น้ำผึ้งในรอยทราย

ตอนที่ 2 จิตเสน่หา



ตอนที่ 2 จิตเสน่หา

เธอปลีกตัวออกมาจากวงศาคณาญาติและหลีกเลี่ยง สายตาพี่ชายเพื่อนยามมองมาเหมือนต้องตาต้องใจ มา ถึงกลุ่มของตนเองบิดารีบโอบไหล่บุตรสาวพากันขึ้นรถ เดินทางไปยังร้านอาหารไทยชื่อดัง อดีตเอกอัคราชทูต ประจำประเทศเดนมาร์กมายังโต๊ะไม้สักขนาดใหญ่ มี เก้าอี้ไม้บุนวมสีครีม ตรงกลางวางแจกันดอกกุหลาบขาว สามจุด ผ้าปูลูกไม้สีขาว ทุกคนนั่งประจำที่โดยมีวิชยุทธ อยู่หัวโต๊ะ

ไม่นานอาหารถูกลำเลียงมาเสริฟ์เพราะทางลูกค้า ทําการสั่งไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย อาหารอิตาเลี่ยน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและอาหารไทยหน้าตาน่าทานจนทุกคนน้ำลาย สอ นิลลนามองบิดาแล้วยิ้มกว้างคิดไม่ออกว่าควรตัก จานไหนทานก่อนดีเพราะมันล้วนแล้วแต่เรียกน้ำย่อยให้ ทำงาน

“น่าทานมากเลยค่ะพ่อ”นิลลนาชมเปราะ ก่อนตักยำสาม กรอบใส่ปาก

“น่าทานก็ทานมากๆ นะลูก วันนี้เป็นวันของนิลเลย”คน เป็นพ่อบอก

หญิงสาวไม่รอช้ารีบตักอาหารโปรดของตนใส่จานเพิ่ม ญาติพี่น้องเลยจัดการตาม ในวงมีการพูดคุยกันตาม ประสาจนเลยไปถึงการหางานหลังจบการศึกษาของนิลลนาด้วย คนถูกเอ่ยถึงนั่งเงียบกริบช่วงเวลาสําหรับการ เล่าเรียนมันยาวนานมากแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ต้องการทําคือ ท่องเที่ยวประเทศที่ใฝ่ฝันมานาน

จบมื้ออาหารทุกคนออกมายืนออด้านหน้า บรรดาญาติ ต่างพากันกล่าวขอบคุณและร่ำลาเพื่อเดินทางกลับที่พัก ของตนเอง นิลลนายกมือกระทุ่มไหว้จนกระทั่งรถเคลื่อน หาย ถึงคราวตัวเองต้องพักผ่อนบ้างเพราะเหนื่อยมาทั้ง วันเช่นกัน

“กลับกันเถอะค่ะคุณ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”นิราพร เอ่ยชวน เธอเองค่อนข้างเพลียเหมือนกัน

ครอบครัวทั้งสามขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน รถเคลื่อน เข้าสู่บ้านเดี่ยวราคานับสิบล้าน ด้านหน้าเป็นสนามหญ้า มีไม้ถูกตัดแต่งเป็นรูปสัตว์ต่างๆ หินขนาดใหญ่จัดวาง อย่างสวยงาม ถนนทอดยาวสู่ตัวบ้าน เมื่อรถจอดเทียบ ทุกคนจึงลงแล้วสาวเท้าเข้าด้านในผ่านโถงกลางขนาด ใหญ่ พื้นเป็นหินอ่อนสีเทา ปีกซ้ายเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับ ครอบครัวและห้องรับรองแขกยามมาเยี่ยมเยือน ปีกขวา เป็นห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว

ชั้นสองมีบันไดวนราวจับสีเหลืองทอง มีห้องราวหก ห้องเพื่อรับรองยามญาติสนิทหรือเพื่อนบิดามาจากต่าง ประเทศเข้าพัก นิลลนาอยู่ห้องมุมสุดทางเดินเพราะไม่ ชอบเสียงรบกวนสักเท่าไหร่ เธอควงแขนบิดาไว้แน่นแล้ว ยกยิ้ม
“พ่อคะ วันนี้นิลขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ง่วงมากเลย”

“ไปสิลูก”

คนเป็นลูกหันมองมารดา “แม่นิลไปนอนก่อนนะคะ”

“ไปเถอะนิล พักผ่อนซะ เดี๋ยวเราต้องทําอะไรอีกมาก”

ฟังค่าแม่แล้วทําเอาเธอแทบอยากกระโจนหนีเสียเดี่ยว นี้ เพิ่งเรียนจบหมาดๆ ให้ทำงานเลยคงไม่ไหว พูดกับแม่ คงไม่ได้ผลที่บ้านพ่อใหญ่สุด เธอเชื่อว่าอย่างไรเสียพ่อ คงเข้าใจต่อการตัดสินใจนี้ เธอปล่อยแขนบิดาเป็นอิสระ ก่อนเดินขึ้นบันไดเข้าห้องตนเอง

ร่างบางล้มตัวลงนอนหยิบนิตยสารของประเทศซาก วัยมาอ่าน ประเทศซึ่งไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจนัก แต่ ทว่าเหตุใดมันถึงมีมนต์ขลังกับเธอนัก เพียงแค่เห็นเมือง ไฮดริกยามราตรี มันช่างสวยงามจนแทบอยากเข้าไปอยู่ ในสถานที่นั้น ผ่าจันทราสถานท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อ หาก คู่รักใดได้ไปอธิฐานที่นั้นล้วนแต่สมหวัง พระจันทร์ดวง กลมส่องแสงนวลผ่อง เหนือหน้าผาความสูงนับร้อยเมตร แค่เพียงคิดก็ทำให้ตื่นเต้นเสียจนนอนแทบไม่หลับแล้ว

และที่สำคัญกว่านั้น กษัตริย์แห่งประเทศมีเสียงลือเสียง เล่าอ้างกันมาหนักหนา เป็นบุรุษร่างสูงใหญ่นัยน์ตาสีอำพัน คั่วเข้มหนา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนา ได้รูป ดวงตาคมกริมราวกับเหยี่ยว ผมสีดำสนิท เขาว่ากัน ว่าพระองค์ทรงหล่อเหลาจนหญิงสาวใดได้พบเห็นต่าง มอบใจให้ แต่สําหรับนิลลนาเธอไม่ได้สนใจต่อตัวพระ องค์เลยสักนิด แค่เพียงต้องการท่องเที่ยวในประเทศนี้ เท่านั้น พรุ่งนี้เธอจะขอบิดาเพื่อเดินทางแค่ครั้งเดียวใน ชีวิต อยากไปมากจริงๆ ไม่รู้เพราะอะไร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ