ภรรยาข้าเจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนั

บทที่1



บทที่1

กลางดึก ณ ลานหินข้างริมธาร

คณะของโม่คังได้ตั้งกระโจมพัก ชายหนุ่มร่างสูงยืนคู่อยู่ กับผู้ติดตามยังโขดหินข้างลำธาร สองมือไขว้หลัง ใบหน้า แหงนมองไปบนท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งแสงดาว

“ฝนกำลังจะตก ท่าทางจะหนักเอาการทีเดียว เจ้าช่วย บอกให้ทุกคนเตรียมข้าวของสำคัญเอาไว้ในรถม้าด้วยล่ะ

“ขอรับ”

“งูอาจเริ่มออกล่าเหยื่อ ระวังหน่อยก็ดี”

“หึ ๆ งฝูงนี้คงอยากจบชีวิตกระมัง”

“ไม่แน่เสมอไป ข้าแค่คาดเดา บางทีอาจถึงที่หมายของ ฝูงอสรพิษเสียก่อน และที่พวกมันจะออกมารัดเหยื่อเพื่อ กลืนลงท้อง ตอนนี้อาจรอเวลาให้เราหลับใหลอย่างสุขใจ ไปก่อนก็เป็นได้”
“เช่นนั้น เราก็หลับให้ยาว ๆ เสียหน่อยนะขอรับ ถึงที่ หมายแล้วค่อยเผสดงงูเสียเลยทีเดียว

ชายหนุ่มทั้งสองพูดคุยอย่างมีความนัยต่อกัน เพราะเวลา นี้ ทั้งคู่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่มิน้อย เมื่อถัดไป ณ ชั้น ตื้น ๆ ของนํ้าตก มีร่างขาวโพลนของสตรีกำลังแหวกว่าย หมุนกายไปมาท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงจากโคม ไฟซึ่งวางอยู่บนโขดหินส่องรำไร นางมิเกรงกลัวสิ่งใดเลย หรืออย่างไรกัน ยามนี้ดึกมากแล้ว ซ้ำยังเป็นเวลาที่สัตว์ อันตรายหลายชนิดออกหากิน

“มิธรรมดาจริง ๆ

นเยว่คังไปพักก่อนจะดีกว่าขอรับ ป่านนี้ นายหญิงคง รออยู่”

เสียงของผู้ติดตามดูจะดังขึ้นกว่าคราแรกหลายเท่าตัว เมื่อเอ่ยถึงหญิงสาวอีกคนที่ร่วมขบวนมาด้วย ตลอดการ เดินทาง มีใครบ้างที่จะดูไม่ออกว่า แม่นาง เหมยหมายตา ผู้นำขบวนอย่างเยวคังอยู่ หากปล่อยให้นางอยู่ใกล้หรูอี้ มากไป กลัวว่ามารยาสตรีที่อี้เหมยช่ำชองเป็นอย่างมากนั้น จะมีคำพูดที่ทำให้หลู่อี้คลางแคลงใจต่อผู้นำของพวกตน เอาได้
แม้หรู จะเฉลียวฉลาดในเชิงการต่อสู้มากเพียงใด ทว่า หญิงสาวกลับอ่อนด้อยในเรื่องที่สตรีพึงมีอยู่มาก คงเพราะ นับตั้งแต่เกิดเหตุร้ายกับองค์รัชทายาทและท่านอ๋องน้อย หรูอี้จำต้องฝึกฝนร่างกายอย่างหนัก ควบคู่กับการดูแล ท่านหญิงอยู่ลับ ๆ ในฐานะสาวใช้ มิค่อยได้รับการสนใจ มากนักจากผู้เป็นนาย

“นั่นสินะ…ป่านนี้ อี้เอ๋อร์คงรอข้าอยู่ ฝากเจ้าดูแลความ เรียบร้อยบริเวณนี้ด้วยก็แล้วกัน”

เมื่อกล่าวจบ ร่างสูงรีบหมุนกายจากไปในทันที ก่อนที่จะมี สิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้น โดยที่เขามอยากเสียเวลากับเรื่องไร้ สาระพวกนั้นมากเท่าใดนัก

“ท่านเยว่โปรดวางใจ”

หญิงสาวได้หยุดแหวกว่ายในลำธารในทันใด เมื่อชาย ที่นางหมายตาได้ก้าวจากไปโดยที่มิเหลียวแลนางแม้แต่ หางตา หญิงสาวทำได้เพียงมองตามร่างสูงที่หายลับไป ในความมืด เหลือทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายแห่งบุรุษเพศที่นาง ปรารถนา ดวงตาคู่งามฉายแววของความไม่พอใจเป็น อย่างมาก
สิ่งใดที่คนเช่นข้าต้องการ ข้าต้องได้

กำปั้นคู่งามทุบลงยังพื้นน้ำจนแตกกระเซ็นไปทั่วเวิ้งที่ นางยืนอยู่ ความขุ่นเคืองภายในใจทำให้อี้เหมยลืมอาการ หนาวสะท้านไปจนหมดสิ้น ไม่เคยมีครั้งใดที่บุรุษจะมอง ข้ามนางเลยสักครา ทว่า เยวคังผู้นี้และคนของเขากลับเมิน เฉยต่อความงามของนาง แต่กลับพากันใส่ใจกับสตรีจืดชืด เช่น

หรูอี้มากกว่านางที่ดูเย้ายวนกว่าหลายเท่านัก

“แม่นาง ข้ามิใช่บ่าวรับใช้ของเจ้า ถึงจะต้องคอยมาเฝ้า ดูแล หากอาบน้ำจนหนำใจแล้ว ได้โปรดกลับขึ้นมาได้แล้ว กระมัง”

“เจ้า…”

ชายร่างสูงไม่ได้สนใจว่าหญิงสาวจะพอใจเขาหรือไม่ เขา ทำเพียงหมุนกายออกจากจุดที่เคยยืนร่วมกับผู้เป็นนาย ทว่าชะงักเท้าหยุดลงเสียก่อน เมื่อรับรู้ได้ว่าหญิงสาวได้ ก้าวขึ้นจากน้ำแล้ว

“แม้ข้าจะเป็นบุรุษเต็มตัว แต่ข้ารู้จักดีว่าสิ่งใดมีค่าคู่ควรที่จะเก็บเอาไว้ข้างกายและทะนุถนอมมัน เจ้าเองก็ ด้วยนะแม่นาง ที่ควรรักษาสิ่งมีค่าเพื่อสามีในอนาคต มิใช่ เที่ยวแจกจ่ายให้แก่สายตาบุรุษอื่นไปทั่ว มันดูจะไม่งาม เท่าใดนัก หรือแม่นางเห็นเป็นเช่นไร โปรดชี้แนะผู้โง่เขลา เช่นข้าก็จะเป็นพระคุณยิ่ง

ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไปโดยมิได้หันกลับไปมองคน ด้านหลังว่า เวลานี้ นางอยู่ในสภาพใด ซึ่งมิว่านางจะเปล่า เปลือยหรือสวมใส่เสื้อผ้าอยู่ก็ไม่มีผลสําหรับเขา ซึ่งมิใช่ ว่าเขาไม่สนใจในสตรี แต่เพราะรู้ว่าใครที่ควรยุ่งเกี่ยวหรือ สมควรหลีกห่าง

อย่างเช่นในตอนนี้ อี้เหมยผู้นี้คือเผือกร้อนที่เขามิควรรับ มาไว้ในอุ้งมือ ไม่เช่นนั้นอาจได้รับความเจ็บปวดอันสาหัส จากนางก็เป็นได้

“บังอาจ เจ้ากล้าดียังไง ถึงได้เอ่ยวาจาจาบจ้วงข้าเช่นนี้ ๆ เจ้ามิกลัวหรือว่าข้าจะเรียกผู้อื่นมาร่วมเป็นพยานว่าเจ้า ได้เห็นในเรือนร่างของข้าจนหมดสิ้นแล้ว สุดท้ายแล้ว เจ้า อาจจําต้องเก็บของไร้ค่าไปเคียงกาย หากข้าเดาไม่ผิดแล้ว ละก็ ใจลึก ๆ ของเจ้านั้นก็ปรารถนามันอยู่กระมัง”

อี้เหมยมิพูดเปล่า เท้าบางในเสื้อคลุมบางเบาได้เดินอ้อมมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม พร้อมทั้งยิ้มยั่วยวน ท่ามกลางแสงสลัวจากโคมไฟในมือบางของหญิงสาว มือ บางอีกข้างที่ยังว่างอยู่วางทาบบนอกแกร่งหนาแน่น ก่อน จะค่อย ๆ เลื่อนลง

หมับ!

มือหนาคว้าจับข้อมือบอบบางเอาไว้ ก่อนที่มันจะเลื่อนต่ำ ลงไปยังส่วนที่ไม่สมควร น้ำหนักที่จับข้อมือนางมิหนักหรือ เบาไป ชายหนุ่มดันมือของหญิงสาวออกให้ห่างกาย ก่อน จะปล่อยออกเสมือนเป็นของร้อน แต่ถึงกระนั้น ใบหน้า หล่อเหลาก็ไร้ซึ่งความต้องการเฉกเช่นบุรุษโดยทั่วไป

“หึ ๆ หากเป็นข้าก็ยังดีกว่ามิใช่รึ แต่หากเป็น….

ชายหนุ่มปรายตาไปยังความมืดอีกด้าน พร้อมยกยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะก้าวจากจุดที่ยืนในคราแรกเพื่อกลับไปยังที่พัก โดยไม่ได้สนใจหญิงสาวที่ยืนถือโคมไฟอยู่ตรงหน้าแม้แต่ น้อย

หญิงสาวร่างกายยังเปียกชื้นภายใต้เสื้อคลุมตัวบาง หัน ไปตามทิศทางที่ชายหนุ่มมองก่อนจากไป ใบหน้าภายใต้แสงสลัวของโคมไฟคลี่ยิ้มเย้ายวนก่อนจะเปลื้อง ชุดคลุมออก รวมทั้งชุดเอี๊ยมด้านในที่เปียกชื้น เผยให้เห็น ผิวขาวนวลเนียน ก่อนที่มีอบางจะคว้าจับเสื้อผ้าที่แห้งขึ้น มาสวมใส่ อย่างเชื่องช้า

เป็นท่านใช่หรือไม่ ท่านเยว่ ในที่สุด ท่านก็อดใจไม่ไหว สินะ ถึงได้แสร้งเดินจากไปแล้วย้อนกลับมาหาข้า กายของ ข้าพร้อมมอบมันแก่ท่านยิ่งนัก

อี้เหมยคิดว่าบุรุษในความมืดคือชายที่นางหมายปอง นาง รู้ว่ามีบุคคลที่สามนับตั้งแต่ก่อนจะก้าวขึ้นจากน้ำแล้ว แค่ เพียงมิรู้ว่าเป็นผู้ใดเท่านั้นเอง ทว่าเมื่อชายหนุ่มที่ต่อคำอยู่ กับนางเอ่ยอย่างมีความนัยออกมา ก็เดาได้ว่าต้องเป็นคนที ชายหนุ่มคุ้นเคย คงเป็นผู้ใดไปมิได้นอกจากเยวคัง ผู้ที่นาง หมายตาเอาไว้เท่านั้น

กร๊อบ!

เสียงกิ่งไม้หักจากทางด้านหลัง ทำให้มือบางที่กำลังผูก สายคาดเอวชะงักเล็กน้อย เมื่อคนที่ซ่อนกายอยู่ได้ก้าว ออกมาแล้ว

“แม่นาง เหมย”
ขวับ!

ใบหน้าหวานพลันซีดเผือดลงในทันทีเมื่อเห็นคนที่ก้าว ออกมา แม้จะมีแสงเพียงแค่สลัว ๆ ทว่า นางก็เห็นชัดว่าคือ

ใคร

“จะ…เจ้า กรี๊ดดดด ไม่จริง!”

เสียงกรีดร้องของอี้เหมยทำให้หลู่อี้ที่เพิ่งเอนกายลงนอน ลุกพรวดขึ้นทันที มือบางคว้าอาวุธคู่กายหมายจะออกไป หาสตรีอีกคนของคณะเดินทาง

หมับ!

“นอน! อี้เอ๋อร์ อย่าใส่ใจผู้ที่คิดร้ายต่อเจ้าให้มากนัก นาง มิใช่สตรีไร้สามารถ

“ข้ามิได้โง่งมจนมิรู้สิ่งใด ท่านเยว่ แต่นางอาจกำลัง นํามากจริงนะเจ้าคะ”

“ฮี! ลำบากเช่นนั้น เด็กโง่ เจ้ามิรู้จักโตเอาเสียเลย เชื่อข้า เถอะว่านางปลอดภัยดี แค่นางคงกำลังผิดหวังเท่านั้นเอง นอน…นี่คือคําสั่ง เข้าใจรึไม่ หึม!”
มือหนากดไหล่บางให้เอนกายลงบนผ้ารองนอนเช่นเดิม หญิงสาวจําต้องทำตามชายหนุ่ม ด้วยผู้เป็นนายหญิงได้ กำชับมาหลายหนว่าให้เชื่อฟังผู้นำคณะเดินทางในครั้งนี้ อย่างเคร่งครัด นางเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ท่านหญิงมอบหมายมา ย่อมมีความสําคัญกว่าสิ่งอื่นใด

โม่ดังมองเลยผ่านกองไฟลุกโชน ไปยังร่างสูงที่กำลัง หย่อนกายลงนั่งยังอีกด้านของกองไฟ ก่อนจะหัวเราะใน นําคอเบา ๆ

ไม่คังเอนหันกลับไปยังหรูอี้ที่นอนหลับตานิ่ง ชายหนุ่ม ยิ้มละมุน เขารู้ดีว่านางยังไม่ได้หลับอย่างที่ตาเห็น มือหนา เอื้อมไปขยับผ้าคลุมขนสัตว์ผืนใหญ่จนชิดคอของหญิง สาว

ทุกการกระทำช่างอ่อนโยนต่อสายตาของทุกคนเหลือ เกิน ไม่เว้นแม้แต่ผู้มาใหม่อย่างอี้เหมย

หญิงสาวมองการกระทำของชายที่นางหมายปองด้วย ความขุ่นเคือง ก่อนจะสาวเท้าตรงไปยังรถม้าอันเป็นที่พัก ของนาง ซึ่งเยว่ดังเป็นผู้จัดการให้โดยมิยอมให้นางพักรวม กับหญิงสาวอีกคน
“กลับมาแล้ว อี้เหมย ลุงเป็นห่วงเจ้ายิ่งนัก ไยทำอะไร ตามใจเช่นนี้

“อย่าบังอาจมาตำหนิข้า จัดการแม่นกน้อยนั่นเสีย ข้าม อยากเห็นมันอีก”

อี้เหมยขยับเข้าใกล้ชายสูงวัย ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงลอด ไรฟันออกมาให้ได้ยินกันเพียงสองคน แล้วก้าวขึ้นไป ภายในรถม้า โดยไม่คิดเหลียวมองว่าคนที่รับคำสั่งจะรู้สึก เช่นไรหรือเต็มใจ ไม่ สําหรับนาง ทุกอย่างห้ามมีคําว่า “ไม่!!

ตัวนสี่ทําเพียงมองตามหลังผู้เป็นนายหญิง ก่อนจะหันไป ยังทิศทางของเป้าหมาย หญิงสาวผู้มีนามว่าหรูอี้ถูกล้อม รอบไปด้วยบุรุษทั้งคณะเช่นนี้ เขาจะทำอย่างไร นางถึงจะ อยู่เพียงลำพังได้เล่า

ไยนางช่างเหมือนมารดาของนางถึงเพียงนี้กันนะ

ชายสูงวัยทําได้เพียงส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย ก่อนจะก้าว ไปยังผ้าที่ปูเอาไว้ข้างรถม้าเพื่อหลับพักผ่อน

โม่คังแสร้งไม่เห็นการกระทำของสองลุงหลาน เขาทําเพียงเอนกายลงข้างหรูอี้ โดยใช้แขนทั้งสองข้าง ประสานกันใต้ท้ายทอย ก่อนจะหลับตาลงด้วยความ เหนื่อยล้า

สําหรับเขาแล้วมจําเป็นต้องนั่งถ่างตาเฝ้ายาม เพราะต่อ ให้เขาหลับตาอยู่เช่นนี้ก็สามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวรอบ กายได้เป็นอย่างดี

เสียงสัตว์ป่าหรือแม้แต่จิ้งหรีดพลันเงียบเสียงลง

กร๊อบ!

เสียงของใครบางคนก้าวเข้ามาใกล้ตัวเขาและหญิงสาว ทว่า ไม่คังยังคงนอนหลับตานิ่งมิไหวติง เขารู้แล้วว่าคือผู้

ใด

“ท่านเยว่ มีการเคลื่อนไหวขอรับ”

“งูออกหากิน หรือว่าเป็นพวกหมาในกัน

“ทั้งสองอย่างขอรับ
ชายหนุ่มพูดไป มือก็ผูกเชือกกับต้นไม้เพื่อกางผ้าใบกัน ฝนให้แก่โม่คังและหรูอี้ เสียงพูดคุยภายใต้ความเงียบ จํา ต้องควบคุมเอาไว้ให้ดี มิเช่นนั้น ผู้ที่คอยสอดแนมคงจะรู้ ความนัยจนหมดสิ้นเป็นแน่

โม่ค้งดีดตัวลุกขึ้นในสภาพงัวเงีย ก่อนจะไปช่วยผู้ ติดตามขึงผ้าใบกันฝน โดยก่อนที่จะลุกขึ้นมา เขาได้เอ่ย กำชับคนที่แสร้งหลับว่าห้ามลุกขึ้นมาเป็นอันขาด ดูจาก การเคลื่อนไหวรอบที่พัก ต้องเป็นมืออาชีพอย่างแน่นอน เพราะการที่ไม่บุกเข้ามาแต่พยายามหลอกล่อพวกเขาออก ไปแทน นั่นหมายความว่า คนพวกนี้ทําการประเมินฝีมือ พวกเขามาแล้วเช่นกัน

“ข้าปวดท้อง ขอออกไปปลดทุกข์สักครู่ก็แล้วกัน ฝากเจ้า เตือนทุกคนให้ระวังฝนเอาไว้ด้วย บรรยากาศเช่นนี้คงมถึง รุ่งสาง ฝนต้องเทลงมาอย่างหนักเป็นแน่”

“ขอรับบานเยว่ รอสักครู่ก่อนนะขอรับ

ชายหนุ่มรีบวิ่งไปคว้าคบไฟจ่อไปยังกองเพลิง ก่อนจะนำ กลับมาให้ผู้นำของตนติดตัวไปยังนอกที่พัก เพื่อทําธุระ ส่วนตัวอย่างที่ต้องการให้ผู้อื่นเข้าใจเช่นนั้น
โม่คังถือคบเพลิงเอาไว้ในมือ ในขณะที่ก้าวผ่านผู้ติดตาม ไปนั้น ชายหนุ่มได้เอ่ยบอกบางอย่างแก่คนของตน ไม่มีคำ พูดใด ๆ ให้มากความสำหรับพวกเขา เพราะเพียงสบตาก็รู้ ว่าต้องทำสิ่งใดกันบ้าง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ