ปราณปริยา

1



1

“ทําไหวแน่นะ ร้านปิดหนึ่งก็จริง แต่กว่าจะเก็บของเก็บอะไร ก็ราวๆ ตีสามถึงจะเสร็จ ได้ข่าวว่ายังเรียนอยู่ไม่ใช่หรือ

“ไหวค่ะ หนูทําไหว”

“ถ้าไหวจะให้ทำวันนี้เลยนะ

“ได้ค่ะ”

หญิงสาวในชุดนักศึกษาตอบรับอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตา ของ ‘ซ้อเสียง’ เจ้าของร้านอาหารกึ่งผับมองมาด้วยสายตา ประเมิน

แบบนี้แล้ว ไม่น่าจะทำงานอยู่ในร้านของนางได้นาน

ไม่ใช่ดูถูกแต่อย่างใด แต่เห็นมานักต่อนักแล้ว

รูปร่างอวบอัดมีทรวดทรงทั้งยังใหญ่โตเกินตัวดูล่อหล่อ ตาเสือสิงห์กระทิงแรดยามราตรีเหลือเกิน แถมใบหน้าก็สวย ใช้ได้ทีเดียว แม้แววตาจะเศร้าไปนิดก็ตาม แค่ขัดเกลาเบาๆ ไม่ใช่แค่เด็กหลังร้านหรอก เผลอๆ เอามารับแขกข้างหน้านี้ก็ยัง ได้

อีกทั้งยังกลัวใจคน

กลัวเหลือเกิน กลัวว่าจากเด็กตั้งใจทำงานแลกหยาดเหงื่อ แรงกายอดหลับอดนอนเพื่อค่าแรงที่ได้มากกว่างานอื่นเช่นนี้แรกๆ ไหวกันทั้งนั้น นานไปนี่สิ กลัวจะเปลี่ยนใจไปทำงานอื่นที่ สบายกว่า เงินมากกว่า

“ชื่ออะไรนะเรา”

“ปราณปริยา ชื่อเล่นชื่อนิ่มค่ะ

คนถามชะงักหน่อยหนึ่ง ยิ้มพยักหน้าให้ทำนองว่ารับรู้

พลันเสียงเคาะประตูครั้งเดียวแล้วเปิดเข้ามาโดยไม่ขอ อนุญาตดังขึ้นที่ด้านหน้า

และนี่คือความกลัวของซ้อเสียงอย่างที่สุด

บัดนี้แววตาของหญิงวัยห้าสิบสี่วาววับขึ้น เมื่อนึกไปถึงว่าใคร กันที่อยู่ตรงนั้น ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เสียงทักถามดังทุ้มนุ่ม อยู่ที่ประตูเหล็กบานนั้นเอง

“อ้าว…ยังอยู่หรือครับ อ

“มีอะไรหรือคะคุณปรานต์”

หญิงเจ้าของร้านกล่าวทักขึ้นทันที แล้วลุกมาแตะไหล่หญิง คราวหลานให้ลุกออกจากเก้าอี้

“ไปหาคุณพลที่ข้างนอก บอกว่าฉันให้เริ่มงานวันนี้เลย”

ข้อเสียงบอกกับร่างอวบอิ่มเต็มมือเต็มไม้จบในประโยคเดียว แล้วดันให้ร่างนั้นพ้นออกจากประตูห้องทำงานไปโดยไวอย่าง แนบเนียน รีบปิดประตูลง หันมายิ้มหวานให้คนมาใหม่ที่เป็น ชายร่างสูงเกินขนาดชายไทยทั่วไปอย่างปั้นแต่งเต็มที่ หวังว่าตนเองจะบดบังสายตาของนักล่าคนนี้ได้ทันจากเหยื่อชิ้นสุดเมื่อ ครู่นี้ได้

แต่หารู้ไม่ว่ามันไร้ผลสิ้นดี

ปรานต์’ เป็นพวกทรงอำนาจและอิทธิพลในพื้นที่แถบนี้ ชาย หนุ่มเปี่ยมไปด้วยความเป็นผู้ล่าอย่างสมบูรณ์แบบ ที่สำคัญวิธี การล่านุ่มนวลแยบยลไม่ทำให้เหยื่อตื่นกลัวตกใจแต่อย่างใด หากได้ลิ้มชิมเหยื่อรายไหน รายนั้นเป็นได้ตกในห้วงบ่วงเสน่หา แสนหวานล้าของปรานต์กันทั้งนั้น

แต่หากหมดสิ้นความหวานแล้วนั่น คือสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า

หญิงสาวหลายคนต่างยอมศิโรราบให้ปรานต์มานักต่อนัก แล้ว ที่ว่ายาก ที่ว่าหวงเนื้อหวงตัว ปรานต์จัดการได้ เขาไม่ได้ใช้ กำลังข่มขืนใจบังคับเอา แต่เหยื่อเหล่านั้นต่างหากที่ยอมให้ ปรานต์เองทั้งสิ้น

“เด็กใหม่หรือไงครับ

คนสนิทที่เห็นสายตาของผู้เป็นนายมองตามหลังไปแวบหนึ่งก็ พอรู้ความ รีบถามข้อเสียงอย่างรู้ใจผู้เป็นนายดีราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน

“ถามทำไมตง ชอบหรือไง เดี๋ยวเด็กแกได้มาถอนหงอกฉันอีก หรอก”

‘ตง’ คนสนิทยิ้มก่อนเม้มปากตนเองกลัวจะหลุดขำออกมาแล้ว ถึงได้เงียบไป หญิงคนนี้เป็นคนกล้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าออกปากว่านายของเขาได้โดยที่ปรานต์ไม่คิดโกรธเคืองเสีย ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นนายของตงก็หน้านิ่งดึงไปมากทีเดียวเมื่อถูก อเสียงตีวัวกระทบคราดเข้าให้อย่างจัง หญิงวัยเลยหลักไป ไกล โชปรายตามองนายของตง จีบปากจีบคอถาม

“มีอะไรหรือคะ มาถึงนี้ได้”

ปรานต์เลือก โซฟาตัวใหญ่ในห้องนั่งลงแล้วถึงเอ่ยปากออก มา “เรื่องหุ้นที่บอกจะขาย

“อ้อ เรื่องนั้นเอง เชิญนั่งก่อนค่ะ”

แล้วจึงเริ่มเจรจากันจากนั้น นานร่วมชั่วโมงกว่าจะได้ข้อสรุป ซึ่งเป็นที่น่าพอใจกันทั้งสองฝ่าย ข้อเสียงยิ้มก่อนเอื้อนเอ่ยเอาใจ เมื่อผลประโยชน์ลงตัวอย่างที่หมายมาด

“ดื่มอะไรก่อนนะคะ เดี๋ยวให้เด็กๆ เตรียมห้องให้อยากได้ ใครมาบริการคะคืนนี้ น้องหลิน หรือ น้องเฌอเอม

ปรานต์ทำเพียงยิ้มแล้วว่าเรียบๆ ตามนิสัยของตน และคำ ตอบไม่ผิดจากที่ข้อเสียงคาดการณ์เอาไว้เท่าใดนัก

“ไม่ดีกว่าครับวันนี้ไม่อยากดื่ม

“ว้า น้องๆ รู้เข้า เสียใจแย่ สงสัยอยากเก็บท้องไว้กินของสด ซ้อเสียงเหน็บยิ้มๆ อย่างพอรู้แกว

แต่คนหนุ่มอนาคตไกลไม่ว่าอะไรให้ระคายหูระคายอารมณ์ แม้ปรานต์จะอยู่บนสุดห่วงโซ่ของวงจรนี้ แต่เขาไม่ใช่คนโผงผาง ที่นึกคิดอยากพูดจาอะไร ทำอะไรก็ทำลงไปเลยแบบไม่นึกถึงคนอื่น ชายหนุ่มรักษามาดของความเป็นผู้นำเอาไว้ได้เสมอ

หลังเจรจาธุระเรียบร้อย ผู้เป็นนายของคงไม่ได้นั่งดื่มในร้าน อย่างทุกทีแต่ให้จอดรถรอที่ทางด้านหลังร้านแทน

งลอบมองนายผ่านกระจก

พบว่าอีกฝ่ายนั่งรอเงียบๆ ที่เบาะหลังอย่างไม่มีท่าที่ร้อนรนแต่ ประการใด นิ่งคล้ายรอดูความเคลื่อนไหวของเหยื่อเหมือนนักล่า ในป่าไม่ผิดเพี้ยน

คงรู้ว่านายของตนต้องเหยื่อชิ้นนี้เอาไว้แล้ว และไม่มีทาง

ปล่อยให้หลุดไปได้อย่างแน่นอน

ทันทีที่ถึงเวลาปิดบริการ รวมทั้งเป็นเวลาเลิกงานของ พนักงานในร้าน ต่างทยอยกันออกมาบ้างบางส่วน ไม่นานจาก นั้นคนที่เพิ่งได้ทำงานวันนี้วันแรกอยู่จัดการเก็บกวาดงานของ ตนเองจนเรียบร้อยดีรวมถึงช่วยงานที่ค้างคาในส่วนอื่นเสร็จสิ้น หิ้วสัมภาระตนเองผ่านประตูหลังร้านออกมานาทีนี้เอง

ตงจึงเปิดประตูรถแล้วปรี่เข้าไปหาทันที พร้อมเรียกด้วยเสียง ไม่ดังเท่าใดนัก

“น้อง น้อง”

“คะ” ปราณปริยาผงะ หันซ้ายขวามองว่าเรียกตนหรือไม่ รับคําด้วยท่าทีระแวดระวังตัว ตงถามกลับทันที “กลับยังไง ไปกับพี่ไหม
มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าหวาดกลัว เป็นใครก็ไม่รู้จัก จู่ๆ มาบอก ให้กลับบ้านด้วย เธอไม่ใช่เด็กห้าขวบนะ

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”

ตอบจบจับกระเป๋าเป้ขึ้นพาดปิดหน้าอก ก้มหน้าเดินลิ่วๆ จาก ไปอย่างว่องไว โชคดีที่มีรถสองแถววิ่งจากหน้าร้านไปจนถึงปาก ซอยเข้าบ้านของเธอ จึงกระโดดขึ้นไปบนรถ ซึ่งกินเวลาไม่นาน ถึงได้ออกจากบริเวณนั้นไป

ตงกลับมานั่งที่หลังพวงมาลัยรถยนต์อย่างรู้งาน เมื่อครู่ที่ลง ไปชวนกลับบ้านก็แค่หย่อนเบ็ดดูว่าคนที่นายสนใจมีใครมารับ หรือไม่เท่านั้น เมื่อเห็นว่ากระโดดขึ้นรถสองแถวไปยิ่งน่าห่วง จึง ค่อยๆ เคลื่อนรถตามเป้าหมายไปจนรู้พิกัดของอีกฝ่าย

บ้านเช่าสร้างเรียงติดกันนั่น ทำเอาคนในรถขมวดคิ้วนิ่วหน้า มองอย่างไม่ใคร่พอใจเท่าไรนัก ปรานต์มองสภาพแวดล้อม โดย รอบด้วยสายตาสํารวจ ก่อนมองไปยังกลุ่มชายฉกรรจ์ที่นั่งอยู่ ตรงเก้าอี้หินอ่อน ใต้ต้นไม้ใหญ่ พวกนั้นมองหญิงสาวที่เขาตาม มาจนหายลับเข้าบ้านไป

ปรานต์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงสั่งให้คนของตนออกรถจากไปบ้าง ตงรู้ว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาจะต้องมาตามเฝ้าตามดูหญิง สาวคนนี้ระหว่างร้านของข้อเสียงและที่บ้านเช่าของเธอไป จนกว่านายของตนจะได้ลิ้มชิมรสนั่นเองถึงหมดหน้าที่ของตนใน ที่สุด

“กลับมาแล้วหรือลูก”
เสียงถามงัวเงียจากโทรทัศน์จอเล็กที่เปิดเอาไว้ฟังข่าวสาร และสลับดูละครจนเคลิ้มหลับไปตอนไหนไม่รู้ได้ มารู้ตัวอีกทีเมื่อ เห็นว่าบุตรสาวกลับมาแล้ว

ปรียามองดูเลือดเนื้อของตนเองที่ดินนั้นต้นออกไปหางานทำ ด้วยสายตาสงสารจับหัวใจ

“จ๊ะแม่ เขาจ่ายค่าแรงรายวันด้วยนะ นี่…นิ่มให้แม่

เจ้าตัวล้วงเอาเงินออกจากกระเป๋ายื่นส่งให้มารดาด้วยดวงตา เป็นประกายระยิบระยับอย่างคนมีความหวังเต็มเปี่ยม

คนเป็นแม่ไม่ได้รับ นางดันมือลูกเป็นเชิงว่า ให้เก็บไว้ ถาม

“เขาจ้างวันละเท่าไรกันเชียว

“ห้าร้อยแน่ะแม่

“แล้วให้แม่หมดนี่ หนูจะเอาที่ไหนไว้ใช้ละลูก”

“นิ่มได้ทิปอีกตั้งเยอะเลยนะแม่” ว่าจบล้วงเอาเศษเงิน ออก มาให้มารดา ปรียายิ้มมองบุตรสาวคนเดียวด้วยสายตาภาค ภูมิใจปนสังเวชในชะตาชีวิตของตนและลูก ก่อนจะย้ายตามสามี คนหนึ่งมาอยู่ในมหานครแห่งนี้ นางเคยอยู่ที่ต่างจังหวัดกับสามี คนก่อนหน้าที่เป็นชาวสวนไม่ลำบากเท่าตอนนี้ แต่แล้วอีกฝ่ายก็ เสียชีวิตไป

‘ปราณปริยา’ เป็นบุตรสาวคนเดียวของนาง
จากเด็กหญิงตัวเล็กๆ บัดนี้เติบใหญ่เป็นสาวสะพรั่ง ที่สำคัญ โตเกินวัยไปจนคนเป็นแม่ใจหาย ผิวพรรณไม่ได้ขาวดั่งสำลีแต่ เนียนละเอียดนิ่มละมุน

ปราณปริยาเป็นเด็กขยันขันแข็ง อดออม ทํางานเก่ง นางจำได้ แม่นยำ เมื่อตอนที่ปราณปริยาอายุได้เพียงห้าขวบก็เริ่มหาของ ไปขายกับนางที่ตลาดแล้ว บ้างก็รับจ้างทําความสะอาดบ้านให้ เหล่าคนมีอันจะกินในละแวก ถากหญ้า ปลูกต้นไม้ หรืองานเก็บ ผลผลิต ในสวนก็ทำมาแล้วทั้งนั้น งานหนักเอางานเบาสู้ไม่ถอย คิดๆ แล้วสงสารลูกไม่น้อยที่ต้องมาลำบากเช่นนี้

พลันความคิดของคนเป็นแม่ก็จางหายไปกับอากาศ เมื่อมี เสียงโหวกเหวกโวยวายดังที่หน้าบ้าน

บ้านที่เป็นของสามีคนปัจจุบัน

“มีใครอยู่บ้าง หาข้าวให้กินหน่อยโว้ย ทำงานทั้งวันจนเมื่อย

ไปหมดแล้วเนี่ย”

ปรียานิ่ง มองจนเจ้าของเสียงที่เป็นชายหนุ่มหน้าตาคมสัน ผิว พรรณขาวสะอาดเหมือนผู้ดีที่เปิดประตูเดินโซเซเข้ามายืนอยู่ ตรงกลางบ้านแล้วจึงถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“งานอะไรของเอ็งยุทธ ทำไมเมากลับมาแบบนี้” คนเมาไม่ตอบแล้วมองไปทางอีกคนด้วยสายตาจาบจ้วง ปราณปริยาหลบตาไม่มองตอบ แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ

“นิ่มไปนอนก่อนนะแม่
แล้วรีบผละไปจากตรงนั้นทันที

ปราณปริยาไม่เคยรังเกียจสามีใหม่ของมารดา แม้ว่าท่านจะ เปลี่ยนหน้ามากกว่าสามครั้งสามคนแล้วก็ตามที แต่ละคนที่ มารดาคบหาไม่น่าหวั่นใจเท่าคนปัจจุบันสักคนเดียว

เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับยุทธนา ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่า มารดาร่วมสิบปีนั้น มองเธอด้วยสายตาน่ากลัวและขยะแขยง เหลือเกิน จึงปลีกตัวไปยังห้องของตนเองที่อยู่เบื้องไปอีกนิดจาก ห้องนอนของท่าน

เข้าห้องแล้ว หยิบผ้าขนหนูและชุดใส่นอน ค่อยไปยังห้องน้ำ ที่มีเพียงห้องเดียวที่ด้านหลัง จัดแจงอาบน้ำโดยไวเพื่อจะได้ไม่ ต้องเจอยุทธนา พ่อเลี้ยงของเธอ เรียบร้อยดีแล้วจึงเข้าห้องปิด ลงกลอนอย่างแน่นหนาเตรียมตัวนอนพักเพื่อที่จะได้ตื่นไปเรียน ในเช้าของอีกวัน

ในความมืดนั่นเองที่เด็กสาวนอนคิดถึงเงินที่ตัวเองกำลังจะได้ รับ หากไปทำงานติดกันทุกวันหนึ่งเดือน เธอจะมีเงินเป็นหมื่นๆ และมันมากพอที่จะให้แม่ แม่ของเธอทำงานไม่ได้แล้วในตอนนี้

ท่านเจ็บป่วยบ่อยและล้มหมดสติต่อหน้าเธอสามครั้งได้

โชคดีที่พอมีคนแนะนำงานในร้านของซอเสียง ให้ เธอจึงรีบไป สมัครเอาไว้ไม่คิดว่าทางนั้นจะรับเข้าทำงานด้วยซ้ำ และหากได้ ทำที่นี่ไปอีกระยะ ว่าจะลองขอให้แม่ย้ายออกจากบ้านหลังนี้ ไป เช่าที่อื่นอยู่กันสองคนแม่ลูก เธอไม่เคยกีดกันหากแม่จะมีสามี ใหม่แต่ต้องไม่ใช่แบบนายยุทธนา
ยุทธนา โอ และชอบข่มเหงมารดาของเธอ ปราณปริยาเคย ร้องไห้และขอร้องให้ท่านย้ายไปอยู่ที่อื่นหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่มารดาก็เงียบไม่ยอมตอบรับคำของเธอ

ถอนหายใจออกยืดยาวอย่างปลงไม่ตก ก่อนปิดตาลงเตรียม นอน พลันพอดีกับที่มีข้อความเข้ามายังโทรศัพท์ที่มารดายกให้ เธอไว้ใช้

ขอโทษครับที่ส่งข้อความมาตอนนี้ แต่ทนคิดถึงไม่ไหวจริงๆ อยากให้เข้าไวๆ จะได้เจอหน้ากัน

อ่านจบอดขมวดคิ้วไม่ได้ เมื่อนึกถึงคนที่ส่งข้อความมา แล้ว ถึงวางโทรศัพท์ลง หลับตานอนไม่นานความอ่อนเพลียที่สั่งสม มาตลอดทั้งวันก็ครอบงำสติพาเข้าสู่นิทรารมณ์ได้ในที่สุด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ