูดขึ้น อีก: “ในวันงานแต่งวันนั้น เย่เล่อจือรู้สึกผิดแล้ว ก็เลย หาทางคิดสั้นฆ่าตัวตาย จนทำให้นางลืมเรื่องราวก่อน หน้านี้ไปหมด”
“ลืมไปหมดงั้นหรือ? “เสียงเคร่งขรึมนั้นดูเหมือน จะสงสัยอย่างมาก “เย่เล่อจือพยักหน้า
เย่เล่อจือในที่สุดก็สามารถมองเห็นฮ่องเต้ที่ สูงส่งของแคว้นจิ่นสวี้แล้ว คนที่เป็นฮ่องเต้ล้วนแต่ หน้าตาดีทั้งนั้น เพียงแต่ฮ่องเต้ไม่ได้ดูขาวบริสุทธิ์เหมือ นมู่หรงเจิง ดูมีความหยาบๆอยู่บ้าง เลยยิ่งทำให้ดูขรึม หัวคิ้วก็ดูโค้งๆ ดวงตาดูเข้ม แล้วก็กำลังมองนางอย่าง คิดไตร่ตรอง
“เย่เล่อจือ เข้ามาใกล้ๆข้า”ฮ่องเต้พูดขึ้นเพียง สองคำ แต่ก็ทำให้รู้สึกไม่กล้าปฏิเสธ
เย่เล่อจือรู้สึกลนลานอย่างบอกไม่ถูก ผลักลุก ขึ้นแล้วเดินไปด้านหน้า แล้วฮ่องเต้ก็บอกให้มานั่งข้างๆ แล้วฮ่องเต้ก็เอาแต่จ้องนาง เหมือนกับมองสัตว์ที่เขา ต้องการจะล่าที่สามารถมาล่าได้ตลอดเวลา
ทำไมภาพนี้ถึงได้เหมือนตอนแรกๆที่นางเข้าไป อยู่ในแก๊งค์ค้ายาเลย?
เย่เล่อจือกลืนน้ำลายแล้วพูดขึ้น: “เพคะฝ่า
ฮ่องเต้ชะงักไป: “เรียกข้าว่ามู่หรงเฉิน”
“มู่หรงเฉิน? “เย่เล่อจือพูดทวนอีกรอบด้วยเสียง ต่ำ สองคนนี้ชอบอะไรแปลก? ทำไมชอบให้คนอื่น เรียกชื่อ?
“เจ้ายอมกลับมาอยู่ข้างๆข้าแล้วหรือ? “มู่หรงเฉิ นกุมมือนางไว้
เย่เล่อจือหันไปมองมู่หรงเจิงแวบนึงสีหน้าของ เขาดูนิ่งๆ สายตาก็ไม่ได้มองมาทางนาง มู่หรงเฉิน หัวเราะแล้วพูดขึ้น: “พอได้เจอเล่อจือ ก็ลืมไปเลยว่า เจ้าคุกเข่าอยู่ รีบลุกขึ้นมานั่งด้วยกัน มานั่งดื่มเป็นเพื่อน ข้า”
มู่หรงเจิงลุกขึ้นมาแล้วนั่งลงทางด้านซ้าย แล้วก็ มีขันทีน้อยมารินเหล้าให้และตั้งสำหรับอาหาร
“ข้ารู้ว่าวันก่อนที่ข้าลงโทษเจ้าค่อนข้างรุนแรง จ้าโกรธข้าหรือไม่? “คำพูดนี้เขาพูดกับเย่เล่อจือ
“ทำไมฮ่องเต้ถึงลงโทษข้าล่ะเพคะ? ข้าจำอะไร ไม่ได้เลย”ในเมื่อมู่หรงเจิงบอกว่าข้าจำอะไรไม่ได้ งั้นก็ ทำเป็นไม่รู้อะไรเลย เย่เล่อจือก็ขี้เกียจที่จะไปคิดเรื่อง พวกนั้นแล้ว ตอนนี้สายตานางจับจ้องอยู่ที่โต๊ะอาหาร น้ำลายก็พลันไหลไม่หยุด ตั้งแต่เมื่อคืนที่กินพุทราไป จนตอนนี้ก็ยังไม่กินอะไรเลย หิวจนกระเพาะขาดแล้ว
มู่หรงเฉินหัวเราะขึ้น: ” จำไม่ได้ก็ดี ลองชิม อาหารมังกรก้อยนี่ดู”
เย่เล่อจือเลียปากสองสามที แล้วพลันหยิบ ตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อ เนื้อแน่นๆสดๆพลันเอาเข้าปาก แล้วเคี้ยวอย่างอร่อย ที่สำคัญคือไม่มีก้าง อาหารในวัง นั้นไม่เหมือนอาหารของคนทั่วไป นางเอาเข้าปากไปยังไม่ทันกลืนก็เอาเข้าไปอีกคำจนเต็มปาก: “อร่อย จริงๆ! “นางพูดขึ้นจากใจจริง
“ชอบอันไหน? ก็กินเข้าไปเยอะๆ”
มู่หรงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เลยทำให้เย่ เล่อจือไม่รู้สึกเขินเลย ฮ่องเต้ก็ถือว่าทำกับเราไม่เลว เลย ไม่ได้ดูโหดร้ายอย่างที่มู่หรงเจิงพูดเลย
พอมานึกดู นางก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองมู่หรงเจิง ใบหน้าที่เย็นชาไร้ความรู้สึก เคร่งขรึมไม่มีใครปาน กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ โดยไม่กินอะไรซักคำ เขาไม่ หิวหรือไง? แล้วความคิดนั้นก็หายไป เย่เล่อจือหันไป สนใจอาหารที่วางบนโต๊ะแทน อาหารพวกนี้ล้วนแต่เป็น ของราชา รสชาติล้ำเริส มีทุกสิ่งอย่าง สีสันหลากหลาย น่ากิน จนทำให้คนน้ำลายยืดเลยทีเดียว
พอดีที่กินลงไปท้องก็เลยไม่ร้อง นางเลยกิน อย่างไม่เกรงใจเอาตะเกียบคีบอาหารแล้วก็รีบเคี้ยวรีบ กลืนทันที ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษคนในวังที่ทำอาหาร อร่อยเกินไป แต่ว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในหนึ่งปีของเย่เล่อ จือก็ไม่สามารถเป่าออกไปได้ แค่เวลาแปปเดียว อาหาร ที่วางอยู่บนโต๊ะก็เกลี้ยงทันที
นางกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยก็พลันได้ยินเสียง ดังขึ้น: “เจ้ากล้าหลอกข้า เจ้าไม่ใช่เย่เล่อจือ! “
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ