บทที่ 14 ฉันนี่แหละคนจริง
หวังต้ากิ่งพยักหน้าอย่างหงอยๆ
ตอนนี้อุตส่าห์ขายดี แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถขาย ระยะยาวได้
“ต้าถิ่ง นี่ก็ใกล้จะบ่ายสองแล้ว พี่ซูอิงกับฟางหัวต้องหิว แล้วแน่ๆ เราไปหาอะไรกินกันตรงนั้นดีกว่า” เมิ่งเยว่เอ๋ อเสนอความเห็นพร้อมกับชี้ไปยังร้านข้างทางที่ตั้งอยู่ไม่ ใกล้ไม่ไกล
ตรงนั้นขายก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีก ขนาดอยู่ตั้งไกลยังได้กลิ่น หอมๆมาถึงนี่
ซึ่งไปกระตุกต่อมหิวโหยของหวังต้าถึงในทันที เขาจึง กวักมือชวนพวกเธอไปที่นั่น “ไปกัน ไปกินก๋วยเตี๋ยว!
ทั้งสี่คนเดินตรงไปยังร้านข้างทาง ป้าเจ้าของร้านเดิน เข้ามาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น “มาๆๆ เชิญนั่งทางนี้ เอากี่ชามดีล่ะ?”
“สี่ชาม”
*ได้เลย รอประเดี๋ยวเดียว! ”
ไม่นาน ก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกๆร้อนทั้งสี่ชามก็มาเสิร์ฟถึงโต๊ะ
เมื่อเห็นเส้นก๋วยเตี๋ยวสีขาวที่ทำมาอย่างประณีตกับชิ้น ไก่อบซอสที่โปะอยู่ข้างบน ขอบตาของหวังซูอิงก็ขึ้นไป ด้วยน้ำตา
ตอนอยู่ที่ตระกูลหลิน นานเท่าไหร่แล้วที่เธอกับฟางหัว ไม่ได้กินเส้นก๋วยเตี๋ยวดีๆแบบนี้?
คนพูดกันว่าผู้หญิงตัวคนเดียว ไม่มีทางไปรอดแน่
แต่เธอไม่เสียใจหรอกนะ!
เธอเชื่อว่าชีวิตของเธอและลูกนับวันต้องดีขึ้นอย่าง
แน่นอน
——อย่างน้อยก็ดีกว่าตอนที่อยู่ในตระกูลหลิน
“แม่ไม่ต้องห่วงนะ หลังจากนี้ชีวิตของเราต้องดีขึ้น แน่ๆ” หลินฟางหัวรู้ว่าหวังซูอิงกำลังคิดอะไรอยู่ จึงหยิบ ผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาที่หางตาให้เธอ
“อืม” หวังซูอิงรีบก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยวต่อ
และในตอนนี้เอง รถจี๊ปทหารคันสีเขียวก็วิ่งมาจอดข้าง ถนน
ประตูฝั่งคนขับเปิดออก จากนั้นก็มีชายหนุ่มสวมใส่ชุด ทหารคนหนึ่งกระโดดลงมาจากรถ แล้วเดินตรงมาที่ร้าน อาหารข้างทาง
“พี่เฉิน รอผมด้วย!” เจียงเห้าหรานลงจากรถ แล้วรีบ เดิมตามเส้าเฉินมา
“สหายทั้งสอง เอากี่ชามดีล่ะ?” ป้าขายก๋วยเตี๋ยวเอ่ย ถามพร้อมกับยิ้มแฉ่ง
“สองชาม”
เส้าเฉินนั่งลงตรงข้ามหลินฟางหัว มีโต๊ะขั้นสองโต๊ะ
ระยะห่างที่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่กลับมองเห็นหน้าของหลิน ฟางหัวได้อย่างชัดเจน
ดวงหน้านั้นขาวใสงดงาม แม้แต่สาวๆในชุนชนต้าย่วน แห่งเยนจิงยังเทียบไม่ติด
ผมเปียทั้งสองข้างที่วางอยู่ตรงหน้าอกของเธอ ทําให้ เธอมีกลิ่นอายเงียบสงบยิ่งกว่าช่วงเวลากลางคืน
เสื้อสีฟ้าตัวโคร่งบนตัวของเธอ ไม่ได้ทำให้เธอดูอวบ อ้วนแต่อย่างไร กลับกันยิ่งขับให้เอวของเธอบอบบาง เป็นพิเศษ
หัวใจของเส้าเฉินเริ่มต้นแรงโดยที่ไม่รู้ตัว ความรู้สึกบาง อย่างใกล้จะควบคุมเอาไว้ไม่ได้
หลินฟางหัวรู้สึกแปลกๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็สบสายตา เร่าร้อนของเขาในทันที
เส้าเฉินไม่หลบ ตรงกันข้ามกลับขยิบตาให้เธอ
–ป่วยหรือไง!
หลินฟางหัวจำได้ว่าเป็นคนในคืนนั้น จึงถลึงตาใส่เขา
ถ้าเป็นคืนนั้น เธอคงไม่กล้าทำอย่างนี้แน่
แต่ตอนนี้เห็นแจ่มแจ้งว่าเขาอยู่ในชุดทหาร จึงมั่นใจว่า เขาไม่ใช่คนไม่ดีแน่ และไม่ใช่พวกเดียวกันกับหลี่ต้าเกน ความกล้าของหลินฟางหัวจึงมีมากขึ้น
ตอนแรกนึกว่าเขาจะหยุดแค่นี้ ทว่าสิ่งที่ทำให้หลินฟาง หัวนึกไม่ถึงก็คือ เขาไม่เพียงแค่ไม่หลบสายตา ยัง ก วใส่เธอ
ท่าทางขี้เก๊กทำให้หลินฟางหัวแทบสำลัก สุดท้ายเธอก็ เลือกเมินเขาให้รู้แล้วรู้รอด โดยการก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยว ในชามอย่างเป็นเอาตาย
เส้าเฉินกระตุกมุมปากขึ้นอย่างอารมณ์ดี ขนาด ก๋วยเตี๋ยวที่ปกติไม่ค่อยชอบกินยังรู้สึกว่าอร่อย
“พี่เฉิน ไม่เข้าไปทักหน่อยเหรอ?” เจียงเห้าหรานคาบ ตะเกียบ เอ่ยถามเสียงอู้อี้
เส้าเฉินเหลือบตามอง “นายจะไปรู้อะไร ฉันนี่แหละ คนจริงจัง”
เจียงเห้าหรานแทบคายเส้นที่กินเข้าไปออกมา
คนจริงจัง?
คนจริงที่ไหนจะเอาแต่นั่งจ้องลูกสาวคนอื่นแบบนี้?
แต่ย้อนกลับมาว่ากันอีกที พอได้ยินว่าสาวน้อยสยอง ขวัญอยู่ที่นี่ เส้าเฉินก็ขับรถตามมาที่เขตเฉิงหนานทั้งๆที่ยังไม่ได้กินข้าว หลังจากถามคนขายของแถวนั้นว่าเธอ ไปที่ไหน ก็เดินถามหาเธอมาตลอดทาง จนในที่สุด ก็ตามมาจนเจอ
ลงทุนลำบากขนาดนี้ แค่เพราะอยากมานั่งมองสาวน้อย สยองขวัญคนนั้นนี่นะ?
เจียงเห้าหรานไม่อยากจะเชื่อ
“มองอะไร ถ้าฉันเข้าไปหา มันจะไปต่างอะไรกับ อันธพาลที่พรวดพราดเข้าหาผู้หญิง? ฉันจะบอกอะไร ให้นะ ที่นี่ไม่ใช่เยนจิง นายเก็บความคิดสกปรกไปได้ เลย! ”
เส้าเฉินสั่งสอนเจียงเห้าหราน ขณะที่ดวงตาทั้งสอง ข้างกลับจดจ้องหลินฟางหัวไม่ละสายตาไปไหน และไม่ แม้แต่จะกะพริบตา
เจียงเห้าหรานรู้สึกน้อยใจ แต่ก็ไม่กล้าเถียงอะไรกลับ
ไปสักคำ
ใครกันกล่าวไว้ว่าตั้งแต่เด็กจนโต เด็กในชุนชนต้าย่วน แห่งเยนจิงไม่เคยมีใครงัดข้อชนะเส้าเฉินเลยสักครั้ง?
เขาเห็นด้วย!
ในตอนที่เขากำลังยัดเส้นเข้าปากอย่างน้อยใจและ หิวโหย จู่ๆเส้าเฉินก็ลุกขึ้นไปจ่ายเงิน
ไม่รู้ว่าเส้าเฉินไปพูดอะไรกับป่าเจ้าของร้าน ป่าแกถึงได้ หันไปมองทางหลินฟางหัวทีหนึ่งแล้วพยักหน้ายิ้มๆ
“ไปได้แล้ว”
เส้าเฉินปรายตามองเจียงเห้าหราน แล้วเดินนำไปก่อน
“พี่เฉินเกินไปแล้วหรือเปล่า ผมยังกินไม่หมดเลยนะ! ”
เจียงเห้าหรานยกซดน้ำซุปคำสุดท้ายเข้าปาก จากนั้นก็ เดินตามเส้าเฉินไปพร้อมกับบ่นขมุบขมิบ
ในตอนนี้ เอง หวังต้าถึงก็เพิ่งกินหมด
เขาลุกขึ้นส่งเสียงว่า “ป้า เก็บเงิน”
ป้าขายก๋วยเตี๋ยวรีบเดินเข้ามา หยุดสายตาไว้ที่หลิน ฟางหัวเพียงชั่วแวบจากนั้นก็พูดยิ้มๆออกมา “วันนี้เป็นวัน เกิดครบรอบห้าสิบปีของสามีฉัน ดังนั้นเลยให้ลูกค้าที่มา กินก๋วยเตี๋ยวห้าสิบโต๊ะแรกกินฟรีทั้งหมด เมื่อกี้พวกคุณ เป็นโต๊ะที่ห้าสิบพอดี เพราะฉะนั้นฉันไม่เก็บเงินหรอก”
“ห้า? ไม่เก็บเงิน?”
หวังต้าถึงเบิกตากว้างอย่าตกใจ แค่มากินข้าวก็ยังเจอ เรื่องดีๆแบบนี้เหรอ?
“ใครๆเขาก็ถือเรื่องเลขมงคลกันทั้งนั้นแหละน่า! พวก คุณไปเถอะ ฉันไปต้อนรับลูกค้าก่อน! ” พูดจบ ป้าขาย ก๋วยเตี๋ยวก็ไปต้อนรับลูกค้าคนอื่น
จนกระทั่งเดินมาถึงรถม้า หวังต้าถึงก็ยังกระดึ๊กระด๊าไม่ หาย “วันนี้โชคดีมากเลย ไม่เพียงแค่ได้เงิน แถมยังได้ กินข้าวฟรีอีก!
“ใช่ๆ” หวังซูอิงพยักหน้าเสริมอยู่ข้างๆ
หรือสวรรค์เห็นแล้วว่าเมื่อก่อนเธอลำบากแค่ไหน เลย ชดใช้ให้เธอหรือเปล่า?
“แม่ ฉันลืมหยิบผ้าเช็ดหน้ามาด้วย พากันรออยู่ตรงนี้ ก่อนนะ! ”
หลินฟางหัวคลำกระเป๋าอยู่สักพักก็เอ่ยปากพูด ไม่รอ ให้คนอื่นๆขานรับเธอก็ข้ามถนนกลับไปที่เดิม
ถ้าเป็นชาติก่อนร้านอาหารจัดกิจกรรมให้กินฟรีเธอก็ เชื่ออยู่หรอก แต่ว่าในสมัยทศวรรษ80 ข้าวยากหมาก แพงแบบนี้ มันไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
“ป่า วันนี้วันเกิดสามีป่าจริงหรือ?”
เมื่อเดินมาถึง หลินฟางหัวก็เอ่ยถามอย่างสงสัย
ป้าขายก๋วยเตี๋ยวไม่ได้ตอบคำถามเธอ แต่กลับพูดโน้ม น้าวว่า “หนุ่มทหารที่มากินก๋วยเตี๋ยวเมื่อกี้นี้คือคนรักของ เธอสินะ เห็นแก่ที่เขาเอาใจใส่ขนาดนั้นเธอก็อย่าไป โกรธเขาเลยนะ………
“ว่าไงนะ?” หลินฟางหัวทำหน้างุนงง
แต่ป้าขายก๋วยเตี๋ยวกลับคิดว่าเธอยังโกรธทหารหนุ่มคน นั้น ในที่สุดก็เลือกพูดความจริงออกมา “เมื่อสักครู่ทหาร หนุ่มคนนั้นบอกฉันว่าเธอคือคนรักของเขา เนื่องจากช่วง นี้เขามีภารกิจค่อนข้างเยอะเลยลืมวันเกิดของเธอ บอก ว่าอยากเลี้ยงข้าวเธอแต่ก็กลัวว่าเธอจะโกรธและปฏิเสธ เขา เพราะอย่างนั้นเขาจึงทำได้แค่ใช้วิธีนี้เลี้ยงข้าวพวก เธอ นานๆทีจะเจอชายหนุ่มที่เอาใจใส่ขนาดนี้ เธอก็รีบๆ คืนดีกับเขาซะเถอะนะ……….
หลินฟางหัวกัดฟันกรอด
กล้ามาทำให้ชื่อเสียงของเธอเสียหาย เธอไม่อัดหน้า เข้าให้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว!
ถึงแม้ว่าชื่อเสียงของเธอจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็เถอะ
เห็นทีว่าหลังจากนี้เธอต้องอยู่ให้ห่างไอ้ทหารขี้เก๊ก ท่าทางเจ้าชู้นั่นซะแล้ว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ