บทที่ 6 ใจอ่อนในฉับพลัน
ของสะสมชุดสุดท้ายคือตราประทับหยกดอกเหมย มีเพียงขนาด นิ้วก้อยของผู้หญิง มีรูตรงกลาง มันสามารถใช้เป็นจี้สร้อยคอได้ และเป็นตราประทับส่วนตัวของผู้หญิงในราชวงศ์ซ่ง แม้ว่าจะมี ขนาดเท่ากระเป๋า แต่ก็มีการกล่าวกันว่ากลีบดอกเหมยแต่ละ ดอกถูกจารึกไว้ด้วยตัวอักษรนับพันตัว มีความประณีตละเอียด เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของการประมูลใน ครั้งนี้
ทันทีที่มีตราประทับออกมา มันก็ดึงดูดให้ทุกคนเสนอราคา และงานก็มีความเป็นชีวิตชีวาอย่างที่สุด
ก่อนหน้านี้เฟิงเฉินได้ประมูลของเล็กๆน้อยๆ ให้หลัวแมนจี หลายชิ้นแล้ว ซึ่งล้วนแต่มีมูลค่าทั้งหมด ซึ่งการประมูลครั้งนี้ไม่ ได้น่าสนใจมากนัก เขาไม่สนใจตราประทับนี้เลยแม้แต่น้อย แต่ ในไม่ช้าเขาก็สังเกตได้ว่าถั่วมั่นดูเหมือนสนใจตราประทับนี้เป็น อย่างมาก ซึ่งตามมาด้วยราคาสูงมากถึงห้าล้าน
“คุณผู้หญิงลั่วห้าล้าน ครั้งที่หนึ่ง……
“ห้าล้านห้าแสน”
ผู้จัดการประมูลกำลังต่อราคา หลังจากเห็นคนที่เสนอราคา หลังจากลังเลประมาณสองสามวินาที เสียงของเขาก็แปลกไป โดยไม่รู้ตัว “คุณผู้ชายเง………..ห้าแสน…
ล้วมั่นหันหน้ากลับมามองด้วยความประหลาดใจ มองไปยัง ร่างด้านข้างของเฟิงเฉิน
ดวงตาของเขานั้นกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง ราวกับกำลัง บอกเธออยู่ว่า คุณไม่ชอบเหรอ? ฉันไม่ยอมให้คุณสมปรารถนา หรอก
ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล
นี่เป็นครั้งแรกที่สามีภรรยาแข่งกันประมูล แล้วยังมาเจอกันใน งานประมูลเดียวกัน มันไม่เหมือนกันเหรอเมื่อใครซื้อกลับไปได้?
นี่เป็นไปตามข่าวลือที่บอกว่าทั้งสองที่นั่งด้วยกันไม่ถูกกันใช่ ไหม?
เมื่อมองไปยังตราประทับที่หมุนได้บนแท่นการประมูล ลั่วมั่นก็ กัดฟันและยกมือขึ้นอีกครั้ง
“คุณผู้หญิงลั่ว หกล้าน
ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างข้างๆเธอก็แทบจะยกป้ายขึ้นในทันที
“คุณผู้ชายเฟิง หกล้านห้าแสน…..”
ในที่สุดการเสนอราคาของทั้งสอง ก็มาเสนอราคาสูงถึงสิบ สองล้านสำหรับตราประทับหยกดอกเหมย
“คุณผู้หญิงลั่ว สิบสองล้าน…..
เกือบจะในเวลาเดียวกับที่ผู้จัดประมูลตะโกนราคานั้น สายตาของทุกคนก็มองไปที่ร่างของเฟิงเฉิน
เฟิงเฉินขมวดคิ้ว มองไปยังลั่วมั่น
ดูเหมือนว่าเธอจะติดใจกับตราประทับนี้เป็นพิเศษ ท่าทาง กัดฟันทะเยอทะยานเช่นนั้น จู่ๆ ก็ทำให้เข้าใจอ่อนลงเล็กน้อย
หลัวแมนจีข้างกายที่กำลังเรียกร้องอย่างขะมักเขม้นนั้น รีบที่ จะยกป้าย แต่กลับถูกเฟิงเฉินหยุดไว้
“ทำไมล่ะ? คุณชายเฟิง? “หลัวแมนจีมองเขาอย่างร้อนใจ “ตราประทับชิ้นนี้ฉันชอบมากเลยนะ”
เฟิงเฉินเหลือบตามองเธอเบาๆ แล้วพ่นคำพูดอันน่าสังเวช ออกมา
“ไม่มีเงินแล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าตรงมุมปากของหลัวแมนจีก็หยุดชะงัก
ทั้งเมืองเจียง ใครก็สามารถบอกได้ว่าตัวเองไม่มีเงิน แต่เฟิง เฉินนะเหรอ? โกหกใช่ไหม?
“โอเค คุณผู้หญิงลั่วสิบสองล้านครั้งที่หนึ่ง…..สิบสองล้านครั้ง ที่สอง…”
ผู้จัดการประมูลมองลั่วมั่นด้วยรอยยิ้ม ค้อนประมูลในมือ เกือบจะทุบลง ในยามที่ทุกคนคิดว่าตราประทับนี้จะไปอยู่ในกระ เป๋าของถั่วมั่น ทันใดนั้นสายตาของผู้จัดประมูลก็จ้องไปบนชั้น สองที่นั่งพิเศษ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแล้วเปลี่ยนทิศทาง
“คุณฉี สิบสี่ล้าน…..”
ห้องโถง ใหญ่เกิดความปั่นป่วน ทุกคนหันมองหน้ากันและกัน ทุกคนกำลังมองหาคนที่ยกป้าย ไม่รู้ว่าใครที่กันที่กระซิบว่า “อยู่ ชั้นบน”
ทุกคนเงยหน้าขึ้น เป็นอย่างที่คาดไว้ทุกคนมองไปยังที่นั่งชั้น พิเศษบนชั้นสอง มีผู้ชายที่ดูเหมือนเป็นผู้ช่วยกำลังยกป้าย ข้าง หลังของเขามีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ มองไม่เห็นรูปร่างชัดเจน เห็น เพียงแค่ชุดสูทลายสก๊อตสีน้ำตาลที่สวมอยู่ กำลังดื่มชาอย่าง ช้าๆ ดูแล้วช่างสง่างามและเป็นสุภาพบุรุษ
“สิบสี่ล้านครั้งที่หนึ่ง………สิบสี่ล้านครั้งที่สอง…..
ภายใต้ความวิตกกังวล ลั่วมั่นกัดฟัน แล้วยกป้ายขึ้นอีกรอบ “สิบสี่ล้านห้าแสน
“คุณผู้หญิงลั่ว สิบสี่ล้านห้าแสน
ผู้จัดประมูลเพิ่งจะตะโกนราคาประมูลที่เสนอ บนชั้นสองก็มี เสียงเสนอราคาประมูลดังขึ้นมา
“สิบแปดล้าน”
ห้องโถงใหญ่กลับมีเสียงของบรรยากาศอันเย็นยะเยือก
ครั้งนี้ราคาประมูลพุ่งสูงถึงครั้งล่ะครึ่งล้าน แม้แต่คนอย่างเพิ่ง เฉิน ทุกครั้งที่เสนอราคานั้นมากสุดก็ไม่เคยมากกว่าหนึ่งล้าน แต่ ชายผู้ลึกลับบนชั้นสองนั้นกลับเสนอราคาเพิ่มขึ้นสามล้านห้า แสนภายในคราวเดียว ทั้งหมดเจ็ดเท่า
ลั่วมั่นเม้มริมฝีปาก แล้วจับแผ่นป้ายราคาในมือแน่น ดวงตา ของเธอเกิดความขมขื่นขึ้น และไม่ได้เสนอราคาเพิ่มอีกต่อไป สิบแปดล้าน ราคานี้สูงเกินไปแล้ว สู้ไม่ได้แล้ว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ