ตอนที่ 6 จิตเสน่หา
สนามบินสุวรรณภูมิ
ร่างบางก้าวยาวนำบิดามารดามาถึงด้านในสนามบิน พร้อมกระเป๋าใบใหญ่สองใบ ลุงแช่มคนขับเป็นผู้ดูแล อำนวยความสะดวกในการเข็นสัมภาระตามเจ้านายทั้ง สามมา เสียงฝีเท้าดังแว่วนิลลนาหันมองเห็นเพื่อนกำลัง เดินมาพร้อมพี่ชายที่เข็นกระเป๋าใบใหญ่มา
ดาริกายกมือไหว้บิดามารดาเพื่อนแล้วแสร้งยิ้ม หันมอง พี่ชายแล้วส่งสายตาให้ นัทพลรีบกระพุ่มไหว้เช่นเดียวกัน ผู้ใหญ่สองคนรับไหว้แล้วหันมาทางบุตรสาว
“เครื่องใกล้ออกแล้วเดินทางดีๆ นะลูก”วิชยุทธบอก
“ค่ะพ่อ”
“ยังไงพ่อฝากดูแลนิลด้วยนะดา ไปกันสองคนต้องช่วย ดูแลกันและกัน”
“ค่ะพ่อ ดาจะดูแลให้อย่างดีเลยค่ะ”ดาริการับปากแม้ใน
ใจจะรู้สึกผิดมากก็ตาม
“แล้วพี่ชายของดาไม่ไปด้วยเหรอจ๊ะ”นิราพรชำเลือง มองหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางภูมิฐานดูเหมาะสมกับลูกสาวพอควร
“ไม่ไปค่ะ พี่ชายติดงานค่ะคุณแม่”
“ได้เวลาแล้ว ไปเถอะ”
ดาริกายืนข้างเพื่อนแล้วกระซิบกระซาบ ใจเต้นกระหน่ำ ราวกับกลองศึก ตนเองทำผิดมหันต์พอเห็นหน้าพ่อและ แม่เพื่อนจิตสํานึกมันด้านดีดันทำงาน รู้สึกคันปากอยาก บอกความจริง แต่ทว่ามือของนิลลนากลับสะกิดขมวดคิ้ว ยุ่งเพื่อห้าม
“อย่าเชียวนะยัยดา ฉันไม่ยอมด้วย!”
“แกไม่เห็นเหรอพ่อแม่แกเป็นห่วงแค่ไหน”
“เถอะน่าเดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้ว แกก็เที่ยวที่แคลิฟอร์เนีย ให้สนุกไปสิ นัดกับหนุ่มที่นั้นไว้ไม่ใช่เหรอ”
“เออ ก็ได้ๆ”
สองร่างเดินทางเข้าช่องทางผู้โดยสารขึ้นสู่ตัวเครื่อง นิ ลลนาทอดสายตามองปุ๋ยเมฆแล้วยิ้มสดใส อีกไม่นานคง ได้พบกันแล้วเมืองแห่งทะเลทรายไฮดริก ที่นั้นคงมีเรื่อง สนุกๆ รอเธออยู่อีกมาก
เครื่องบินลงจอด ณ ลอสแอนเจลิสสนามบินนานาชาติ สองสาวสายเลือดชาวไทยออกจากช่องผู้โดยสาร นิ ลลนาหยุดยืนรอกระเป๋าเดินทางพร้อมเพื่อน ราวยี่สิบ นาทีสัมภาระถูกลำเลียงออกมา
“ฉันต้องเดินทางต่อนะดา แล้วแฟนแกจะมารับหรือยัง ล่ะ”นิลลนาถามเพื่อน แล้วกวาดตามองหาหนุ่มตาน้ำข้าว ที่ดาริกานัด
“มาแล้วแหละ ว่าแต่แกไปคนเดียวได้แน่นะ แล้วรู้เหรอ ว่าขึ้นรถตรงไหน
มือบางยกโบก เธอศึกษามาดีพอไม่มาหลงทางอยู่ที่นี่ หรอก
“ไม่ต้องห่วงหรอกยัยดา ฉันศึกษามาแล้ว แถมเมืองไฮ ดริกยังใช้ภาษาอังกฤษเสียส่วนใหญ่ นอกจากชนพื้น เมืองที่ยังคงภาษาท้องถิ่น ฉันไม่ได้ออกไปไหนไกลหรอก แก อยู่ในตัวเมืองแล้วก็เดินทางกับทัวร์ของเมืองเท่านั้น แหละ”
ดาริกายังคงกังวล เกรงเพื่อนจะเกิดอันตรายแต่ดูท่าทาง นิลลนาไม่ได้รู้สึกหวั่นใจอะไรเลย
“ถ้างั้นฉันไปส่งแกก่อนแล้วกันนิล ยังไงก็เป็นห่วง”
“ไม่ต้องก็ได้เดี๋ยวแฟนแกมาไม่ใช่เหรอ
ครู่หนึ่งนิลลนาได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมชายรูปร่างสูง ใหญ่โบกมือยิ้มระรื่น ชายคนนั้นมีดวงตาสีฟ้า ผิวขาว จัด ผมสีทอง สวมเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงยีนส์รองเท้า ผ้าใบ ท่าทางดูสุภาพ เขาเดินตรงมายังเธอและเพื่อน นิลลนาคุ้นหน้าเป็นอย่างดีเพราะเคยดูผ่านหน้าจอ คอมพิวเตอร์เพื่อนมาก่อน
โดยปกติดาริกามีคนพูดคุยต่างเพศมากมาย ใน มหาวิทยาลัยยังเคยรถไฟชนกันจนเกิดเรื่องวุ่นวายหลาย ครั้ง แต่เพราะเธอจะคอยไกล่เกลี่ยตลอด มองดูแล้วคง ไม่ต้องกังวลอะไรเพราะรถที่มารับเพื่อนค่อนข้างหรูที เดียว อีกอย่างสองคนนี้คบหากันมาหลายปีแล้วเคยเดิน ทางมาหากันไม่น้อยกว่าห้าครั้ง
“ไฮอิริค”ดาริกาเอ่ยทัก เจ้าของร่างสูงโปร่งจุมพิตแก้ม สองข้างเพื่อทักทายก่อนหันไปทางหญิงสาวอีกคน
“เพื่อนยูหรือลิลลี่”
“ใช่แล้วจ้ะ”
อิริคโน้มกายเข้าหาเพื่อทักทาย แต่ร่างบางถอยห่าง ยกมือปราบ ขนบธรรมเนียมของเขากับเราไม่เหมือนกัน ไม่ได้สนิทชิดเชื้อถึงขนาดโอบกอดจุมพิตกันได้
“โนๆ”นิลลนายกมือจับแทน
หนุ่มตาน้ำข้าวมองด้วยความมึนงงแล้วยกมือจับตาม ความต้องการของอีกฝ่าย
“โทษทีนะอิริค เพื่อนไอเป็นสาวหัวโบราณ”ดาริกาแซว
“ไม่เป็นไรหรอก”ชายหนุ่มตอบ “เพื่อนลิลลี่ไม่ไปกับเรา
ใช่ไหม”
“ใช่จ้ะ”
“คุณอยากเดินทางไปประเทศซากวัยใช่ไหม ผมให้คน พาไปส่งที่เมืองไฮดริกเอาไหม”
คนถูกถามหูผึ่งหันมาให้ความสนใจทันที
“แน่ใจเหรอคะ”
“ครับ ผมเตรียมรถมาให้แล้วด้วย พอดีลิลลี่บอกผมผม เลยเตรียมการมาพร้อม”
เธอหันมองเพื่อนแววตาทอประกาย แล้วโผเข้ากอดด้วย ความซึ้งใจ
“ขอบใจแกมากนะ”
“ไม่เป็นไรเดินทางดีๆ ล่ะยัยนิล”
รถจิ๊บคันใหญ่ถูกจอดเทียบคนขับลงมาขนสัมภาระขึ้น รถ นิลลนาโบกมือลาเพื่อนสาวและแฟนหนุ่มแล้วเปิด ประตูขึ้นรถ มันเคลื่อนออกจากสนามบินมุ่งหน้าไปยัง ประเทศซากวัย แหล่งอารยธรรมอันงดงาม
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ