บทที่8
‘คิดจะทำให้ข้าหัวหลุดจากบ่าหรืออย่างไร
ใยนางจะไม่รู้กฎของวังหลวง ทุกสิ่งของฮ่องเต็มีค่ามาก นัก แม้แต่เส้นผมที่หลุดร่วง พระสนมคนใหม่รีบจัดเสื้อผ้า ให้เรียบร้อยก่อนจะรีบก้าวออกไปยังห้องชั้นนอก ร่างบาง ก้าวไปหยุดยืนตรงหน้าของวันทีหนุ่มที่ยืนถือถาดทองคํา อยู่ตรงหน้า ก่อนจะย่อกายหมอบ
“ถั่วเชียงขอให้ฝ่าบาททรงพระเจริญหมิ่นปี ๆ เพคะ”
ก่อนจะยกมือขึ้นสูงเพื่อรอรับถาดน้ำชาพระราชทานโดย ไม่ได้เงยหน้า กงกงถึงกับหมอบตัวสั่นงันงก รวมทั้งเหล่า นางกำนัลในตำหนัก เวลานี้ ทุกคนหมอบต่ำอยู่ที่พื้น มี เพียงผู้มาเยือนทั้งสามเท่านั้นที่ยังคงยืนเด่นอยู่กลางห้อง พร้อมสิ่งของพระราชทานในมือ
ขันทีหนุ่มวางถาดลงยังมือบางของเต๋อเฟย ก่อนที่ตัวเขา จะก้าวขาถอยหลังไป แล้วโค้งคำนับค้างไว้เพื่อรอเจ้าของ กําหนักลุกขึ้น
พระสนมถั่วเชียงนำถาดลงมาถือในระดับอก ก่อนจะลุก ขึ้นโดยมีนางกำนัลมาช่วยพยุง เมื่อยืนได้แล้วสายตาได้มองไปยังขันทีที่นำน้ำชามามอบให้ด้วยความขุ่น เคือง
“เจ้ากลับไปได้แล้ว ทูลฝ่าบาทด้วยว่า ข้ามีความยินดีมาก ที่ทรงมีพระเมตตา ประทานน้ำชามาให้
“ทูลพระนาง ฝ่าบาทยังทรงมีรับสั่งให้นำแพรพรรณและ เครื่อง
ประดับสําหรับงานเลี้ยงมามอบแด่พระนางด้วยค่ะย่ะ ค่ะ” ขันทีหนุ่มหันไปรับถาดจากมือของนางกำนัล ก่อนจะ ก้าวไปยืนมิห่างจากเจ้าของตำหนัก พระสนมถั่วได้ให้นาง กํานัลเข้าไปรับถาดจากมือของกงกงหนุ่มและนางกำนัลอีก คน
“ฝ่าบาททรงมีรับสั่งถึงพระสนมด้วยพ่ะย่ะค่ะ
“ทรงรับสั่งว่าอย่างไร รีบบอกมา อย่ายื้อเวลาให้มาก ให้ รู้จักว่าข้ามิใช่เพื่อนเล่นของเจ้า และเวลานี้ ข้าก็มีสิ่งที่ต้อง ทําอีกมาก”
ถั่วเต๋อเฟยอยากขับไล่อีกฝ่ายให้ไปจากตำหนักของนาง ยิ่งนัก เวลานี้ นางไม่พร้อมพบหน้าผู้ใด ขันที่หนุ่มยกมือคำนับพระสนมคนงามอีกครั้ง ก่อนจะขยับเข้าใกล้ใน ระยะที่ไม่เป็นการล่วงเกินมากจนเกินไป
“บนกระดานขาดเบี้ยที่ดีเมื่อใด ย่อมทำเสียสมดุลเอาได้ กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
นทหนุ่มกล่าวจบจึงได้ขยับถอยหลังออกห่างพระสนม คนใหม่หลายก้าว ก่อนจะพากันทำความเคารพแล้วหมุน กายจากไปอย่างรวดเร็ว
มือบางสั่นระริกด้วยอารมณ์ที่ปนเปกันหลายแบบ เท้าบาง หมุนกายก้าวเข้าไปยังห้องชั้นใน ก่อนที่จะวางถาด ชาลง บนโต๊ะ สายตาจ้องอยู่ที่ฝาถ้วยชาด้วยการหยั่งใจตนเอง ว่าสมควรจะเปิดมันออกหรือปล่อยไว้เช่นนั้น นางมิได้โง่ งมจนมิรู้ความในคำพูดของฮ่องเต้แห่งชีเป่ย ชายผู้นี้กำลัง เอ่ยท้าทายนางอย่างโจ่งแจ้ง
แล้วเราจะได้รู้กันในมิช้า ฝาบาท หึๆ
“ทูลพระสนม กระหม่อมไม่รู้จริงๆ ว่าฝ่าบาททรงประทาน ของมามอบให้แด่พระนาง
อี้กงกงโค้งตัวต่ำอยู่นอกม่าน เขาเจ็บใจจนเกินบรรยายที่ทําอะไรนทีหนุ่มมิได้ าตัวเขาอาจถูกลงทัณฑ์ จากคนด้านใน ซึ่งตอนนี้ไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้ว่า พระนาง ทรงกำลังกรุ่นโกรธเป็นที่สุดกับเรื่องที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่นี้
“เอาเถอะ ให้มันจบๆ ไปเสีย ข้าไม่อยากฟังคำแก้ตัวจาก ใครทั้งนั้น พวกเจ้าออกไปได้แล้ว ข้าอยากอยู่คนเดียว”
หญิงสาวจําต้องเอ่ยตัดบทออกไป เพราะนางยังจําเป็น ต้องใช้งาน
อี้กงกงอีกมาก นางจะไม่ทำให้เบี้ยสำคัญหายไปแม้แต่ตัว เดียว เพียงเพราะก้อนหินที่ปามาตกในกระดานหมากของ นาง แค่ปัดมันทิ้งไปเสีย เพียงเท่านี้ก็จะมีเพียงหมากที่นาง วางไว้เท่านั้นบนกระดาน
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ พระนาง”
เมื่อกล่าวจบ อี้กงกงพร้อมทั้งเหล่านางกำนัลต่างทำความ เคารพผู้เป็นนาย ก่อนจะพากันขยับล่าถอยออกจากห้องไป อย่างรวดเร็ว และเงียบกริบราวไร้การมีอยู่ของทุกคน
ร่างบางยังคงยืนนิ่งกับที่อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะขยับกายลง นั่งย้งที่เดิม
ก่อนออกไปรับน้ำชาพระราชทานเวลานั้น นางนึกทบทวน ถึงคําพูดที่ผู้เป็นใหญ่ฝากมาให้แก่นางอีกครั้ง
รอยยิ้มอย่างมีความในได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้างาม ก่อนที่ มือบางเอื้อมไปยกถ้วยชาที่ยังคงอุ่นเพียงเล็กน้อย พร้อม กับเปิดฝาออก ขยับถ้วยชา ค่าเข้าชิดใบหน้าเพื่อให้รับ รู้ถึงไออุ่นและกลิ่นหอมละมุนของน้ำสีอำพันในถ้วย ทว่า ดวงตากลับต้องเบิกกว้าง ด้วยความตกใจเมื่อมีสิ่งแปลก ปลอมอยู่ภายในถ้วย
หี ๆ ขาเข้าใจถูกสินะ
หญิงสาวเหยียดยิ้มด้วยความผยองในความหมายที่คาด เดาเอาไว้ก่อนหน้าเมื่อเห็นสิ่งที่ถูกมอบมาให้ ถั่วเชียง อยากที่จะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดัง ๆ ยิ่งนัก ชายผู้นี้ แม้จะเก่งกาจเพียงใดก็ยังเป็นรองนางอยู่ดี แม้จะส่งหมาก มาให้เสมือนเป็นการข่มนาม ทว่า นางมิใช่สตรีโง่งมเช่น บรรดาสนมนางในผู้อื่นของชีเป่ย นางคือสตรีผู้จะเป็นใหญ่ เหนือใต้หล้า และเป็นผู้กุมชัยในหมากกระดานนี้เท่านั้น
หมากของข้าเสมอ ฝ่าบาท ส่วนพระองค์จะทรงมีขุนพล มารุกฆาตข้ารึไม่เท่านั้นเอง หึๆ
คณะของอ๋องน้อย
โม่หยวนฟางพร้อมสหายทั้งสองได้เดินหลบหายไปยัง อีกด้านของทุ่งหญ้า เมื่อลับจากสายตาของคนในคณะแล้ว ร่างสูงของโม่หยวนฟางได้ทรุดลงกับพื้นหญ้า โดยมีถง เหยียนเจี๋ยและหลงเป่า ต่างรีบคว้าพยุงเอาไว้มิให้ใบหน้า หล่อเหลาของอ๋องน้อยกระทบพื้นดิน
“ท่านอ๋องน้อย เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
“อึก! ข้าไม่เป็นไร อย่างกังวลไป หลงเป่า
“ยังจะปากดีอีกรึ หยวนฟาง เจ้าฝืนตนเองมากเกินไปแล้ว ร่างกายเจ้ามิใช่หินผาที่จะไร้เทียมทาน
“ว่าแต่ตัวข้า เจ้าเองก็ไม่ต่างกันสักเท่าใดนัก
หลงเป่ามิได้ลดความกังวลเลยแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินสิ่งที่ ผู้เป็นนายทั้งสองพูดคุยกัน ณ เวลานี้คงมีแค่เขาเท่านั้นที่มี ความพร้อมทางร่างกายมากที่สุด หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก
ชายหนุ่มทั้งสองพยุงโม่หยวนฟางไปยังโคนต้นไม้ เพื่อ ให้ชายหนุ่มได้พักร่างกายที่อ่อนล้าจนแทบเรียกว่าขีดสุด แล้วในตอนนี้ ทว่า โม่หยวนฟางจำต้องฝืนทุกขีดจํากัด ของร่างกายตน เพื่อเป็นเสาหลักให้แก่ผู้ติดตามทั้งหมดใน คณะ
“อย่าทําหน้าเช่นนั้น หลงเปา ข้ายังไม่ตายในตอนนี้ แต่ หากในหนทางข้างหน้าต่อจากนี้ ข้าคงต้องฝากชีวิตของ ทุกคนไว้ในมือของเจ้า
“ท่านอ๋องน้อยอย่าได้เป็นกังวลไป หลงเป่ามิเคยทรยศต่อ ราชวงศ์และท่านอ๋องน้อยเลยสักครั้ง นับจากนี้โปรดวาง พระทัย ข้าจะให้สิ่งใดมาทําอันตรายต่อนายของข้าได้ แม้แต่ผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ารู้ ขอบใจสกุลหลงยิ่งนักที่ภักดีต่อแผ่นดิน ขอบใจเจ้า มาก สหายข้า”
ในสายตาคนทั่วไปนั้น สกุลหลงเป็นเพียงสกุลขุนนางเล็ก ๆ อำนาจมิได้มีมากเช่นเหล่าขุนนางใหญ่ ทว่าแท้จริงนั้นมี เพียงไม่กี่คนที่รู้ว่า สกุลหลงคือหนึ่งในหมากสำคัญที่ซ่อนตัวอยู่ในซอกเหลือบเพื่อเป็นกอง กำลังที่ขาดมิได้ในสงคราม ซึ่งเปรียบดั่งคลื่นใต้น้ำที่คอย เคลื่อนไหวอย่างเงียบงันมาตลอดหลายปี
“ท่านอ๋องรักษาอาการบาดเจ็บก่อนเถอะขอรับ หากปล่อย ไว้นานกว่านี้อาจเป็นผลดีเท่าใดนะขอรับ
“ฮี! ข้ามีสิทธิ์ล้มในเวลาเช่นนี้
ในขณะที่โม่หยวนฟางและหลงเป่ากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ถงเหยียนเจี๋ยเองกำลังปรุงยาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของ พี่ชายภรรยาด้วยใบหน้าอันเคร่งเครียด
“เจ้ามีสิทธิ์ล้ม หยวนฟาง แต่ไร้สิทธิ์ที่จะตาย เข้าใจไม่ ถงเหยียนเจี๋ยเปรยอย่างอ่อนอกอ่อนใจในความรั้นของ สหายรัก
“ฮา ๆ ข้ายังตายไม่ได้จริง ๆ อย่างว่าสินะ เพราะข้ายังมิได้ เห็นหน้าหลาน ๆ ของข้านี่นะ”
“แน่นอน และข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้าผิดหวังเป็นอันขาด สหายรัก ฮาๆ
เสียงหัวเราะของชายหนุ่มทั้งสามดังก้องทั่วบริเวณ เสมือนความเจ็บปวดทางร่างกายมิอาจแตะต้องถึงจิตใจ ของบุรุษทั้งสามได้เลย เสียงพูดคุยกันอย่างออกรส ทำให้ คนที่แอบอยู่มิไกลถึงกับมีน้ำใส ๆ คลอหน่วยด้วยความ ปลื้มปีติยิ่งนัก ก่อนที่ร่างระหงจะค่อย ๆ ก้าวจากไปอย่าง แผ่วเบา
“ข้าจะทำให้พวกท่านผิดหวังเช่นกัน
โม่ฟางเล่อรู้สึกตื้อตันไปทั้งอกเมื่อเห็นภาพพี่ชายล้มลง แม้นางจะมองไม่เห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบ้างต่อจากนั้น เพราะ จุดที่นางแอบซ่อนอยู่ทำได้เพียงฟังการสนทนาของคนทั้ง สาม ทว่าเพียงแค่นี้ มันก็มากพอแล้วสำหรับการตัดสินใจ ของนาง
เมื่อลับร่างบางไปแล้ว ชายหนุ่มทั้งสามต่างมีสีหน้าอัน เปลี่ยนไปในทันใด พวกเขารับรู้ว่ามีคนแอบซุ่มอยู่ ทว่า มัน ช้าเกินไปเสียแล้วที่จะปิดบังเรื่องอาการบาดเจ็บ พวกเขา จำต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น เพราะ ทุกคำพูดและการกระทำนั้น มันกลั่นออกมาจากใจของ พวกเขาเช่นกัน
‘เจ้าเติบโตแล้วน้องพี่ จากนี้ ทุกอย่างอยู่ที่มือของเจ้าจะ ลิขิตมันขึ้นมา
โม่หยวนฟาง มด้วยความสุขใจ เพราะหากเวลานี้ เขามิ อาจรักษาลมหายใจของตนเองเอาไว้ได้แล้วจริง ๆ น้อง สาวเพียงคนเดียวก็จะปลอดภัยภายใต้ปีกของสหายรัก และตัวของนางเอง สำหรับเที่ยวบ้านนั้น แม้เขาจะรักนาง มากเพียงใด ทว่าหากโชคชะตานำพาความพลัดพรากมาสู่ เขาและนางแล้วนั้น ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็มิอาจฝืน
ถงเหยียนเจี๋ยยังคงนิ่งงัน ดวงตาที่เยือกเย็นจนยากที่ใคร จะอ่านออกได้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดสิ่งใดอยู่ในเวลานี้ มือ หนายังคงบดยาด้วยความสม่ำเสมอของน้ำหนักที่กดลงไป ยังถ้วยใบเล็ก เมื่อครู่ ชายหนุ่มเพิ่งยื่นยารักษาให้ไม่หยวน ฟางดื่ม ก่อนที่เขาจะหันมาทำการบดสมุนไพรเพื่อสมาน แผลภายนอกให้แก่สหายอีกอย่าง มีหรือเขาจะไม่รู้สึกสิ่ง ใด เมื่อรู้ถึงการมาของภรรยา
“พี่มิน่าให้เวลาของเราเลยผ่านมานานเช่นนี้เลย เล่อเล่อ’
ถงเหยียนเจี๋ยทำได้เพียงรำพันอยู่ภายในใจ เขาพลาด โอกาสของวันคืนหวานชื่นกับภรรยาไปถึงสองปี หากเขากล้าที่จะบอกกับนางก่อนหน้า ทุกอย่างคงไม่เป็นเช่น ตอนนี้
“เจี้ย ทุกอย่างไม่มีคำว่าสายไปสำหรับการเริ่มต้น” ไม่ หยวนฟางโพล่งออกมาราวกับนั่งอยู่ในใจสหาย
“เจ้ารู้ใจข้ามากไปแล้ว หยวนฟาง”
ท่านอ๋องน้อยขมวดคิ้ว พานคิดไปว่าสหายรักประชดตน “ข้ามองผิดไป
“ข้ารักนางมากยิ่งนัก เจ้าเข้าใจถูกแล้ว”
จบคำพูดของถงเหยียนเจี๋ย ชายหนุ่มทั้งสามต่างตกสู่ ภวังค์ของตนเองในทันที เพราะพวกเขาทั้งสามต่างมี พันธะที่เก็บซ่อนอยู่ในใจโดยที่มิอาจเอ่ยออกมาเป็นคำพูด ได้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ