บทที่8 หมอหลวงหลินไปทำไร่ทํานา?
ใบยุคนี้การหย่า เป็นเรื่องธรรมดา
ที่สําคัญเป็นฝ่ายหญิงที่เสนอขอหย่า
ถึงหลินเจี้ยนจุนชักช้ารู้สึกอับอายขายหน้าไม่ยอมหย่า แต่สุดท้ายด้วยแรงกดดันจากหวังต้าถิ่ง เขาก็ได้ยอมที่จะ พิมพ์ลายมือลงไป
ระหว่างที่ไปบ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อให้ผู้ใหญ่บ้านเซ็นชื่อ ตอนนั้นหลี่ต้าเกนก็อยู่ด้วย แต่เขาไม่ได้ ขัดขวางอะไร เลย
ผ่านไปไม่ถึงเช้าหนึ่ง ความสัมพันธ์สามีภรรยาของหลิน เจี้ยนจุนและหวังซูอิงได้จบลง
ข้าวของเยอะหน่อย หวังต้าถึงเลยตั้งใจเช่ารถลามา
ระหว่างที่รถลาออกจากหมู่บ้านต้าหวัง หวังซูอิงเหมือน กับใจลอยอยู่
หลินฟางหัวเข้าใจความรู้สึกของแม่ ระหว่างทางก็ไม่ ได้ไปรบกวนแม่ ในใจหลินฟางหัวตอนนี้มีเพียงความคิด ที่ทำอย่างไรถึงจะเลี้ยงครอบครัวได้ และรักษาโรคของ น้องชาย
นั่งบนรถลาเดินทางบนถนนที่ไม่เรียบอยู่หนึ่งชั่วโมง ถึง
ได้มาถึงที่หมู่บ้านเว่ย
หมู่บ้านเว่ยอยู่ตรงตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอซี หมู่บ้าน นี้คนส่วนใหญ่จะแซ่เว่ย
หลังจากที่น้ำท่วมของมณฑลยู่ในปี1975 หมู่บ้านที่ตา และยายของหลินฟางหัวจมอยู่นั้นพังไปหมด สุดท้ายก็ทั้ง สองท่านได้มาตั้งถิ่นฐานที่หมู่บ้านเว่ย
ตาหวังยู่ซานตายไปนานแล้ว เจ้ายู่ชุ่ยเลี้ยงดูลูกสาม คนจนโตอย่างยากลําบาก
นอกจากน้าชายหวังต้าถึงแล้ว หลินฟางหัวยังมีน้าสาว รองคนหนึ่งแต่งงานอยู่ที่อำเภอผิงที่ใกล้อำเภอซี ได้ ข่าวว่าแต่งงานกับคนรวย แต่ด้วยความที่อยู่ห่างไกลกัน นอกจากปีใหม่แล้ว ปกติก็จะไม่ได้ไปมาหาสู่กัน
“ซูอิงกลับมาแล้ว ดูสิลูกของเธอโตขนาดนี้แล้วหรือ!”
ประเพณีของหมู่บ้านเว่ยกับหมู่บ้านต้าหวังไม่เหมือนกัน ระหว่างทางมีหญิงสาวที่เร่าร้อนค่อยทักทายเธอตลอด
ทาง
“โธ่! พี่สะใภ้เว่ยยังสบายดีมากขนาดนี้เชียว!” หวังซูอิง ฝืนยิ้มตอบพวกเขา
ยายเจ้าชู่ชุ่ยอยากไปหาหวังซูอิงที่หมู่บ้านต้าหวังกับหวัง ต้าถึงตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เพราะขาเธอไม่ดี และที่บ้านเลี้ยง หมูด้วย เขาเลยใช้วิธีแยกร่าง
เมื่อได้ยินมีเสียงมาจากทางประตู ได้รีบวิ่งไปทางประตู
“ต้าถึง เยว่เอ๋อกลับมาแล้วเหรอ? พี่สาวนายเป็นไงบ้าง?”
หวังต้าถิ่งและเมิ่งเยว่เอ๋อถอยออกไปเจ้าอู่ซุ่ยเห็นหวังซู อิงและลูกทั้งสองคน
“แม่………..”
เห็นแม่แท้ๆ ของตัวเองแล้ว ดวงตาของเธอเริ่มแดงขึ้นมา
“ซูอิงเป็นอะไร?” เจ้ายู่ชุ่ยรีบพาพวกเธอเข้าห้องโถง
“แม่ พี่สาวกับหลินเจี้ยนจุนหย่ากันแล้ว ต่อไปพี่สาวจะ มาอยู่ที่นี่” หวังต้าถึงเอ่ยปากพูดก่อนและเล่าเรื่องที่เกิด ขึ้นวันนี้อีกรอบ
“ชั่งรังแกคนอื่นเกินไปจริงๆ”
เจ้ายู่ชุ่ยเช็ดน้ำตาและตบไปที่ขาแรงๆ แล้วมองไปที่หวัง ซูอิง “ซูอิง หลายปีที่ผ่านมาเธอรับความไม่เป็นธรรมมาก เลยสินะ ทำไมเธอไม่บอกตั้งแต่แรก”
“แม่.……………
หวังซูอิงร้องไห้หนักขึ้นไปอีก
“แม่ไม่ร้องไห้นะ แม่สบายใจได้เลยนะ หย่ากับผู้ชาย เหี้ยๆนั่นแล้วชีวิตของพวกเราจะดีขึ้น” หลินฟางหัวรีบเอ่ย ปลอบใจ
“ฟางหัวพูดถูก พี่ไม่ร้องไห้แล้วนะ ต่อไปพี่อยู่ที่นี้อย่าง สบายใจได้เลยนะ หลายปีที่ผ่านมาสุขภาพของแม่ไม่ ค่อยดี ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว พอดีเลยจะได้ช่วยดูแลแม่ อีกแรงหนึ่ง” เมิ่งเยว่เอ๋อก็พูดปลอบใจ
หลินฟางหัวมองไปที่เมิ่งเยว่เอ๋อ และรู้สึกได้ถึงความ จริงใจ
น้าสะใภ้คนนี้จริงๆเลยนะ รู้ดีว่าพูดแบบไหนถึงไม่ ถือ เป็นคนนอก
“ใช่แล้ว เยว่เอ๋อพูดถูก ต่อไปพวกเธออยู่กับฉัน ฉันก็ สบายใจแล้ว โธ่ ซูอิงของแม่โชคร้าย..…….” เจ้ายู่ชุ่ยและ หวังซูอิงแม่ลูกกอดและร้องไห้อย่างหนัก หลินหยวนหัวยื่นอยู่ข้างๆทำอะไรไม่ถูกและเล่นนับนิ้วมืออยู่กับที่ หลินฟางหัวเห็นคนแก่ร้องไห้ไม่ได้ เธอเลยรีบพูดว่า
“ยายท่านไม่ร้องไห้นะ ท่านเป็นเสาหลักของครอบครัว นะ ถ้าท่านร้องไห้จนเสียสุขภาพพวกเราก็จะไม่สบายใจ นะ”
เจ้ายู่ชุ่ยยื่นมือไปลูบที่ใบหน้าของหลินฟางหัวและมอง อย่างเจ็บปวดใจ “ใครบอกว่าฟางหัวไม่รู้เรื่องและเชื่อ ฟัง ฉันว่าฟางหัวรู้เรื่องที่สุดแล้ว ต่อไปนี้เธอกับหยวนหัว อยู่ที่นี้นะ และไม่ต้องคิดอะไรมาก ใครกล้ามารังแกพวก เธอ ยายจะจัดการเอง!”
“แม่ ฟางหัวกับน้องยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะ” เห็น อารมณ์ของทุกคนค่อยๆสงบลงหวังต้าถิ่งได้เอ่ยปาก
“ใช่ๆๆ ถ้านายไม่พูดฉันลืมไปแล้วนะ กับข้าวทำเสร็จ แล้ว อุ่นอยู่ในหม้อ ก็รอให้พวกเธอกลับมากินนี่แหละ”
พูดจบเจ้ายู่ชุ่ยรีบเข้าไปห้องครัวแล้วถืออาหารออกมา
ต้มข้าวโพดและหมั่นโถวที่ดำนิดหน่อย และโจ๊กข้าวโพด ยังมีผัดผักกาดขาว เป็นอาหารที่เห็นได้ทั่วไปของหมู่บ้านในมณฑลยู่
บนโต๊ะอาหารขาดไม่ได้ที่จะคุยเรื่องการทํางานในวัน ข้างหน้า สิ่งสำคัญที่สุดของชาวไร่ชาวนาก็คือไร่นา
เจ้ายู่ชุ่ยวางถ้วยลงและพูด “ก่อนตายยู่ซานเคยช่วยชี วิตเว่ยเสาหลีหนึ่งครั้ง คนแก่อย่างฉันถึงจะต้องหน้าด้าน ฉันก็จะไปขอไร่นาให้พวกเธอครอบครัวสามแม่ลูกเอาไว้ เพาะปลูก!”
“คุณยาย ไม่ต้องรีบ
หลินฟางห้วรีบพูดเจตนาของเธอเอง “หนูคิดว่าหนูจะทำ ธุรกิจเล็กๆ ถ้าได้เงินแล้วหนูจะไปซื้อบ้านที่เขตเมืองและ อยู่กับแม่และน้องชาย
เธอขอบคุณการช่วยเหลือของยายมาก แต่จะให้หมอ หลวงหลินไปทำไร่ทำนา?
เธอทำไม่เป็นจริงๆ!
“ทำมาค้าขายค่อยว่ากัน อย่างไรก็ตามเธอกลับมาที่หมู่ บ้านเว่ยแล้ว ก็ต้องไปสวัสดีผู้ใหญ่บ้านเขาด้วย คืนนี้ฉัน จะพาพวกเธอไปบ้านของผู้ใหญ่บ้าน!” เจ้ายู่ชุ่ยไม่ได้เก็บ คำพูดของหลินฟางหัวไว้ในใจ
ในใจของเธอคิดว่าคนที่สวยอย่างหลินฟางหัวคงถูก เลี้ยงมาอย่างสุขสบาย ไม่ใช่เลี้ยงแบบต้องไปทำงานลําบาก
แต่หวังต้าถึงกลับมองหลินฟางหัวด้วยแววตาที่ชื่นชม
อายุน้อยขนาดยังรู้จักทำมาค้าขายเลี้ยงครอบครัว แบบ นี้สิเป็นเด็กดีเหมือนตัวเขา!
เขาพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัว และทำให้เจ้ายู่ชุ่ยเหลือบ มองหวังต้าถึง”นายอย่ามาชมตัวเองมากไป ตั้งแต่เด็กจน โตนายหาเรื่องให้ฉันไม่น้อยเลยนะ”
หวังต้าถึงแลบลิ้น หวังซูอิงก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปาก
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูสงบลง แต่คนของตระกูล หลินที่อยู่หมู่บ้านต้าหวังกลับหน้าบูดหน้าเบี้ยว
“เจี้ยนจุน ฉันว่าทำไมนายโง่แบบนี้? เธอจะขอหย่านายก็ หย่าง่ายๆแบบนี้หรือ? ถ้าจะหย่าก็ให้เธอชดใช้เงินห้าร้อย ค่าสินสอดนั้นไปด้วยสิ!”
หยูบ้านเหลียนนั่งอยู่ในบ้าน และต่อว่าลูกชายคนโต ของเธอไม่หยุด
หลินเจี้ยนจุนคุกเข่าอยู่กับพื้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เย้ายู่ หลานที่อยู่ข้างๆ รีบไปพูดอธิบายแทน “ก็เป็นเพราะหวังต้าถึงคนนั้น เป็นคนที่สูงใหญ่กำยำมาก เขาจะกระทืบ เจี้ยนจุนอย่างเดียว ถ้าเจี้ยนจุนไม่รับปาก อาจจะโดนตี ตายก็ได้นะ”
“ให้ตาย หวังต้าถึงคนนี้!”
หยูป้านเหลียนสาปแช่งและด่า “เฮ้ย กล้ามาทำร้าย เจี้ยนจุนของครอบครัวเราหรือ รอให้เจี้ยนโก๋กลับมา ฉัน จะให้เจี้ยนโก๋ไปจัดการมัน!”
“แม่ ถ้าหย่าแล้วก็ดีนะ เจี้ยนจุนจะได้แต่งงานกับยู่หลาน ไม่ดีหรือ?” เจ้ากุ้ยจือรีบเปลี่ยนหัวข้อที่คุยกัน
หวังต้าถึงคนนั้นมีรูปร่างใหญ่กำยำ เจี้ยนโก๋จะไปสู้เขา
ได้หรือ?
“จะพูดแบบนี้ก็ไม่ผิด แต่เงินห้าร้อยนั้นใครจะเป็นคน ชดใช้? พวกเราคงไปมีปัญหากับตระกูลหลี่ไม่ได้ “หยู ป้านเหลียนมองไปที่เย้ายู่หลาน เอ่ยปากบ่นพึมพำ
ได้ยินคนข้างหมู่บ้านบอกว่าน้องชายของเย้ายู่หลาน กลับมาพร้อมความรวย ไม่เพียงขี่รถสามล้อกลับมา แถม ยังพูดว่าจะซ่อมแซมบ้านเก่าอีกด้วย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ