บทที่10 ธุรกิจที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุน
“ฟางหัว เธอพูดอะไรอยู่คนเดียว?”
ข้างหลังมาเสียงของยายเจ้ายู่ชุ่ยลอยมา หลินฟางหัว หันไปแลบลิ้น “ไม่นะ ก็เห็นยายแล้วเลยดีใจ
“เจ้าเด็กคนนี้ กะล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่นะ?”
ถึงเจ้ายู่ชุ่ยจะแขวะ แต่ในแววตาของเธอก็ปรากฏรอย ยิ้มออกมา
เธอส่งไข่ไปให้หวังซูอิง ตะกร้าหนึ่งและพูดว่า “ไป พวก เราไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านกัน”
“แม่ ทำแบบนี้ได้ไง……” หวังซูอิงรีบยื่นแขนออกมา
ปฏิเสธ
กลับมาอยู่ที่นี้ก็ยุ่งยากมากพอแล้ว เธอจะเอาไข่ของ บ้านแม่ไปเป็นของขวัญให้คนอื่นได้อย่างไร?
“เยว่เอ๋อบอกว่าไปหาผู้ใหญ่บ้านจะไปมือเปล่าไม่ได้ นี่ เมิ่งเยว่เอ๋อให้เธอเอาไปให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นพิเศษเลยนะ” เจ้ายู่ชุ่ยพูดออกมา
“แต่ว่า…..”
หวังซูอิงอยากที่จะพูดอะไรออกมา หลินฟางหัวเห็นแบบ นี้แล้วรีบเอ่ยปาก “แม่ก็รับไว้เถอะ รอต่อไปเรามีเงินแล้ว ค่อยคืนให้ น้าสะใภ้ก็เหมือนกันแหละ”
เธอรับ ใจของ น้าสะใภ้แล้ว ต่อไปเธอจะตอบแทน สองเท่าเลย
หวังซูอิงถึงเงียบไป และทั้งสามคนถือไฟฉายเดินไป
บ้านผู้ใหญ่บ้าน
ตอนนี้ผู้ใหญ่บ้านเว่ยเสวหลี่อายุสูงถึงแปดสิบแล้ว เป็น ทหารที่ปลดประจำการจากการต่อต้านการรุกรานของ สหรัฐฯและช่วยเหลือเกาหลี และเป็นผู้อาวุโสมากในหมู่ บ้านเว่ย และมีบารมีที่มากเช่นเดียวกัน
เว่ยเสวหลี่ไม่เคยลืมที่ตาหวังยู่ซานที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาเลยดูแลเจ้ายู่ชุ่ยที่เป็นแม่ม่ายเป็นพิเศษ
เมื่อรู้จุดประสงค์ที่พวกเธอมาที่นี่ เขาไม่ได้รู้สึกลำบาก ใจเลย แถมยังบอกว่าจะช่วยแก้ปัญหาที่ดินทำกินของทั้ง สามคน
“ขอบคุณคุณปู่เว่ยมาก” หลินฟางหัวรีบเอ่ยปาก
ขอบคุณ
“นี่เป็นลูกสาวคนโตของหวังซูอิง ฟางหัวสินะ” เว่ยเสวหลี่จับหนวดที่ยาวและขาวแล้วมองไปที่หลินฟางหัว
เรื่องของหมู่บ้านต้าหวัง เธอเคยได้ข่าวมาบ้างเล็กน้อย
พูดว่าหน้าไม่อายไปกอดกับคนอื่น และพูดว่าไม่มี มารยาทไปเถียงผู้ใหญ่…..
เขามองว่า เจ้าเด็กคนนี้ไม่เหมือนอย่างที่พวกเขาพูดเลย
“ใช่ๆ พี่เว่ย”
เจ้ายู่ชุ่ยพยักหน้า นอกห้องโถงมีเสียงเด็กที่นุ่มนวลลอย มา “คุณปู่ทวด มากินตัวอ่อนของจักจั่นกัน”
หลินฟางหัวหันไปมอง เห็นเด็กผู้ชายที่อายุสี่ห้าขวบ ได้ ถือถ้วยดินเผาและเดินเข้ามาอย่างงุ่มง่าม
ขั้นบันไดของที่จะเข้าห้องโถงสูงไปหน่อย เขาพยายาม ก้าวเข้ามาหลายรอบ แต่ก็ก้าวเข้ามาไม่ได้ ทันใดนั้นก็ ทําให้คนในบ้านข่ออกมากันหมด
“พ่อ รีบอุ้มหนูเข้าไปในบ้าน
เด็กคนนี้กระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ ผู้ชายที่ซื่อตรงและถ่อมตัวที่อยู่ข้างหลังก็รีบอุ้มเด็กขึ้นมา
“ผู่ว่าโตขนาดนี้แล้ว ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขายังอยู่ใน อ้อมกอดของอยู่เลย” หวังซูอิงอุทานด้วยความตกใจ
“น้าหวังกลับมาแล้ว
เว่ยฉางเชิงรีบวางเด็กลงมาและไปทักทาย เมื่อมองไปที่ หลินฟางหัวแล้วเขารีบหลบสายตา และใบหน้าของเขา ร้อนขึ้นอย่างผิดปกติ
สวยมาก
ตั้งแต่เล็กจนโตยังไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงที่สวยแบบนี้เลย
เมื่อเขาได้สติกลับมา เขาเห็นฝูว่ายื่นถ้วยดินเผาขาวไป หาผู้หญิงคนนี้ และพูดด้วยเสียงที่เพราะ”พี่คนสวย ฝูว่า ให้ชิมตัวอ่อนของจักจั่น”
“น้ากินได้หรือ?”
หวังซูอิงกำลังที่จะปฏิเสธ แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะแหะๆ ตัวอ่อนของจักจั่นไม่ใช่อาหารที่แพงอะไรมากมาย กิน หมดแล้วไปหาบนต้นไม้ได้อีก!”
“พี่สาวกินสิๆ” ฝูว่าเร่งให้เธอกิน
เมื่อปฏิเสธไม่ได้ หลินฟางหัวก็เลยหยิบตัวอ่อนของ จักจั่นหนึ่งชิ้นใส่ปาก
“เป็นไงบ้าง? อร่อยมั้ย?”
ผู้ว่าใช้ดวงตาที่โตและสดใสมองไปหาหลินฟางหัว
เว่ยฉางเชิงที่อยู่ข้างๆ กลั้นลมหายใจ อยากที่จะรู้ว่าเธอ ตอบว่าอะไร
“อร่อยนะ” หลินฟางหัวเอาจับลูบไปที่หัว
เธอไม่ได้โกหก
ชาติก่อนเธอเคยกินตัวอ่อนของจักจั่นที่เพาะเลี้ยงถึงขั้น ตอนการทำจะใช้เครื่องปรุงรสที่ดี แต่รสชาติก็สู้ของที่หา จากป่าไม่ได้
“แน่นอนอยู่แล้ว นี่พ่อผมเป็นคนทำเลยนะ”
ฝูว่าเงยหน้าขึ้นและทำหน้าเย่อหยิ่งและเชิดหน้าท่าทาง ที่น่าขำแบบนี้ ทำให้คนในบ้านหัวเราะออกมาอีกครั้ง
สมองของหลินฟางหัวเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้
ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่ตัวอ่อนของจักจั่นออกจากรู เธอ กำลังคิดว่าจะหาเงินเลี้ยงครอบครัวอย่างไรตอนนี้มีธุรกิจ ที่ไม่ต้องลงทุนแล้วไม่ใช่หรือ?
หมู่บ้านชาวนาชนบทมีต้นไม้เยอะมาก ทุกบ้านสามารถ ไปล่าตัวอ่อนของจักจั่นได้ แบบนี้น่าจะขายไม่ออก
แล้วเขตเมืองละ?
ในยุคสมัยนี้ถึงจะเป็นคนเขตเมืองแต่ก็ไม่ได้มีเนื้อสัตว์ กินทุกวัน ถ้ากินตัวอ่อนของจักจั่นให้หายอยากก็ไม่เลว นะ?
หลินฟางหัวคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะหาเงินเยอะๆ ได้ ในยุคนี้ได้อย่างไง ตอนที่สติเธอกลับมา เจ้ายู่ชุ่ยกำลัง เตรียมจะลุกขึ้นและกลับไป
เว่ยฉางเซิงส่งทั้งสามคนไปถึงหน้าประตู และจ้องมอง เงาร่างของพวกเขาจนถึงไม่สามารถมองเห็นเงาร่าง สายตาเขาก็ยังไม่ย้ายไปไหน
“เป็นอะไรไป? ชอบเด็กคนนั้นหรือ?” พี่สะใภ้เอ่ยปาก หยอกล้อ
“แม่ แม่อย่าพูดมั่วๆ ผมเป็นอะไรแม่ยังไม่รู้เลย”เว่ยฉาง เชิงเหลือบสายตากลับมา เขารู้สึกเบื่อเล็กน้อย
เขามีลูกอยู่ด้วยนะ จะไปมองผู้หญิงแบบนั้นได้อย่างไร?
“ฉางเซ็งหน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่เลยนะ ที่สำคัญปู่ของนาย ยังอยากให้นายสืบทอดตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านของเขาด้วย มีผู้หญิงมากมายที่อยากจะแต่งตัวกับนาย แค่นายไม่เอา แค่นั้นเอง!” พี่สะใภ้เว่ยบ่นสองสามประโยค และใจของ เธอคิดหาคําตอบเงียบๆ
นานๆจะมีผู้หญิงที่เข้าตาเขาสักที ถึงจะไม่ค่อยมีชื่อ เสียง แต่ถ้าหลังจากแต่งงานแล้วคุมเข้มหน่อยก็ไม่มี ปัญหาอะไร
พี่สะใภ้เว่ยพูดถึงเรื่องของหลินฟางหัว และอีกฝั่งเจ้ายู่ ชุ่ยก็พูดถึงเว่ยฉางเซ็งเหมือนกัน
“ตอนที่ลูกสะใภ้คลอดลูกเธอคลอดลูกยากและเสียชีวิต ไป ตัวเขาเองเป็นทั้งพ่อและแม่ มันไม่ได้ง่ายเลยนะ!”
“ได้ข่าวว่าเขาจะเป็นผู้ใหญ่บ้านสมัยต่อไป และผู้หญิง ในหมู่บ้านอยากแต่งงานกับเขามากมาย แต่ถูกเขาปฏิเสธ ไปหมดเลย…..
“เขาเป็นคนที่ชื่อสัตว์และขยัน………
ตอนนี้ในสมองของหลินฟางหัวมีแต่เรื่องหาเงิน คำพูด ของเจ้าฟูชุ่ยไม่ได้เข้าไปในหัวของเธอเลย
และเมื่อกลับถึงบ้าน เธอเล่าความคิดของตัวเองให้หวัง ต้าถิ่งฟังอย่างเต็มไปด้วยความสุข
“ได้เลย ที่บ้านมีน้ำมันและเกลือ เตาและกระทะก็มี พรุ่ง นี้ฉันจะไปเขตเมือง เธอก็ไปกับพวกเราเลย!” ถึงหวัง ต้ากิ่งจะรู้สึกว่าตัวอ่อนของจักจั่นจะขายได้ไม่กี่หยวน แต่ เห็นดวงตาที่สดใสของหลินฟางหัวแล้วเขาเลยตอบตกลง
เห็นที่หลินฟางหัวตั้งใจแบบนี้ เขาก็ไม่อยากทำให้เธอ
ผิดหวัง
เอาเป็นว่าตามนี้นะ หลินฟางหัวพาหลินหยวนหัวถือ ไฟฉายไปหาตัวอ่อนของจักจั่นในป่า
และได้ยินเสียงของเจ้ายู่ชุ่ยรอยมา “นายให้ท้ายเธอ ตลอดนะ!”
“แน่นอน ก็ฉันมีแค่หลานสาวคนเดียว ไม่ให้ท้ายหลาน สาวจะไปให้ท้ายใคร?”
หวังต้าถึงเก็บของไปและเกียง “แม่ แม่อย่าพูดว่าแม่ก็ไม่ ได้ให้ท้ายเธอ ไม่รู้ว่าใครที่กินข้าวเที่ยงเสร็จ ก็ไปจองเนื้อ หมูที่บ้านหวังหมาจื่อ บอกว่าจะบำรุงพี่น้องคู่นั้นหน่อย!”
“นายพูดมากจริงๆ!
เจ้าอู่ซุ่ยค้อนตาหลับตาเหลือกตาค้าง ยิ้มมุมปากขึ้นมา
ตอนที่หลินฟางหัวและหลินหยวนหัวเข้าไปในป่า มีคน ไปหาตัวอ่อนของจักจั่นกันเยอะแล้ว
นอกจากเด็กเล็กแล้ว ยังมีวัยรุ่นที่อายุสิบกว่าปี
เมื่อแสงของไฟฉายส่องไปที่หน้าของหลินฟางหัว ทำให้ วัยรุ่นพวกนั้นตกใจมองตาค้าง
พวกเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยแบบนี้มาก่อนเลย……
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ