บทที่4
หรูอี้ดึงกระบี่สั้นที่ข้างเอวออกมาถือไว้ในมืออีกข้าง ร่าง บางยกอาวุธด้านหน้าสูงระดับสายตา ส่วนมืออีกข้างวาด ไปทางด้านหลังในระดับต่ำ เพื่อป้องกันตัวจากทั้งสองด้าน เท้าบางค่อย ๆ เคลื่อนอย่างช้า ๆ และแผ่วเบา หญิงสาวจำ ต้องเปิดประสาทการรับรู้ให้มากกว่าปกติ
มิใช่เพียงหญิงสาวแต่ฝ่ายเดียวที่ทำ ชายหนุ่มในชุดดำ เองก็ทำเช่นเดียวกัน เขาไม่คิดว่าการบุกเข้าจู่โจมในวันนี้ จะเกิดฝนตกลงมาได้ ต่อให้อยากที่จะเปลี่ยนแผนการก็มี อาจทำได้ คำสั่งเด็ดขาดจากผู้เป็นนายค้ำคอเขาอยู่ในตอน นี้ หากคนเหล่านี้ไม่ตายก็เป็นพวกเขาก็ต้องตาย
การต่อสู้ทางด้านรถม้า
เวลานี้ ต้วนลี่กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ดวงตาฉายแวว คับแค้นจดจ้องผู้ประมือไม่วาง
เจ้านั่นอาศัยอายุยังน้อยฉวยโอกาสกับข้าสินะ
เรียกว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ เขาเสียเปรียบในหลาย ๆด้านเกินไปแล้ว มิว่าจะอายุหรือแม้แต่พื้นที่ในการรับมือ เขาไม่อาจปล่อยให้เจี่ยเต๋า เข้าใกล้รถม้าได้เป็นอันขาด จึง ทำให้รับมือได้อย่างไม่เต็มที่มากนัก
หากคืนนี้กำจัดชายหนุ่มไม่ได้ ทั้งยังมีใครในคณะรอดไป ได้ ตัวเขาและนายหญิงจะต้องมปลอดภัยเป็นแน่ เขาจํา ต้องขัดคําสั่งของผู้เป็นนายเรื่องของเยวค้ง ต้องให้ชายผู้ นั้นตายเท่านั้น ทุกอย่างจึงจะเรียกว่าปลอดภัย
ลมที่พัดสายฝนโหมกระกระหน่ำจนรถม้าโยกสั่นไหว ทำให้หญิงสาวที่เพิ่งเคลิ้มหลับไปเพียงเล็กน้อยถึงกับ สะดุ้งตื่น เปลือกตาค่อย ๆ ขยับเปิดขึ้นทีละน้อย ก่อนที่ร่าง งามจะลุกขึ้นนั่ง ทั้งยังขยับชิดขอบหน้าต่าง มือบางแง้ม ม่านที่ถูกดึงเอาไว้อย่างดีออกเล็กน้อยเพื่อดูสถานการณ์ ทางด้านนอก
“อ๊ะ! นี่มันอะไรกัน ยังไม่จบอีกรี อ่อนหัดเสียจริง”
เงาเลือนรางด้านนอกทำให้หญิงสาวรู้สึกขัดใจเป็นอย่าง มาก ที่คนของนางยังไม่อาจล้มศัตรูลงได้อย่างที่ต้องการ หลังจากกำจัดทุกคนหมดแล้ว จะมีเหลือเพียงเยว่คังที่นาง สั่งให้เขารอดชีวิตเพียงหนึ่ง แผนการเป็นสตรีผู้เคียงข้าง ของนางจะเป็นอย่างสวยงาม
บุรุษจิตใจดีเช่นเยวคัง เขาจะไม่มีทางทนเห็นนางถูก คนร้ายรังแกได้เป็นแน่ การช่วยเหลือเยี่ยงวีรบุรุษของเขา จะเข้าสู่แผนการของนางโดยมิต้องออกแรงบังคับ เมื่อคิด ได้เช่นนั้น ความสุขสันในหัวใจของหญิงสาวก็เพิ่มขึ้นเป็น เท่าทวีคูณ
อี้เหมยกกระชับเสื้อคลุมตัวยาวให้แน่นขึ้น ก่อนจะซัด ฝ่ามือไปยังอีกฝั่งของรถม้าด้วยพลัง ตรเพียงสองส่วน ผนังรถม้าก็หลุดเป็นช่องให้นางออกไปได้
“ข้าจะทำให้ท่านสยบแก่ข้า เยวคัง
หญิงสาวก้าวลงจากรถม้ายังฝั่งที่ไม่มีการต่อสู้ แม้ ร่างกายเริ่มเปียกโชกไปทั่ว ทว่า หญิงสาวกลับไม่ได้ใส่ใจ เรื่องพรรค์นั้นเลยสักนิด เป้าหมายของนางย่อมสำคัญกว่า
ร่างงามก้าวหายไปท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำอย่าง
มิขาดสาย
ทุ่งหญ้าชายป่า
ไม่ลังเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว เสมือนสายฝนและความมืดมิใช่อุปสรรคสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย ศัตรูมิได้ มีเพียงหนึ่ง ทว่ามีถึงห้าคนที่กำลังพยายามล้อมเขาเอาไว้ ตรงกลาง การฝึกหนักนับตั้งแต่รอดตายเมื่อครั้งในวัยเด็ก ทำให้มีหลายอย่างมิต่างจากนักฆ่า หรืออาจมีมากกว่าที่คน เหล่านั้นมีเสียด้วยซ้ำไป
‘คงมิใช่แค่ข้าคนเดียวสินะ ที่พวกมันตั้งใจจะเล่นงาน
โม่คังเชื่อในฝีมือของผู้ติดตามทั้งหมดว่าจะต้องปกป้อง หัวใจของเขา และทุกคนในคณะให้ปลอดภัยได้อย่าง แน่นอน คงมีแต่ตัวเขาในตอนนี้ที่ดูเหมือนจะหนักมือมิใช่ น้อย
ชายชุดดำทั้งห้าพยายามบีบล้อมเป้าหมายให้อยู่ตรง กลาง คำสั่งของนายหญิงคือห้ามให้เยวคังผู้นี้ถึงตาย ทว่า อีกคำสั่งจากท่านต้วนคือห้ามให้ชายหนุ่มรอด แต่มันมิ ง่ายอย่างที่คิดในคราแรก เมื่อฝีมือของชายหนุ่มมิธรรมดา พวกเขาก็ขอเลือกคำสั่งสุดท้ายคือ กำจัดซะ
‘อีก! แย่แล้ว จะมากำเริบอะไรกันตอนนี้
ไม่คังถึงกับใบหน้าถอดสีเมื่อเกิดสิ่งผิดปกติกับร่างกายอย่างกะทันหัน ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั้งร่าง ทำให้ไม่คังสั่นสะท้านไปทั้งกาย มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ที่รู้ความลับนี้ และมันกำลังทำให้เขาพบจุดจบของชีวิตเลย ก็เป็นได้
หึๆ ข้ายังมิทันได้ทวงสัญญาจากเจ้าเลย หรูอี้ ข้าอาจ ต้องจากเจ้าไปอีกครั้งและตลอดกาลก็เป็นได้
โม่คังรู้ตัวดีว่าเขายากที่จะเอาชนะคนทั้งห้าได้ในสภาพ เช่นนี้ แม้แต่จะหนีก็ยากที่จะทำได้
เคล้ง! ขวับ!
โม่กังหันไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการเพิ่ม ความเจ็บร้าวให้แก่ร่างกายของเขาเป็นเท่าทวีคูณ
หมับ!
ไม่คังรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายเพื่อที่จะให้หลุดพ้นจาก
การเกาะกุม
“ข้าเอง”
เสียงอันคุ้นเคยทำให้ใจของโม่คังอุ่นวาบขึ้นมาในฉับ พลัน ชายผู้ที่เขามิคาดฝันว่าจะติดตามมา ที่สำคัญ ไยเขา ถึงไม่รับรู้ถึงการติดตามมาของอีกฝ่ายกันเล่า
“เจ้าตามข้ามาตลอดเลย ไยมิอยู่กับอี้เอ๋อร์”
“ยังจะห่วงคนอื่นอีก อี้เอ๋อร์ นางมิได้เป็นแบบท่าน นาง ปลอดภัยแน่นอน แต่หากท่านกล้าที่จะตาย แล้วปล่อย นางเป็นหม้ายขันหมากอีกครั้ง ข้าจะตามไปสังหารท่านถึง ยมโลกเลยคอยดู”
“ไม่มีวันนั้นหรอก เพราะนางเป็นฮูหยินของข้าคนเดียว
“ฮิ! จะตายแล้วยังมาพูดดีอีก เอ้า! รีบกินยาซะ! เร่งปรับ ลมปราณ ส่วนที่เหลือ ข้าจัดการเอง”
ชายหนุ่มผู้มาใหม่กดร่างของโม่ดังให้นั่งลงกับพื้นหญ้า ที่เปียกชื้น เขาไม่อาจพาผู้เป็นนายฝ่าวงล้อมออกไปได้ใน ตอนนี้ พวกเขามีจำนวนคนที่น้อยกว่า อุปสรรคใหญ่หลวง คือสายฝนที่โหมกระหน่ำลงมาจนมิอาจมองฝ่าไปได้เลย แม้แต่น้อย
เสียงกระพรวนดังเป็นระยะให้รู้ว่าคนของเขายังคงมีชีวิต อยู่ เพื่อคอยป้องกันศัตรูให้แก่เขาและผู้เป็นนายอีกชั้น นับ ว่าคาดการณ์ทุกอย่างได้แม่นยำทีเดียว เรื่องอาการของผู้ เป็นนายที่อาจกําเริบขึ้นได้ ซึ่งมักจะกำเริบในทุกช่วงเวลา นี้ของทุกสองสามปี เขาจึงเลือกที่จะให้น้องชายปกป้อง ชายแดนแทนตนเอง เพื่อมุ่งติดตามผู้เป็นนายมาได้ทัน การณ์
เคล้ง!
“ข้ายังอยู่ อย่าแม้แต่จะคิด
ชายหนุ่มคำรามก้องด้วยน้ำเสียงดุดัน ทั้งยังแผ่รังสีแห่ง การฆ่าออกมาจนคนรอบกายรู้สึกได้ เขาจะไม่มีวันยอมให้ เกิดเรื่องร้ายขึ้นกับคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้ได้อีก เหตุการณ์ ในอดีตทำให้บรรดาเงาถูกมองว่าไร้ค่า
‘ในอดีตเจ้าป้ายความผิดให้เหล่าองครักษ์เงา ครั้งนี้เป็นที ของข้าที่จะประกาศให้ทั่วทั้งแผ่นดินรู้ถึงความชั่วช้าของ พวกเจ้าเช่นกัน
แม้จะถูกโจมตีอย่างหนัก ชายหนุ่มก็มคิดที่จะห่างกายผู้ เป็นนายเกินสองก้าว
ช่วงเวลาในการเดินลมปราณนั้นสำคัญยิ่งนัก หากพลาด แม้เพียงเสี้ยวนาที ความตายย่อมต้องมาเยือนผู้เป็นนาย อย่างแน่นอน
“ฝีมือไม่เบา แต่พวกเจ้ามันก็แค่สุนัขรับใช้สกุลโม่เท่านั้น”
“หึ ๆ สุนัขที่มิคิดแว้งกัดนายตัวเอง ย่อมมีเกียรติกว่าสุนัข บางตัวก็แล้วกัน”
ทั้งสองฝ่ายตะโกนโต้ตอบกันพร้อมการปะทะอันดุเดือด ฝ่ายตั้งรับก็แกร่งจนทำให้คนที่หมายเอาชีวิตหวาดหวั่นอยู่ ในใจ
ไม่ดังรวบรวมสมาธิ เพื่อให้พลังวัตรเร่งนําพายาที่เขา กินเข้าไปให้ไหลเวียนตามเส้นเลือด สิ่งที่เขาทําอยู่นับว่า อันตรายมากทีเดียว ทว่าก็มิอาจช้าได้ คนร้ายที่ไม่อาจคาด เดาพลังหรือจำนวนได้นั้น ทำให้พวกเขาตกเป็นรองอยู่มิ น้อย ตอนนี้ที่ล้อมรอบเข้ามีห้าคนและทางด้านที่พักเล่า มีอีกมากเท่าไหร่กัน
การต่อสู้ดำเนินไปเนิ่นนานเท่าไหร่แล้วนั้น ไม่คังมิอาจรู้ ได้ แต่บัดนี้ อาการเจ็บปวดของเขาได้บรรเทาลงมากแล้ว ชายหนุ่มไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป
หวู่จงรับรู้ถึงพลังของคนที่เขาปกป้องอยู่ ทําให้ชายหนุ่ม แทบอยากกระโดดเข้า…ให้ล้มคว่ำลงเสียในตอนนี้ เพราะ เขาเป็นทั้งสหายและองครักษ์ มีหรือจะไม่รู้ว่าผู้เป็นนาย กําลังจะทําสิ่งใด
“อยากตายนักรึไงกัน
“หลบไปซะ!”
ไม่ดังเอ่ยเสียงลอดไรฟัน เขามีเวลาที่จํากัดเหลือเกินกับ การใช้พลังนี้ ทว่าหากเขาปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป ไม่มีใคร จะบอกได้ว่าจะเกิดการสูญเสียอีกมากแค่ไหนหากยังลังเล อยู่
หรูจงส่งสัญญาณให้ผู้ติดตามคนอื่นถอยออกไป รวมทั้ง เขาที่กันคู่ต่อสู้ให้ออกห่างจากผู้เป็นนายให้ได้มากที่สุด
คนร้ายทั้งห้าคนต่างพากันย่ามใจ เมื่ออยู่ ๆ คนที่มาขัด ขวางต่างพากันถอยร่น ซ้ำยังทิ้งเป้าหมายของพวกเขาเอา ไว้อย่างน่าสมเพชยิ่งนัก
“ไม่มีคำว่าตายแทนสำหรับใครในยามนี้ ฮา ๆ เป็นผู้ใดก็ รักชีวิตตัวเองทั้งนั้น เช่นเดียวกับคนที่เจ้าหวังพึ่งพา คุณ ชายเยา
“ไม่ผิด…และพวกเจ้าเองก็มิควรประเมินผู้อื่นจนเกินไป เช่นกัน”
ชายชุดดำทั้งหมดถึงกับผงะเมื่อสิ้นคำพูดของโม่คัง ทว่า มันช้าไปเสียแล้วสำหรับชายชุดดำทั้งห้าที่มิอาจก้าวเท้า ถอยหลังได้อย่างต้องการ เมื่อน้ำฝนที่เจิ่งนองอยู่กลับ กลายเป็นน้ำแข็ง ตอกตรึงร่างของชายฉกรรจ์ทั้งหมดจนมิ อาจขยับเคลื่อนกายได้
“มันคือสิ่งใดกัน”
คำถามที่มิอาจได้รับคำตอบเกิดขึ้นกับคนร้ายทั้งหมดราย รอบกายไม่คัง ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะ เร่งเร้าพลังภายในให้ปลดปล่อยออกมาจนถึงขีดจำกัดของ ร่างกาย ทำให้สายฝนที่กระหน่ำลงมาเสมือนสวรรค์ถล่ม นั้น กลับกลายเป็นน้ำแข็งกินบริเวณกว้างเลยทีเดียว และ ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างมากก็คงหนีพ้นผู้ที่หวังเอาชีวิต ของเขาเอง
หรูจงได้แต่มองฝ่าสายฝนไปยังกลุ่มน้ำแข็งตรงหน้าด้วย หัวใจอันร้อนรุ่ม แม้ตัวจะยืนห่างออกมาอยู่มาก ทว่า ไอ เย็นจากพลังของผู้เป็นนายก็แผ่มาถึงตัวเขาอยู่นั่นเอง ผู้ ติดตามทั้งหมดต่างพากันเงียบเสียง ทุกคนต่างเร่งเร้าพลัง เพื่อเพิ่มความร้อนภายในร่างกาย ก่อนที่ความเย็นจะเกาะ กุมหัวใจจนถึงตาย
เมื่อหัวหน้าไม่คิดถอยห่างมากกว่านี้ พวกเขาก็ต้องหา ทางป้องกันตนเองเอาไว้ด้วยเช่นกัน แม้จะตื่นตกใจกับสิ่ง ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า แต่ทว่า พวกเขาก็มิคิดที่จะเอ่ยถามให้ เป็นที่ขุ่นเคืองใจของผู้เป็นนาย
คนร้ายทั้งหมดไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะรู้สึกถึงความเจ็บ ปวด เมื่อบัดนี้ หัวใจของทุกคนกลายเป็นน้ำแข็งไปเสียแล้ว
เหมันต์พร่างพรายช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว
สายฝนที่กลายเป็นน้ำแข็งบาดร่างของศัตรูที่ยืนนิ่งมิอาจ ขยับได้อีก แม้แต่ลมหายใจยังกลายเป็นไอเย็น ความรู้สึก ของทุกคนเหมือนกำลังอยู่ในห้วงสุดท้ายที่จะมีโอกาส มองสิ่งตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง
“พวกเจ้ายังมิรู้จักข้าดีพอ บทเรียนในชาตินี้ พวกเจ้าจง จดจำมันไปใช้ในภพหน้า ว่าอย่าเชื่อมั่นในตนเองจนเกินไป นัก”
โม่คังลุกขึ้นแล้วเอ่ยทิ้งท้ายกับคนทั้งหมด ซึ่งเขารู้ดีว่า พวกมันคงได้ยินอยู่บ้าง แม้ว่านับจากนี้จะหมดโอกาสได้รับ รู้สิ่งใดอีกต่อไปแล้ว
“อีก!”
โม่คังกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกัน กับคนที่คอยท่าอยู่ด้วยความเป็นห่วงพุ่งเข้าหาพร้อมปากที่ พร่ำบ่นด้วยความห่วงใยในตัวของเขา
“ไยต้องฝืนตนเองถึงเพียงนี้เล่า
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ