บทที่ 12 ตีคือรัก ด่าคือความรัก
ฟางซื่อเหาในตอนนี้ถูกขู่ให้กลัวจนแทบราด จะไปเอาความ กล้าที่ไหนมาต่อสู้ด้วย เขาพยายามที่จะกะพริบตา รู้สึกว่าตัวเอง นั้นใกล้ที่จะไม่หายใจแล้ว
ในตอนที่ฟางซื่อเหากำลังตาค้างอยู่นั้น เนี่ยเฟิงก็โยนเขาลง มา ฟางซื่อเหานั่งจนตรอกอยู่บนพื้น จับที่คอของตัวเอง ไออย่าง รุนแรง
เนี่ยเฟิงมองลงมาที่ฟางซื่อเหา ยิ้มเย็นหนึ่งที่ “ไม่รู้กำลังตัว เอง”
หลังจากที่เขาทิ้งเขาพูดคำไว้ ก็เดินข้ามขาของฟางซื่อเหาไป จากนั้นก็หายเข้าไปในความมืด
ฟางซื่อเหากลัวจนตัวสั่นไปทั้งตัว ฉี่ราดใส่กางเกงแล้ว ใช้ เวลาครึ่งค่อนวันถึงจะกลับมาเป็นปกติได้ ความรู้สึกที่ใกล้ชิดกับ ความตายเมื่อครู่นั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
ฟางซื่อเหามองทางที่เนี่ยเฟิงจากไปอย่างระมัดระวัง แล้วจึง กัดฟันอย่างโกรธแค้นก่อนจะตะโกนออกมา “ฉันไม่มีทางปล่อย แกไปแน่!”
หลังจากที่เนี่ยเฟิงจัดการกับฟางซื่อเหาเรียบร้อยแล้ว ก็รีบเร่ง ไปที่รถ ขับกลับไปที่คฤหาสน์ของชิวเฉิง
ที่คฤหาสน์นั้นยังคงเปิดไฟอยู่ เนี่ยเฟิงมองดูที่นาฬิกาข้อมือตอนนี้ก็เกือบจะห้าทุ่มเข้าไปแล้ว
เนี่ยเฟิงปัดฝุ่นที่อยู่บนตัวทิ้ง ค่อยๆย่องเบาไปเปิดช่องประตู ทะลุเข้าไปอย่างเงียบๆ
“วันนี้ทั้งวันไปไหนมา?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเย็นๆของซิ่วเฉิงดังลอยมา เนี่ยเฟิงยึดตัว ตรงทันที ต่อจากนั้นก็ยิ้มเก้อเขินตอบกลับไป “อยู่ในบ้านแล้ว รู้สึกอึดอัดนะ ก็เลยออกไปเดินเล่นข้างนอก”
“โครม!”
ประตูของคฤหาสน์ถูกปิดภายในพริบตา ที่อยู่ข้างหลังประตู นั้นก็คือเย่หรูเสว่
เย่หรูเสบู่หรี่ตา ในมือถือแส้เอาไว้ “ไม่ได้เคยบอกไปแล้วหรอ
หรือไง? ว่าให้อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องออกไปไหน ลืมไปแล้วหรือไง
ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์แบบไหน?”
“พี่หก ผมไม่ได้ลืม ก็แค่ออกไปเดินเล่นเอง ในระหว่างนั้นก็ลืม เวลา อีกอย่างโทรศัพท์มือถือผมแบตหมด ลืมบอกพวกพี่เลย
เนี่ยเฟิงตอบ ตาของเขานั้นจ้องมองไปที่แม้ในมือของเยี่หรูเส เมื่อก่อนที่เขาดื้อ ไปที่รังนกหลังเขา ปรากฏว่าไม่ทันระวังผล็อย หลับบนต้นไม้ คิดไม่ถึงว่าบรรดาพี่สาวของเขานั้นเร่งออกตาม หาเขาตลอดทั้งคืน
รอจนเขากลับมาก็พบกลับสถานการณ์ราวกับอยู่ในสนามรบแบบนี้
“เสี่ยวเฟิง อย่างนี้ไม่ถูกนะ วันนี้ตอนที่พี่ออกไปข้างนอกกำชับ ให้นายอยู่แต่ในบ้าน ตอนบ่ายพี่จะเอาของกินกลับมาให้ ผล สุดท้ายพอกลับมาถึงแม้แต่เงาก็ไม่มีให้เห็น ถ้าเจอกับคนร้าย พวกนั้นอีก จะทําอย่างไร?”
คางเมิ่งแบะปากออก ในตาที่มองเนี่ยเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความ
เนี่ยเฟิงลูบๆที่ท้ายทอยแววตามีความลังเล “สำนึกผิดแล้ว คราวหน้าจะบอกพวกพี่แน่นอน โทรศัพท์มือถือผมไม่มีแบตแล้ว ไม่งั้นพวกพี่ให้ผมไปชาร์จแบตก่อนดีไหม?”
“เพีย! เด็กนี่ความจำไม่ดีเลยนะ ก่อนหน้านี้ก็พูดกับแบบนี้ ผล สุดท้ายก็ทําเหมือนเดิม ก็ยังไปที่รังนกหลังเขา ทั้งวันทั้งคืนไม่ ยอมกลับ ช่างมีความสามารถจริงๆ!!
เย่หรูเสวพูดไปพลาง ฟาดแส้ไปพลาง
“พี่หก นั่นมันเรื่องตั้งแต่สมัยยังเด็กแล้ว ตอนเด็กก็ซุกซนไม่รู้ ความ พี่ไม่ควรเอาเรื่องเก่ามาพูด!”
เนี่ยเฟิงกล้าโต้ตอบที่ไหนกัน ถึงอย่างไรก็เป็นพี่สาวของตัว เอง ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาคนเดียวกับอีกเจ็ดคนก็สบายมาก แต่ว่า เขาจะสามารถลงมือกับพี่สาวของตัวเองได้อย่างไร?”
“นั้นก็ไม่ใช่ชนเหมือนเดิม? วิ่งออกไปเองก็ไม่ยอมบอกอะไร พวกเราสักคำ สมควรโดนตี! พี่หกเลยตีจนกว่าจะร้องอุแว้ๆ ที่ จนกว่าจะจําได้!”
คางเมิ่งยืนมีความสุขอยู่ด้านข้างเมื่อเห็นเนี่ยเฟิงถูกตี “พี่เจ็ด เจ็ด เจ็ด ไอโย่ว ช่วยผมด้วย โดนตีจนเจ็บไปหมด แล้ว”
ความจริงแล้วแส้อันนี้ตอนที่ตีบนตัวเนี่ยเฟิงเขาไม่เจ็บไม่คัน ไม่มีความรู้สึกแม้เพียงนิดเดียว แต่เนี่ยเฟิงก็ยังคงร้องไห้วิ่งรอบ บ้าน เดี๋ยวก็หลบหลังคางเมิ่ง เดี๋ยวก็ไปหลบหลังซิ่วเฉิง
คางเมิ่งเห็นเนี่ยเฟิงถูกตีวิ่งหนีรอบบ้านจนวุ่นวาย ทันใดนั้นก็ อดไม่ได้ “พี่หกเบาหน่อย อย่าตีจนคนฟังละ
“ทุกครั้งที่เขาร้องมั่วๆเสียงดังพวกเธอก็สงสาร แต่เขาก็ไม่ เคยหลาบจํา ครั้งนี้จะต้องตีจนกว่าจะ
“พอแล้ว ไม่ต้องตีแล้ว เสี่ยวเฟิงก็บรรลุนิติภาวะแล้ว เขาจะ ออกไปไหนมาไหนก็ปกติ”
ทันใดนั้นชิวมู่เฉิงก็ลุกขึ้นมาจับแก้เส้นเล็ก ในมือเย่หรูเว่ เธอ หันกลับไปมองที่เนี่ยเฟิง “แต่ถ้าครั้งหน้าจะออกไปข้างนอกให้ บอกพวกเราก่อน ยังมีทำไมโทรศัพท์มือถือถึงแบตหมดละ?”
“เมื่อวานตอนกลางคืนไม่มีที่ชาร์จแบตชนิดที่ใช้ได้ ดังนั้น โทรศัพท์มือถือแบตหมดก็เป็นเรื่องปกตินี่นา……
เนี่ยเฟิงมองพี่ใหญ่อย่างน้อยใจมากๆ ทุกครั้งที่เขาให้สายตา เช่นนี้มองซิวมู่เฉิง ชิวมู่เฉิงก็จะใจอ่อนง่ายกว่าเดิม
“พรุ่งนี้พี่จะซื้อให้ใหม่ อันนี้เก่าแล้ว คืนนี้ก็ใช้อันนี้ไปก่อนนะ
ขณะที่ซิ่วเฉิงพูดก็ตบที่บ่าของเนี่ยเฟิง ไปเที่ยวเล่นข้างนอก มาทั้งวันแล้ว ได้ทานข้าวดีๆหรือยัง? หิวข้าวไหม?”
เนี่ยเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย ยังไงซะเมื่อกี้นี้เขาก็เพิ่งออกกำลัง กายมาเล็กน้อย ร่างกายก็ย่อยหมดแล้ว ท้องหิวตั้งนานแล้ว
“เด็กนี่ให้ทำอะไรก็ทำไม่ได้เรื่อง มีเรื่องกินละเก่งที่หนึ่ง!” คาง เพิ่งกลอกตา “ช่างเถอะ จะทอดไก่ให้ทานแล้วกัน แต่ว่านายต้อง จําเอาไว้ว่าติดค้างพี่สาวคนนี้อยู่ถึงตอนนั้นจะต้องคืนเป็นร้อย เท่าพันเท่า
เนี่ยเฟิงเห็นท่าทางน่ารักไร้เดียงสาของคางเมิ่ง ก็ทนไม่ไหว หัวเราะออกมา “โอเคโอเค โอเค รอผมหางานได้ผมจะยกเงิน เดือนทั้งหมดทุกเดือน ให้แน่นอน
กางเมิ่งพยักหน้าอย่างพอใจ
ความจริงแล้ว เนี่ยเฟิงนั้นร่ำรวยจนแทบจะเป็นศัตรูกับ ประเทศตั้งนานแล้ว
“ใช่แล้ว นี่คือเสื้อผ้าที่ซื้อมาให้ ลองใส่ดูซิว่าพอดีไหม ถ้าใส่ ไม่พอดีพรุ่งนี้พี่จะได้เอาไปเปลี่ยนคืน
หลังจากที่สั่งสอนเนี่ยเฟิงไปหนึ่งยก เย่หรูเสาไม่มีทางเลือกรีบ ชี้ไปที่ถุงไม่กี่ใบที่อยู่ข้างๆ โซฟา
“ว้าว! พี่หก! ที่แท้ก็ยังรักผม
ใบหน้าของเย่หรูเสบู่แดงขึ้นเล็กน้อย เธอกระแอมหนึ่งที่ “อย่า พูดมาก รีบๆลอง!”
เนียเฟิงหยิบเสื้อผ้าออกมาจากถุง ไม่บอกไม่ได้ว่าสายตาของ เย่หรูเสวนั้นไม่เลว เลือกเสื้อผ้าที่ทันสมัยจริงๆทั้งยังไม่เท่
“ถ้างั้นผมลองใส่เลยนะ!”
เนี่ยเฟิงก็ไม่ได้หลบเลี่ยง ถอดเสื้อผ้าต่อหน้าพี่สาวทั้งสามคน คางเพิ่งเห็นผิวสีแทนรวมไปถึงกล้ามอกกล้ามท้องของเนี่ยเฟิง อยู่ๆก็รู้สึกแก้มร้อนขึ้นมา
คิดไม่ถึงว่าผ่านมาหลายปีแล้ว เสี่ยวเฟิงของพวกเธอนั้น เติบโตแล้ว ถอดลักษณะที่เด็กๆของเสี่ยงเฟิงไป เต็มไปด้วยกลิ่น อายความรุกรานแบบผู้ชาย
พี่สาวทั้งสามต่างเอาดวงตาหนี แต่ภายหลังพวกเธอทั้งสาม กลับคิดว่า ถึงอย่างไรนี่ก็คือน้องชายของตัวเอง ดูรูปร่างของ น้องชายแปลกตรงไหน?
ชิวมู่เฉิงกระแอมเบาหนึ่งที หลังจากนั้นก็ถามเนี่ยเฟิงว่า “เสี่ยวเฟิง บนตัวนายมีแต่รอยแผลทั้งใหญ่ทั้งเล็ก เป็นเพราะว่า ไม่กี่ปีที่ผ่านมาใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกมั่นคงลำบากมากใช่ไหม?
เนี่ยเฟิงใส่เสื้อที่มีหมวก เนี่ยเฟิงใส่เสื้อตัวนี้แล้วพอดีกับเขา มากอีกอย่างใส่แล้วก็ดูดีขึ้นมาก
เย่หรูเสว่ไม่เสียทีที่เป็นตำรวจอาชญากรรม ดังนั้นจึงมองคน ออกอย่างแม่นยำ โดยเฉพาะรูปร่างคน เธอเพียงแค่ดูผ่าน คร่าวๆก็สามารถทราบได้ถึงรูปร่างลักษณะของอีกฝ่าย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ