ปราณปริยา

3



3

“มาทำงานใหม่หรือเราน่ะ”

เสียงถามนั่นมาจากหญิงสาวหน้าสวยจัดจ้าน ในชุดเดรสเกาะ อกสั้นแค่หน้าขาลายทางขาวสลับดำ ปราณปริยามองไปรอบๆ บริเวณ เมื่อเห็นว่ามีเธอลำเลียงของอยู่ตรงนี้แค่คนเดียวเลยยิ้ม ให้อีกฝ่ายก่อนตอบรับ

“ใช่ค่ะ”

“ชื่ออะไรนะ”

“นิ่มค่ะ”

“หน้าตาแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าซื้อจะให้มาอยู่หลังร้าน

อีกฝ่ายพิจารณาหน้าตารูปร่างของเธอด้วยสายตาริษยานิดๆ แล้วเงียบ ดูท่าทีไม่พูดอะไรอีก คนที่ถูกเอ่ยถึงว่า หน้าตาแบบนี้ ยิ้มก้มหน้าทำงานของตนไป

“นี่ถ้าสนใจงานสบายๆ เงินดีๆ บอกนะ”

สาวสวยในชุดเดรส กอดอก เอ่ยปากขึ้นมาโต้งๆ ปราณปริยาไม่ได้ละมือจากงานของตัวเอง แล้วตัดสินใจถามไป “งานอะไรคะ”

“เซียร์สินค้าในห้าง เงินเดือนไม่เยอะหรอกนะ แต่ค่าคอม หลายอย ถ้าสนใจบอกฉันได้”

“นิ่มพูดไม่เก่งค่ะ”

บอกปัดไปอย่างนุ่มนวล ทางนั้นมองเธอทั้งตัวขึ้นๆ ลงๆ ครู

หนึ่งแล้วขยับมาถามใกล้กว่าเก่า

“ถ้าพูดไม่เก่ง มีอยู่งาน

ปราณปริยาเงียบโดยไม่ถามว่างานอะไร เป็นคนชวนเสียเองที่ อดรนทนรอไม่ไหว เอ่ยปากบอกแบไต๋จนหมด

“เป็นเพื่อนเที่ยวน่ะ สนไหมล่ะ

คนถูกชวนยิ้มค่อยหันมาสบตาด้วย ส่ายหน้าเบาๆ

“นั่นยิ่งไม่ถนัดเลยค่ะ”

แล้วก้มหน้าทำงานต่อ โดยไม่เห็นสายตาหมั่นไส้ของสาวงาม

คนนั้น

“เอาเถอะ ถ้าอยากทำมาบอกฉันก็แล้วกัน ฉันชื่อแตงกวา

สาวสวยที่ชื่อแตงกวาเดินหายไปยังอีกทางแล้วตอนนี้ ปราณ ปริยาค่อยมองตามหลังไป ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก เพราะ พอรู้อยู่บ้างว่างานที่อีกฝ่ายเอ่ยปากชวน มันเป็นงานเช่นใด คง ไม่ต่างจากที่สุริวิภาเอ่ยปากชวนเธออยู่เป็นแน่

“น้อง ใช่ไหมเด็กใหม่”

เสียงถามแบบนี้อีกแล้ว ปราณปริยาได้ยินแล้วชักขยาด พอ หันไปทางคนถามเห็นว่าเป็นชายร่างสูงในชุดสูท ก็ได้แต่ยิ้มขึ้นๆ ทางนั้นเห็นแล้วก็ว่า “ซ้อเสียง ให้พี่ช่วยมาดูแลเรา

ได้ยินว่าเจ้าของร้าน ให้มาดูแลเธอก็ค่อยโล่งใจ “ขอบคุณค่ะ”

“ได้ข่าวว่ายังเรียนอยู่หรือ

“ใช่ค่ะ” ปราณปริยาตอบอย่างสงวนคำ

คนถามว่าต่อมาอีกด้วยเสียงขรึมๆ “ถึงว่า…เห็นชอบอกว่าให้ เรามาเข้างานไวหน่อย แล้วเที่ยงคืนก็กลับบ้านได้

“อ้าว ทําไมล่ะคะ”

“แค่เปลี่ยนเวลาเข้างานน่ะ”

“แล้วเงิน…

“เงินยังได้เท่าเดิม งกเหมือนกันนะเรา” ชายร่างสูงว่ายิ้มๆ ค่อยโล่งใจ ว่าเบาๆ ดื่ม “นิ่มทำไหวค่ะ”
แรกๆ คงไหวหรอก แต่นานไปจะไม่ไหวเอาน่ะสิ มีเรียนเข้า นอนไม่กี่ชั่วโมงจะตื่นทันได้ยังไง”

ปราณปริยายิ้มไม่ว่าอะไรจากนั้น

“แล้ว…วันนี้ซื้อจะเข้าไหมคะ”

ถามหาเนื่องจากว่าอยากเข้าไปถามให้มั่นใจอีกที หากเป็น อย่างที่อีกฝ่ายบอกเธอมา เหตุใดเจ้าของร้านไม่เรียกเธอเข้าไป คุย แต่แล้วไม่กล้าย้อนถามถึงประเด็นนี้กับชายตรงหน้า

“ไม่มา แกไปต่างจังหวัดสองสามวันมั้ง”

ปราณปริยาจําใจต้องชวนคุยเนื่องจากเงียบกันไปนาน บรรยากาศ กอึดอัด เมื่ออีกฝ่ายยังไม่จากไปไหนเสียที

“คนเยอะทุกวันไหมคะที่ร้าน

“ที่นี่คนเยอะทุกวัน” บอกอย่างโอ้อวดนิดๆ “แล้วมีปัญหาอะไร ในร้านบอกพี่ได้เลยนะ….ทุกเรื่อง” อีกฝ่ายจริงจัง เธอมอง ตอบชายรูปร่างสูงตรงหน้าแล้วยิ้มให้ พร้อมรับคำเบาๆ

“ขอบคุณนะคะ”

ลืมถามไปเสียสนิทว่าอีกฝ่ายชื่ออะไร ชายร่างสูงเดินหายลับ ไปเสียแล้ว พอสบจังหวะหญิงสาวจึงลองถามคนในร้าน คุยกัน ตั้งนานสองนาน แถมซ้อเสียงยังให้มาดูแลเธออีกด้วย ไม่รู้จักชื่อกันแบบนี้ ดูไม่ค่อยดีนัก เลยนึก ได้ว่าเขาอาจเป็นผู้จัดการของร้าน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีอภิสิทธิ์ อย่างที่แสดงออกมาเช่นนั้น เลยลองถามกับพี่ที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ กัน หลังจากที่อีกฝ่ายออกปาก ให้ยืมนิยายมาอ่านก็ดูเหมือนจะ สนิทสนมกันขึ้นมาอีกหน่อย เมื่อพบว่าทั้งสองเป็นคอนิยายยุงชุม เช่นเดียวกัน

คนที่เป็นผู้จัดการสื่ออะไรหรือคะพี่ดรีม

“ผู้จัดการชื่อคุณพล นั่นไงคนนั้น

คนตอบมือให้ดูแล้ว ปราณปริยาก็ได้แต่ขมวดคิ้วเพราะคนนี้ เธอจำได้ วันแรกที่ทำงานตามหาจนทั่วร้านเลย แล้วยังไม่ใช่คน ที่ยืนคุยกับเธอเมื่อครู่นี้ด้วย

“แต่เห็นว่าจะเปลี่ยนผู้จัดการร้านแล้วนะ” ดรีมบอกขณะเคี้ยว หมากฝรั่งในปาก

“อ้าว ทำไมล่ะคะ”

“เขาว่ากันว่า ร้านกำลังถูกเปลี่ยนมือ” ดรีมเล่าอย่างกับรู้อะไร มา ก่อนถามเกริ่นนำ “รู้จักคุณปรานต์ไหม”

คนถูกถามส่ายหน้าเบาๆ ให้เป็นคำตอบ

“ซ้อแกขายหุ้นของแกกับของเพื่อนให้คุณปรานต์แล้วด้วย”

“แล้วเขาจะให้เราออกไหมคะแบบนี้

“ไม่หรอก” คนเล่าตอบแต่ก็เป็นแบบไม่แน่ใจนัก

ปราณปริยาฟังจากที่อีกฝ่ายเล่ามาแล้ว เลยว่าต่อ

“งั้นสงสัยว่าคนสูงๆ นั่นแน่เลยค่ะ ผู้จัดการใหม่ของร้าน ครีมหันขวับ ถาม “คนไหน”

พยายามมองหาอีกทีแต่ไม่พบ พอใกล้เที่ยงคืนชายที่ชื่อพล จัดการของร้านก็เข้ามาสำทับกับเธออีกเรื่องเวลาเข้างาน ปราณ ปริยายหมือขอบคุณอีกฝ่ายแล้วช่วยงานจนเสร็จ เข้าไปเก็บของ ก่อนออกไปยังประตูหลังร้านนั่นเพื่อกลับบ้าน

“ซ้อจะไม่ว่าหรือครับนาย

ตงถามยิ้มเมื่อเข้ามานั่งในห้องผู้โดยสารด้วยกันแล้ว

“เรื่องอะไร”

“ก็ที่เราเปลี่ยนเวลาเข้างานของ… คนเป็นลูกน้องเอ่ยยัง ไม่ทันจบ ปรานต์กว่าขึ้น

“อย่าลืมว่าตอนนี้ใครถือหุ้นในร้านมากกว่า
เสียงเจรจาในรถคันใหญ่เงียบลงเมื่อถึงเวลาเลิกงานของใคร บางคน พร้อมกับคนที่เฝ้ารอเดินออกจากประตูหลังร้าน โดยมี ชายหนุ่มวัยไม่หนีจากกันมากเดินเข้าไปหา แล้วพากันไปยัง รถยนต์คันหรูที่จอดถัดไปไม่ไกลจากนั้น

“วันนี้มีรถมารับด้วย

ตงว่ายิ้มๆ เหลือบมองคนที่เบาะด้านหลังแล้วเบือนหน้าไปอีก ทางไม่ให้หลุดหัวเราะออกมาเสียก่อน แว่วเสียงผู้เป็นนายถาม ดังขึ้น

“ใคร”

“ถ้าจำไม่ผิด ลูกเฮียกวงครับนาย” ตงบอกยิ้มๆ

“ลูกชายเฮียกวง? จับได้ไม่สบายไปทั้งชาติเลยหรือนั่น

ปรานต์ว่าเสียงเยาะนิด ไม่คิดว่าหน้าตาอ่อนต่อโลกจะไปไว กว่าที่ตนเองคาดคิดเช่นนี้

“ถ้าเก่งขนาดนั้น มาจับเฮียปรานต์ไม่ดีกว่าหรือครับ

ตงย้อนกลับยิ้มกว้างกว่าเก่า รู้ว่าเด็กคนนี้นายเขาท่าจะเอา จริง ไม่อย่างนั้นไม่เฝ้าถึงขนาดนี้ ก่อนบอกรายละเอียดที่รู้มา คร่าวๆ
“เพื่อนรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยครับ ตามจีบตั้งแต่ปีหนึ่ง ตอนนี้ถ้า ให้เดา… ไม่ลืมตีไข่ใส่สีให้คนอารมณ์เสียเล่น “ตอนนี้คงคบกัน แล้วมังครับ”

“ถ้าคบกันแล้วจริงๆ ไม่น่าจะปล่อยให้มาทำงานร้านซื้อเสียง ได้นะ”

คนเป็นนายวิจารณ์ต่อ เล่นเอาลูกน้องยิ้มอย่างรู้ทัน นายเขา ไม่ปล่อยให้เด็กคนนี้หลุดมืออย่างแน่แท้ ถ้ามองเกมออกถึง ขนาดนี้แล้ว

“ไม่งั้นนายคงไม่เสียเวลามาเฝ้าหรอกใช่ไหมครับ”

ปรานต์โบกมือ แสร้งทำสีหน้ารำคาญใจ ก่อนส่งสัญญาณให้ คนสนิทออกรถไปจากบริเวณนั้นเสียที แต่แทนที่คงจะขับรถไป ส่งนาย เขากลับพานายตามรถคันหรูที่มีเป้าหมายเป็นดอกไม้ แรกแย้มที่ในรถคันนั้นแทน

เลยเป็นอันว่าชายรุ่นพี่อย่างไทธัญมารอเธอเลิกงานพร้อมกับ ไปส่งที่บ้านด้วย

“ขอบคุณมากนะคะพี่ธัญ

“ไม่เป็นไรครับนิ่ม แต่พี่ไม่อยากให้นิ่มทำงานในร้านแบบนั้น เลยนะ มันดูไม่ดี ถ้าอยากหารายได้เพิ่ม พี่ฝากงานที่บริษัทของ คุณพ่อให้เอาไหม”
“อย่าเลยค่ะ นิ่มเกรงใจ แต่ยังไงนิ่มก็ขอบคุณพี่ธัญมากนะคะ” บอกจบทำท่าจะลงรถไป ไทธัญเรียกเสียงอ้อนเอาไว้

“คะ”

ไทธัญว่าเสียงจริงจัง แววตาเว้าวอนอย่างที่เคยใช้ได้ผลทุกที

“นิ่มรู้ใช่ไหมว่าพี่ชอบนิ่มน่ะ” ตัดสินใจบอกความในใจให้ หญิงสาวได้รู้ แล้วเตรียมรุกต่อ “นิ่มล่ะครับ พอจะชอบพี่บ้าง ไหม”

ได้ยินอีกฝ่ายสารภาพออกมาตรงๆ ขึ้นมาทันที แบบนี้แล้วก็ให้อึดอัดใจ

“เอ่อ คือนิ่ม นิ่ม”

“เราลองคบกันดูได้ไหม ให้โอกาสสักครั้งนะครับ”

“นิ่มยังไม่คิดเรื่องนั้นค่ะ” ปราณปริยาตัดสินใจเบี่ยงออกไป อีกอย่างชื่อเสียงของไทธัญก็ดังเหลือเกินในความเจ้าชู้ชนิดหา ตัวจับได้เช่นนี้ หากเธอจะคบใครจริงจังสักคน หลักๆ เลยคือต้อง ไม่เจ้าชู้

“เอางี้ พี่ขอแค่โทรหานิ่มทุกวัน แล้วก็มารับนิ่มไปมหาลัย มาส่งนิ่มที่บ้าน วันไหนไม่มีเรียนเราไปเที่ยวด้วย กัน แค่นั้นได้ไหมครับ

“หืม…พี่ธัญคะ แบบนั้นมันไม่เรียกว่าแฟนแล้วหรือคะ”

ปราณปริยาย้อนถามด้วยใบหน้าเหลอหลานิดๆ ในสิ่งที่อีก ฝ่ายขอ นั่นไม่ใช่ที่คนเขาคบกันแล้วทำหรอกหรือไร

“ได้ไหมล่ะครับ” ไทธัญรุกต่อ

ถอนใจอย่างเนือยเพราะเหนื่อยและง่วงนอน จึงต้องรีบคุยให้ จบไป “เราคุยกันตรงๆ เลยนะคะ คือ นิ่ม….”

“โอเค พี่พอรู้แล้วว่านิ่มจะพูดอะไร งั้น เรามาตกลงกันใหม่ ไทธัญมีความเป็นผู้ต่อรองเก่งฉกาจไม่น้อย คงเพราะได้รับยืน เด่นจากบุพการีที่เป็นนักธุรกิจมือฉมังมาก็เป็นได้

“ถ้าพี่พิสูจน์ตัวเองได้ นิ่มต้องตกลงคบกับพี่นะครับ”

หญิงสาวลอบถอนหายใจแผ่วๆ บอกปัดด้วยซุ้มเสียงมั่นคง

“ยังค่ะ”

“อ้าว แบบนี้ก็ปิดทางพี่หมดเลยสิ แล้วไหนว่าจะให้โอกาสที่ได้ ครับ”
งงกับเขาอยู่พอควร แล้วเธอบอกตอนไหนว่า ให้โอกาสอะไร นั่น แต่แล้วก็คร้านจะต่อคำด้วย เพราะอยากเข้าบ้านเต็มที่

“พี่ธัญน่าจะรู้ตัวเองดีนะคะว่าเป็นคนมีเสน่ห์มากขนาดไหน แล้วยังมีสาวๆ ในสังกัดอีกตั้งหลายคน หากนิ่มตกลงใจจะคบ กับใครแล้ว นิ่มก็อยากเป็นแค่ผู้หญิงคนเดียวของผู้ชายที่นิ่ม เลือกค่ะ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนหนึ่งในสต๊อก

ปราณปริยาเพียงต้องการจะคุยให้จบไป แต่ไทธัญไม่คิดแบบ นั้น คนมั่นใจในตัวเองกลับคิดว่า การที่หญิงสาวเอ่ยปากมาแบบ นี้ แสดงถึงความที่มีใจให้แก่ตนเองอยู่บ้าง และชายผู้เพียบ พร้อมไปด้วยฐานะและหน้าตาอย่างเขาก็ไม่เคยไม่ได้อย่างที่ใจ ต้องการเลยสักครั้ง

“ถ้าอย่างนั้น….พี่ขอโทรหานิ่มทุกวันได้ไหมครับ”

คนถูกวอนขอได้แต่ยิ้มบางๆ ก่อนตอบกลับอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ ไทธัญขอในสิ่งที่ตนเองกระทำไปแล้วทำไม เขาส่งข้อความหา เธอบ่อย และโทรศัพท์มาหาก็บ่อยไม่ต่างกันกับส่งข้อความ และ เธอเลือกรับบ้างไม่รับบ้าง เท่านชายผู้มากประสาบการณ์อย่าง เขาน่าจะรู้เลยยิ้มขืนๆ ตอบไป
“ค่ะ แต่นิ่มอาจจะไม่ได้รับทุกสายนะคะ บางทีติดงานยิ่งตอน เข้างาน เขาไม่ให้พก โทรศัพท์ติดตัวค่ะ”

“พี่เข้าใจครับ แล้วให้พี่มารับนิ่มไปเรียนได้ไหม

“ยังก่อนค่ะ ขอนิ่มไปไหนมาไหนเองก่อนนะคะ อย่าลืมนะว่า เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน

“เราเป็นคนที่ตกลงจะคบหากันไงครับ

สุดท้ายแล้วไทธัญก็ยังวกกลับเข้ามาที่หัวข้อสนทนาเดิม ปราณปริยายิ้มเนือยๆ เพราะเหนื่อยและง่วงมากแล้ว เลยตัดบท

“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งนิ่ม

ขอบคุณอีกฝ่ายแล้ว ลงรถ โดยมีสายตาของไทธัญมองตามจน เห็นว่าหญิงสาวหายลับเข้าบ้านไป แล้วก็ให้ขัดใจที่เห็นพวก ผู้ชายตั้งวงกินเหล้าใต้ต้นไม้มองไปที่หญิงสาวไม่วางตา หนึ่งใน นั้นเหมือนจะเอ่ยปากแซวหญิงสาวอีกด้วย แถมปราณปริยายัง แวะคุยกับพวกนั้นอีก พอเห็นเธอเดินลับเข้าบ้านไป จึงค่อย เคลื่อนรถออกจากบริเวณนั้น ไม่นานมีรถอีกคันที่ขับตามมา ห่างๆ เข้ามาจอดแทนที่รถของไทธัญ

“มาส่งมารับแบบนี้ทุกวัน เสร็จลูกเฮียกวงแน่ครับนาย
เสียงคนใต้บังคับบัญชาบอกยิ้มๆ ผู้เป็นนายทำเพียงมองแต่ ไม่ว่าอะไร แล้วสั่งให้กลับไปยังที่พำนักของตนเองในเวลาต่อมา

เรียกมารดาเพราะเห็นว่าไฟในบ้านยังคงเปิดเอาไว้ พร้อมกับ โทรทัศน์ที่มีเพียงเครื่องเดียวในบ้านนั่นก็ด้วยที่ทำงานของมันไป เรื่อย

“แม่ไปไหนนะ” เดินไปปิดพร้อมกับพึมพำเบาๆ คนเดียว

“หลับไปแล้ว”

เสียงตอบเป็นยุทธนา สามีของท่าน อีกฝ่ายยืนยิ้มตาเยิ้มขวาง เธออยู่ ปราณปริยาไม่อยากพูดคุยด้วยจึงเลี่ยงแล้วหาทางหลบ เข้าห้อง ยุทธนายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วตรงเข้ามา อ้าแขนจะกอดคนตรง หน้าให้ได้แต่เพราะดื่มหนักจึงเสียหลักเซไปอีกทาง ส่งผลให้ ปราณปริยาหน้าซีดเผือด ดีที่เธอหลบได้ทันแล้วสั่งอีกฝ่ายเสียง หลง

“หลบไป นิ่มจะเข้าห้อง

“เข้าไปสิจ๊ะ พี่จะได้เข้าด้วย”

อีกฝ่ายแทนตัวเองว่าพี่กับเธอออย่างหน้าด้านๆ ปราณปริ ยาสั่งเสียงดูอีกที
“ถอยไป ไม่งั้นนิ่มจะฟ้องแม่

สามีวัยเด็กของมารดาเดินหน้าเข้าหาเธอพร้อมรอยยิ้มและ

ท่าทีคุกคาม

“กล้าฟ้องหรือจะน้องนุ่มคนสวย

ว่าจบ คราวนี้โจนเข้ามาคว้าร่างของเธอเข้าไปกอดได้ในที่สุด ปราณปริยาตกใจแทบสิ้นสติ แล้วออกแรงสะบัดจนสุดตัว พร้อม วาดเสียงดังลั่น

“ปล่อยนิ่มนะ!”

“เรื่องอะไรจะปล่อย มามะ ขอเอาลูกสาวพี่ยาทำเมียอีกคน เถอะวะ”

“แม่! แม่จ๋า”

ปราณปริยาดิ้นรนพร้อมกับเรียกมารดาของตนเอง แต่ทำได้ เพียงเปล่งเสียงแค่คำเดียวเท่านั้นว่า “แม่” เพราะถูกมือของชาย โฉดปิดปากของเธอเอาเสียแน่น พร้อมกับรัดร่างของสาวสะพรั่ง เข้ามาในอ้อมกอด สูดดมพวงแก้มของเธออย่างย่ามใจ

“อ่อยอ๊ะ อ่อย!”

เสียงที่เล็ดลอดดังออกมาได้ไม่ชัดเท่าไรนัก ก่อนจะฮึดสู้เค้น แรงทั้งหมดที่มีตวัดตัวเหวี่ยงไปที่ของในบ้านให้ล้มจนเกิดเสียง ดัง แต่ก็ไร้ผลเมื่ออีกฝ่ายรั้งตัวของเธอ ให้ลงไปนอนที่พื้นบ้านแทน

ยุทธนาทาบทับอยู่บนตัวของเธอ หมายมาด้วยแววตาตื่น

กระหาย

“วันนี้ไม่ได้จึงเป็นเมียอีกคน อย่ามาเรียกว่าไอ้ยุทธ

เสียงน่าขนลุกนั่นทำให้ปราณปริยาหวาดกลัวอย่างที่สุดจน อยากร้องไห้และกลั้นใจตายไปจากตรงนี้เสียนัก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ