4.ยามมีอยู่ไร้อาวรณ์
4 ยามมีอยู่ไร้อาวรณ์
“คารวะท่านแม่ขอรับ” ซือหยวนซาเอ่ยพลางย่อตัวทำความ เคารพสตรีวัยกลางคนตรงหน้า ที่แม้จะอายุเลยเลขห้าไปแล้ว แต่ยังคงมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ราวกับบุปผาแรกแย้ม
“มานั่งนี่สิอาซา แม่มีเรื่องจะคุยด้วย” ซื้อฮูหยินหรือชื่อจริง คือ ซื้อเหลียนฮวา สกุลเดิมคือสกุล[1]กล่าว
ขอรับ” ร่างสูงรับค่า แล้วตรงเข้าไปนั่งข้างๆ ผู้เป็นมารดา
“ที่ว่านางยอมลงนามในหนังสือหย่าให้เจ้า… เป็นความจริง หรือ!?” ซือเหลียนฮวาถามด้วยความประหลาดใจ เพราะก่อน หน้านั้นไม่ว่าบุตรชายคนสุดท้องจะใช้วิธีไหน เซียวหลินหลิงก็ไม่ ยอมแม้แต่จะยื่นมือมารับหนังสือหย่าด้วยซ้ำ
“จริงแท้แน่นอนขอรับท่านแม่” ซื่อหยวนซาตอบ
“ดียิ่ง! แล้วนี่นางจะไปจากจวนเราวันพรุ่งนี้เลยหรือไม่?” ซื้อเห ลียนฮวาถามต่อพลางยิ้มด้วยความดีใจอย่างไม่ปิดบัง แต่พอ เห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าก็หุบยิ้มทันที
“นางบอกว่าขอเวลาอยู่ที่นี่อีกเพียงสองราตรีเพื่อเก็บของ… และเมื่อครบกำหนด ข้าก็จะจัดคนไปส่งนางกลับจวนขอรับ…”
“อืม… อาซา…”
“ขอรับท่านแม่”
“แล้วหนังสือหย่าเจ้าได้เอาไปแจ้งแก่ทางการหรือยัง?
“ข้ายังมิได้ไปดำเนินการขอรับ” สิ้นคำพูดของอีกฝ่าย ซื้อเหลื ยนฮวาก็จ้องหน้าซือหยวนซา ก่อนถามด้วยแววตาคาดคั้นว่า
“เจ้ายังมิได้คิดอะไรกับนาง… ใช่หรือไม่?
“ไม่มีทางขอรับท่านแม่!” ซื้อหยวนซารีบปฏิเสธทันที แล้วถาม
“ไยท่านแม่สงสัยเช่นนั้นขอรับ!? ลูกไม่มีทางคิดแน่นอน…
“แม่เพียงแค่กลัวเจ้าจะใจอ่อนให้กับการกระทำของนาง
จะไม่ให้นางคิดอย่างนั้นได้เช่นไร ถึงนางจะไม่ชอบสะใภ้คนนี้ แต่ ชื่อเหลียนฮวาก็ยอมรับว่าเซียวหลินหลิงมีใบหน้าที่งดงาม หมดจด ทั้งได้ข่าวว่าตลอดสามปีพยายามใช้กลยุทธ์ต่างๆ รบเร้าขอความรักจากซื้อหยวนซาอยู่ทุกวัน และอาซาของตนก็ เป็นคนขี้สงสารเสียด้วย
ซื้อเหลียนฮวาจึงกลัวว่าร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ จะเกิดใจอ่อนไม่ อยากหย่าขึ้นมา
“ถึงอย่างไรข้าก็ไม่มีทางลืมเรื่องช้าที่นางทำกับข้าได้หรอก ขอรับ”
และไม่มีวันด้วย! ซือหยวนซาตะโกนเสียงดังในใจ
“อืม… แม่เข้าใจ” ซือเหลียนฮวาเอ่ยพร้อมกับใช้มือลูบหัว บุตรชายที่เอนตัวลงมานอนตกนางราวกับเป็นเด็กน้อยเบาๆ และอีกใจแม่ก็ดีใจที่เจ้าไม่ได้หมั้นกับสตรีนางนั้น… ซื้อเหลื ยนฮวาคิดในใจ
ก็รู้ว่าซื้อหยวนซาไปหลงรักเกาเซียนจือ สตรีที่มีชื่อเสียง ฉาวโฉ่ขนาดนั้นได้อย่างไร ครั้นจะห้ามคงมีฟัง เพราะความรัก บังตา
โชคดีเหลือเกินที่เมื่อสามปีก่อนเชี่ยวหลินหลิงดำเนินแผนตัด หน้าทั้งสองคน ซึ่งเพิ่งกำหนดวันหมั้นกันในอาทิตย์หน้า ด้วย หากปล่อยให้หมั้นกันไปแล้วคิดถอนภายหลัง ก็คงลำบากน่าดู…
อย่างไรก็ตาม… ซื้อเหลียนฮวาไม่ชอบใจอย่างยิ่งที่เชียวหลิน หลิง ใช้วิธีสกปรกรวบหัวรวบหางบุตรชายของตน ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ เต็มใจและยังเป็นการทำผิดธรรมเนียมอีก
นางยังไม่ทันจะได้มีสะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รอง ก็มีสะใภ้สามเข้า มาอยู่ในจวนเสียแล้ว… แถมพ่วงมาด้วยความร้ายกาจและเส แสร้งที่ทำให้หลายๆ คนสุดระอา…
บางทีซื้อเหลียนฮวาก็นึกสงสัยว่าสตรีผู้นั้นไปกินดีหมีมาหรือ ว่าอย่างไร!? ไยจึงกล้าทำเช่นนี้
นางแทบมอยากจะเชื่อว่าย้อนไปเมื่อสิบปีก่อน ตนเองเคยรู้จัก และเคยรับเด็กน้อยคนนี้เข้ามาอยู่ในจวน แม้จะเป็นช่วงเวลา สั้นๆ ไม่ถึงอาทิตย์ ตอนนั้นเชียวหลินหลิงเป็นเด็กว่านอนสอน ง่าย มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ซ้ำยังเข้ากับบุตรชายทั้งสามได้เป็นอย่างดี
แต่ใครเล่าจะคิดว่าดรุณีน้อยผู้น่ารัก ในวันนั้นจะเติบโตมาเป็น สตรีเจ้ามารยา ในวันนี้
ซือเหลียนฮวาและทุกคนในจวนสกุลซือจึงมึนตึงใส่ ด้วยหวัง ว่าจะทำให้นางสำนึกในความผิดของตนแล้วลงนามหย่า กลับ จวนสกุลเก่าไปแต่โดยดี
ทว่า… ดูเหมือนเซียวหลินหลิงหาคิดได้ไม่ ยังคงใช้ชีวิตอยู่ใน จวนสกุล ชื่อตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่เรียกหน้าด้านแล้วจะให้เรียกว่าอย่างไร!?
ครั้นจะใช้กฎ 7 ขับไล่[2] ให้นางออกไป นางก็ไม่ได้ทำผิดสัก ข้อ… พวกเขาจึงทำได้เพียงอดทน
หากมิติดว่าท่านพี่เกิดเมตตาเซียวหลินหลิงขึ้นมา ก็อย่าหวัง เลยว่านางจะยอมรับการคารวะจากสตรีพรรค์นี้ ในสายตาของ นาง ซึ่งที่เป็นสาวใช้ยังน่าเอ็นดูกว่าด้วยซ้ำ
พลันซือหยวนซาก็เปรยขึ้นมาว่า
“ที่ข้าวางแผนว่าจะเอาหนังสือหย่าไปแจ้งหลังส่งนางกลับถึง จวนสกุลเซียว เพราะข้ายังมีใครเชื่อนักขอรับ มิใคร่เชื่อว่านาง ยอมหย่ากับข้าด้วยความเต็มใจ… นางอาจจะวางแผนอะไรไว้ ก็ได้ ท่านแม่ก็รู้ว่านางน่ะร้ายกาจขนาดไหน
ท้ายประโยคน้ำเสียงของซื้อหยวนซาดูอ่อนลงคล้ายลังเลใน ความคิดของตน…
“ถูกของเจ้า… ซือเหลียนฮวาเอ่ย จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก
“แม่สบายใจขึ้นแล้วล่ะ เจ้ามีงานอะไรก็ไปทำเถิด
“ขอรับ เช่นนั้นขาขอกลับไปวาดภาพต่อก่อนนะขอรับ” ซื้อ หยวนซาเอ่ยก่อนลุกขึ้นทำความเคารพผู้เป็นมารดาแล้วเดินออก ไป
หลังบุตรชายคนสุดท้องออกไปแล้ว ซื้อเหลียนฮวาที่นั่งอยู่คน เดียวก็ยิ้มออกมา ด้วยนางเพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องที่เกิดขึ้นอีกเรื่อง หนึ่ง…
เพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เกาเซียนคือ คนรักเก่าของบุตรชาย นั้นเพิ่งแต่งไปเป็นอนุสิบสี่ของสื่อหลม่อ ดังนั้นเมื่อเชียวหลินหลิง หย่ากับซ๊อหยวนซาแล้ว…
นางก็ไม่ต้องมานั่งกังวลใจว่าบุตรชายของนางจะหวนกลับไป หาเกาเซียนจือ…
หรือต่อให้อยากหวนกลับไปก็มิอาจทำได้…
เซียวหลินหลิง ขอบใจมากที่เจ้าเพิ่งยอมลงนามหย่าให้วันนี้ หลังจากซื้อหยวนซาและพวกข้าเฝ้ารอมาถึงสามปี…
“คารวะคุณชายสามขอรับ” ขณะที่ซื่อหยวนซากำลังจะเดินเข้าไปในเรือนของตน ก็พบกับ ‘จิ้งเกา’ ข่าวประจำตัวของซื้อ
หยินซูรอพบเขาอยู่
“มีอะไรหรือจิ้งเกา?”
“คุณชายรองฝากสิ่งนี้มาให้ขอรับ” จิ้งเกาเอ่ยก่อนจะยื่นซอง กระดาษสีน้ำตาลที่ถูกปิดผนึก และหน้าซองเขียนไว้ด้วยลายมือ ที่คุ้นเคยว่า จากพี่รอง ถึงน้องสาม ให้ผู้เป็นน้องชายของเจ้า นาย
“ขอบใจมากจิ้งเกา” ร่างสูงกล่าว หลังจากรับไว้ก็เดินเข้าไป ในเรือนของตน เมื่อเห็นฉันเพิ่งเดินตามเข้ามาก็หันไปบอกว่า
“เจ้าช่วยออกไปอยู่ข้างนอกสักครู่ได้หรือไม่?” ซื้อหยวนซา
ถามด้วยความเกรงใจปนเก้อเขิน
“ขอรับ ขออภัยที่ข้าน้อยเสียมารยาท” หุ้นเพิ่งเอ่ย เพราะเขา ลืมไปว่าตั้งแต่เล็กจนโตทุกครั้งที่คุณชายใหญ่หรือคุณชายรอง ฝากจดหมายมาให้ คุณชายสามจะห้ามทุกคนเข้ามาในเรือน จนกว่าจะได้เปิดดูว่าเนื้อความที่คุณชายทั้งสองฝากมาให้คือ อะไร เสมือนว่าเป็นความลับระหว่างพี่น้อง แต่เขาก็ดันลืมซะนี่
“มิเป็นไรๆ” ซือหยวนซาเอ่ย หลังจากปิดประตูแล้วก็แกะผนึก ออกจากซองทันทีด้วยความอยากรู้ว่าพี่ชายจะฝากข้อความอะไร มาให้ก็พบกับกระดาษสีแดงที่เอาไว้ทำโคมไฟในเทศกาลโคม ไฟ และมีคำกลอนเขียนอยู่
ซื้อหยวนซาเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะ อ่านเนื้อหาที่พี่รองเขียน
ยามมีอยู่ไร้อาวรณ์ ยามเสียไปนอนอาลัย
ยามอยู่ใกล้ไม่สนใจ ยามอยู่ไกลคะนึงหา
ตรึกตรองใจให้ดี
เวลาและวารี
ทบทวนจิตให้ถี่
มิอาจหวนย้อนคืน
คล้ายพี่รองกำลังทําให้เขาเล่นปริศนา โคมไฟ
เอ่อ… ขอโทษนะท่านพี่ แค่เขียนใส่กระดาษท่าโคมไฟส่งมา แบบนี้ก็ได้หรือขอรับ…
หากดูเผินๆ เหมือนจะเป็นเช่นนั้น แต่ซื้อหยวนซารู้ดีว่าซือหยิน ชูหมายถึงอะไร
ท่านที่มีตาทิพย์หรือไร…. ถึงรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลัง จากครุ่นคิดสักพัก ซือหยวนซาก็หยิบพู่กันขึ้นมาจุ่มน้ำหมึกแล้ว เขียนโต้ตอบลงไป
เมื่อไปเคยมี
เมื่อไปเคยมี
เมื่อไปเคยมี
เวลาและวารี
ไฉนเลยจะเสีย
จะให้อาลัยสิ่งใด
จะต้องไตร่ตรองอะไร
หาได้มีผลอันใดไม่
จากนั้นก็รอน้ำหมึกแห้งแล้วพับใส่ซอง ปิดผนึกเตรียมส่ง คืนให้พี่รอง…
“ไว้พรุ่งนี้ข้าค่อยส่งคืนท่านละกัน
ร่างสูงพึมพำก่อนจะใส่ซองลงไปในลิ้นชัก แล้วเอ่ยเรียกบ่าว
คนที่สนิทที่รออยู่ข้างนอกให้เข้ามา
“หุ้นเพิ่ง!! เข้ามาได้แล้วล่ะ”
“ขอรับ” ไม่กี่อึดใจ หุ้นเพิ่งก็เดินเข้ามาราวกับรอเวลานี้มานาน ส่วน คือหยวนชาก็นั่งทํางานต่อ เหลืออีกเพียงไม่กี่ภาพ ผลงาน ชุดนี้ก็พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าแล้ว ใช้เวลาถึงยามซวีก็น่าจะวาด เสร็จหมด จากนั้นก็ไปร่วมมือกับนางตามที่ได้รับปากเอาไว้…
[1] สมมติว่าให้สมัยก่อนมีการเปลี่ยนนามสกุลสำหรับผู้ที่เป็น ฮูหยินเอกนะเจ้าคะ
[2] กฎ 7 ขับไล่ = กฎของจีนโบราณที่อนุญาตให้ฝ่ายชายมี สิทธิ์หย่าขาดจากฝ่ายหญิงได้ ถ้าฝ่ายหญิงทำความผิดหนึ่ง ใน เจ็ดข้อที่มีกฎบัญญัติไว้ แม้ฝ่ายหญิงจะไม่ยินยอม นอกจากนี้ยังมี กฎ 3 ไม่หย่าที่ไม่ว่าจะหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ห้ามไม่ให้สามี หย่าภรรยาอย่างเด็ดขาด! ยกเว้นทั้งสองฝ่ายจะเต็มใจ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ