บทที่ 1 ชิงชัง (3)
แต่ที่น่าโมโหมากไปกว่า คือเขาขับรถของเธอมาเยาะ เย้ยถึงหอพัก!!!
ให้ตายเถอะ! เขาช่างกวนประสาทยั่วยุให้ไมเกรนเธอ ขึ้นดีเหลือเกิน
“เฮ้ย นั่นรถของแกนยัยผิง” เพื่อนสาวในกลุ่มที่กลับ แท็กซี่ด้วยกันเอ่ยขึ้นพร้อมชี้ชวนให้ดู
“เออเห็นแล้ว ฉันไม่ได้ความจําเสื่อมที่จํารถตัวเองไม่ได้ พวกแกขึ้นไปก่อน ขอฉันเคลียร์กับคนที่บ้านแป๊บ เดี่ยว ตามไป
พอผิงจันทร์ต้องการแบบนั้น เพื่อนสาวในกลุ่มทั้งหมดก็ พากันกลับ มหอพักไป
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกแล้วเดินมาหยุดที่ รถของตนซึ่งจอดสตาร์ทเครื่องไว้ พอเดินไปถึง ธันวาก็ เลื่อนกระจกรถลง แล้วเขาก็ผิวปากทักทาย
“ให้อาไปส่งบ้านมั้ย?” ไม่ถามอย่างเดียว เขายังทำหน้า ทะเล้นยักคิ้วให้
“อย่ากวนประสาทได้มั้ย
เจ้าของร่างสูงที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับยิ้มมุมปาก “คืน นี้กลับเร็วจังนะคุณหลาน”
ผิงจันทร์ค้อนคนใส่คุณอานอกสายเลือดที่ขยันเซ้าซี้ กวนใจเธอไม่หยุดหย่อน
“อามายุ่งอะไรด้วย นี่ถ้าขับรถกลับบ้านไปซะแต่แรก ยังไม่โกรธเท่ากับขับมาเย้ยให้เห็นเลยนะ” หญิงสาว พยายามข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ แต่น้ำเสียงที่พูดกับเขาก็ ยังเผยความไม่พอใจออกมาชัดเจน
เธอรู้จักเขาดี ยิ่งเธอโกรธ ไม่พอใจ ก็ยิ่งทำให้เขาได้ใจ และเขาก็จะพยายามยั่วโมโหให้เธอโกรธเข้าไปอีก ดังนั้น ตอนเผชิญหน้ากับเขา เธอต้องนิ่งให้มากที่สุด แม้ตอนนี้ เธออยากจะอาละวาดข่วนหน้าหล่อ ๆ ของเขาก็ตาม!
ธันวายิ้มมุมปาก มองหญิงสาวตาพราว
“ก็ตั้งใจมาเย้ย”
“บ้าเปล่าเนี่ย” ผิงจันทร์ทำหน้ายุ่ง แต่ธันวาก็ไม่สนใจ เขายังมีท่าทีสบาย ๆ
“จะกลับบ้านยังล่ะ?”
“ไม่กลับ มายุ่งอะไรด้วยล่ะ” หญิงสาวกระแทกเสียง พร้อมเชิดหน้าขึ้น
“โกรธอาเหรอ?”
“ไม่โกรธมั้ง ถ้าอยากได้รถก็เอาไปเลย เชอะ!”
เจ้าของร่างบางเชิดหน้าขึ้นแล้วสะบัดก้นเดินหนีด้วย ตั้งใจกลับขึ้นหอพักเพื่อยุติเรื่องบ้า ๆ แต่ธันวาก็ลงจากรถ แล้วเดินมาดักหน้าเธอไว้ก่อน
“จะไปไหน?” เขาถามเสียงเย็น พลางต้อนผิงจันทร์จน เธอถอยหลังมาชิดรถ
“เอ๊ะ อาธันจะมายุ่งอะไรกับผิงนักหนา ผิงโตแล้ว ดูแล ตัวเองได้”
“ก็เพราะคิดว่าตัวเองโตแล้วนี่สิ ถึงน่าห่วง”
“เราไม่ได้เกี่ยวอะไรกัน ญาติก็ไม่ใช่ญาติ จะมาห่วงผิง เรื่องอะไร?” หญิงสาวถามเสียงขุ่น
“ก็บอกไปแล้วไง ว่าคุณแม่วานให้อาช่วยเป็นหูเป็นตา ดูแลเรา อาเลยต้องมา
“ยังไม่เข้าเรื่อง” ผิงจันทร์หาหน้ามุ่ยไม่พอใจ
ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุขึ้นในบ้าน นับแต่นั้นเป็นต้นมาเธอ ก็เริ่มไม่ชอบขี้หน้าเขา จากที่รักก็แปรเปลี่ยนเป็นความ เกลียดชัง และมันก็ทำให้เธอนึกถึงคำพูดแม่ทุกครั้งไป
ก็ไม่รู้ว่าพวกผู้ใหญ่มีเรื่องผิดใจอะไรถึงไม่ค่อยลงรอย กัน เธอรู้แค่ว่าแม่ของเธอจงเกลียดจงชังธันวานัก ถึง ขนาดที่ว่าแม่มักจะกรอกหูเธออยู่เป็นประจำ ในเรื่องที่ว่า เขาเป็นลูกเลี้ยงของคุณย่า เขาชอบประจบคุณย่าเพราะ หวังในมรดกที่คุณปู่ทิ้งไว้
ตอนนั้นเธอไม่ค่อยใส่ใจคําพูดของแม่มากนัก เพราะเธอ คิดว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ อีกอย่างพ่อของเธอก็รักน้อง ชายนอกไส้อย่างเขามาก รักยิ่งกว่าป้าอำภาซึ่งเป็นพี่สาว แท้ๆ
แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุใหญ่ขึ้นในครอบครัว เธอสูญเสีย ทั้งพ่อและแม่ไป อีกทั้งป้าอ้าภาพี่สาวแท้ ๆ ของพ่อต้อง กลายมาเป็นคนพิการ ความจําเสื่อม เธอจึงพูดได้เต็ม ปากเต็มคําว่า
เธอเกลียดขี้หน้าเขา!!
“จะกลับหรือยังล่ะ?”
ดูว่าธันวาจะไม่สนใจปฏิกิริยาต่อต้านของหญิงสาว แม้แต่น้อย
“ไม่กลับ เอากุญแจรถของผิงคืนมาด้วย”
ผงจันทร์ผลักหน้าอกของเขาให้ห่างออกไป แต่กลาย เป็นว่าธันวาได้ตรึงข้อมือเธอไว้กับรถยนต์
“อาธัน ทําบ้าอะไรน่ะ!”
หญิงสาวหน้าตาตื่นกับการกระทำของเขา ดวงตาคู่สวย เบิ่งกว้าง ริมฝีปากบางที่เคลือบลิปสติกสีหวานเผยอขึ้น เล็กน้อยด้วยความตกใจ
“จะกลับดี ๆ หรือต้องให้บังคับ?”
เขายื่นหน้ามาใกล้… ใกล้จนจมูกโด่งแทบชิดแก้ม
ผิงจันทร์กัดริมฝีปากแน่นพร้อมดิ้นขลุกขลัก แต่เขาก็ไม่ ปล่อยเธอเป็นอิสระง่าย ๆ
“ผิงไม่กลับ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมายุ่ง!” ปฏิเสธเสียง สั่นไปแล้ว แต่หญิงสาวกลับหายใจไม่ทั่วท้อง กลิ่นกาย ผู้ชายที่ผสมน้ำหอมของเขามันสร้างความรู้สึกแปลกๆให้กับเธอ
“ดื้อจริง” ธันวาสูดลมหายใจเข้าปอดอีกแล้วผ่อนออกมา
เขาเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม แต่สายตายังไม่ละไปจาก ใบหน้าเซ๊ก ของหลานสาวตัวดี
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ