ทางใครทางมัน! เราหย่ากันแล้ว!

3:สตรีโง่งมกับบุรุษตาบอด (1)



3:สตรีโง่งมกับบุรุษตาบอด (1)

3 สตรีโง่งมกับบุรุษตาบอด

ข้ายอมรับว่าทำสิ่งที่ไม่ควรกระทำ…

พรากความรักผู้อื่น เป็นสตรีที่เห็นแก่ตัว…..

หากข้ารักเขาจริง ข้าควรจะยินดีกับความรักของเขา และ ปล่อยให้ ซื้อหยวนซาได้มีความสุขกับเกาเซียนจือ ตามนิยามที่ ว่ารักแท้คือการเสียสละ…

อยากจะด่าอะไรข้าก็เชิญ แต่…

ถ้าพวกเจ้าจะยอมใจเย็นๆ แล้วฟังข้าสักหน่อย ก็จะรู้ว่าที่ทำ ไปน่ะมีเหตุผล…

หากคุณชายสามได้พบรักกับสตรีดีๆ ที่รักเขาจริง พร้อม ปรนนิบัติดูแล ซื่อสัตย์ต่อซื้อหยวนซาไปชั่วชีวิต ข้าก็จะยอมยืน มองเขามีความสุขจากในเงา

ทว่า… ข้ายอมให้เขาลงเอยกับเกาเซียนคือผู้นี้มิได้จริงๆ

สำหรับบุรุษน่ะมองเนื้อในสตรีที่อยู่ตรงหน้าตนไม่ออกหรอก แต่สตรีด้วยกันมองออก ดังที่โบราณกล่าวว่าผีเห็นผีอย่างไรเล่า

ทั้งก่อนหน้านั้นยังเคยให้คนไปสืบข่าวของคู่แข่งทางหัวใจ จึง ทำให้ข้าปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ ซึ่งเริ่มจาก….
ข้อแรก… ที่ข้ายอมรับว่าใบหน้าของนางงามกว่าข้า…

เชื่อหรือไม่ว่าถ้าเช็ดเครื่องประทินผิวทั้งหลายออก พวกเราก็ งามพอกัน เพียงแต่นางทั้งผัดหน้าผัดคอจนขาวซีดราวคนป่วย ทั้งยังเขียนคิ้วทาปากจนสำหรับข้านางดูแก่เกินวัย ซึ่งประการนี้ ข้าก็ไม่ได้อะไรมาก

ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง เป็นเรื่องปกติ ทั้งคนเรารัก กันควรรักที่ใจหาใช่หน้าตา

ข้อที่สอง… ไอ้เรื่องกิริยาความเรียบร้อย ข้าก็มีเหมือนกัน เพียงแต่ข้าทำตามกาลเทศะ เวลาไหนควรทำก็ทําไม่ได้ตลอด เวลาแบบนางเสียหน่อย อยากถามเสียจริงว่าเหนื่อยหรือไม่ ที่ ต้องฝืนทําเช่นนี้…

อ้อ! ตัวจริงเกาเซียนคือน่ะทำงานบ้านงานเรือนไม่เป็นด้วยซ้ำ แค่ซักเอ่อ… ผ้าเปื้อนระดูของตัวเองยังมิยอมทำเลย! ไม่อายหรือ ไงที่ต้องให้พวกบ่าวรับใช้ซักให้

สรุปว่าสองข้อแรกที่ข้ากล่าวมานั้นแค่อยากเล่าสู่กันฟัง ตาม ประสาคนที่รู้ไส้รู้พุง (จากการไปยุ่งเรื่องของชาวบ้าน) ส่วนเหตุ ผลจริงๆ ที่ทำให้ข้ายอมรับในตัวนางไม่ได้น่ะ… อยู่ที่สองข้อหลัง ต่างหาก…

ข้อที่สาม… ตระกูลเกาที่ว่าดำเนินกิจการอัญมณีร่ำรวยมีเงิน ทองมากมายมหาศาลนั้น ข้าแอบรู้มาว่าความจริงหาได้เป็นเช่น นั้นไม่ เพราะผู้นำคนปัจจุบันติดการพนันงอมแงม จนเอารายได้ ยันเงินทุนไปเล่นการพนันจนหมดตัว ตอนนี้ก็มีหนี้ท่วมหัว แต่ยังสร้างภาพลักษณ์ว่ายังมีฐานะต่อหน้าผู้อื่น เช่นนั้นจุดประสงค์ที่ เกาเซียนจ่อเข้าหาคุณชายสามนั้น คงไม่ต้องพูดถึง

อ้อ…เพื่อคิดว่าเรื่องฐานะทางบ้านนางเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไม่ เกี่ยวกับความรักที่นางกับซื้อหยวนซามีให้กัน…

งั้นเจอข้อที่สี่เป็นอย่างไร! ข้อนี้ข้าได้ยินมากับหู

…หลังงานเลี้ยงยามราตรีคนแรกจบลง ข้าก็ได้เห็นเกาเซีย นจือและสาวใช้ประจำตัว กำลังยืนคุยอะไรบางอย่างขณะที่ยืนรอ รถม้าประจําจวนมารับ ด้วยความอยากรู้จึงแอบฟัง ได้ความว่า…

“คุณชายสามช่างอ่อนต่อโลกจริงๆ แค่เจอข้าออดอ้อนนิด หน่อย ก็ยอมขาหมดทุกอย่างแล้ว” เกาเซียนจื่อเอ่ยกับบ่าวรับใช้ ประจำตัวของตนด้วยความภูมิใจ

“ดูท่าแล้วคุณชายกำลังตกหลุมรักคุณหนูอย่างหัวปักหัวป่า เลยล่ะเจ้าค่ะ” ซุนซุนพูดจีบปากจีบคอ

“ก็ดี ขอให้เป็นเช่นนี้นานๆ จนกว่าข้าจะได้แต่งเข้าจวนสกุลชื่อ ละกัน”

“ว่าแต่บ่าวขอถามอะไรหน่อยได้ไหมเจ้าคะ…. คุณหนูเคยมีใจ

ให้คุณชายสามบ้างหรือไม่?”

“หึ…” เกาเซียนจ่อยิ้มมุมปาก ก่อนส่ายหน้า

“บุรุษน่าเบื่อเช่นนี้ จะมาอยู่ในใจข้าได้อย่างไร… ทันทีที่คนตรงหน้าพูดจบ เซียวหลินหลิงที่แอบฟังอยู่ก็กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ

“ยังไงหรือเจ้าคะ!?” ซุนซุนถามด้วยความแปลกใจ

“ทั้งหัวโบราณไม่ยอมทำนั่นทำนี่กับข้า เพราะกลัวผิด ธรรมเนียม ไปเจอหน้าทีไรก็เห็นแต่วาดภาพ แถมสุภาพเกินไป แม้แต่กับบ่าวไพร่ ข้าไม่ชอบ!

แต่นางยอมรับก็ยอมรับว่า… ข้อดีในตัวของเขาที่นางชอบคือ ใบหน้าอันหล่อเหลา

สตรีใดบ้างเล่าไม่ชมชอบบุรุษหน้าตาดี!?

สวรรค์นี่ก็เหลือเกิน… จะสร้างคนหล่อทั้งที ไยสร้างมาเสีย เปล่า!?

หากมิติดว่าสถานการณ์บีบบังคับ นางจะไม่หลวมตัวไปสาน สัมพันธ์กับคนผู้นี้เด็ดขาด แค่ยั่วยวนให้อยากแล้วจากไป ส่วน ตัวนางก็ยังคงครองความโสด เที่ยวไปวันๆ เจอใครถูกใจก็ชวน กันไปสานสัมพันธ์ต่อสักคืนก่อนจะจบกันไป

เว้นเสียแต่จะเจอราชสีห์บ้าระห่ำสุดผยองที่คู่ควรจะยืนเคียง ข้างกับนางสิงห์เช่นเขียนคือคนนี้ และต้องกล้ายกย่องนางเป็น หยินเอกออกหน้าออกตาด้วย มิใช่เป็นแค่อ

ซึ่ง… สำหรับนางแล้ว จิตรกรหนุ่มเช่นซือหยวนซาก็เป็นแค่ เต่ารักสงบตัวหนึ่ง ที่ไม่คิดแข่งบารมีกับใคร ไม่มีค่าพอให้นาง มอบความรักให้

ทว่าในเมื่อตอนนี้นางไม่มีทางเลือกมากนักด้วยหนี้สินที่เกิดจากท่านพ่อผู้ติดการพนัน หากนางไม่เลือกซื้อหยวนชา นางก็ ต้องแต่งเป็นอนคนที่สิบสี่ให้แก่สื่อหลี่ม่อ เสนาบดีกรมโยธาวัย ห้าสิบเศษ ผู้ขึ้นชื่อด้านความโหดร้ายบนเตียง ที่มาถูกใจในรูป โฉมของนาง

“อืม…แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกันที่เขาทั้งรักทั้งตามใจข้าทุก อย่าง ข้าจะได้ไม่ต้องเป็นช้างเท้าหลังที่ต้องคอยตามสามีแบบ ท่านแม่” เกาเซียนจือเอ่ยพลางนึกถึงชีวิตอันแสนรันทดของผู้เป็น มารดา

“แต่ข้าก็สงสารคุณชายอยู่นะเจ้าคะ หากรู้ความจริงว่าคุณหนู ไม่ได้มีใจให้ คุณชายจะเสียใจขนาดไหนกัน…” ชุนซุนเอ่ยพลาง แววตาหม่นลง

“เจ้าเป็นบ่าวของใครกันแน่?” เกาเซียนจือหรี่ตาพร้อมกับจ้อง

ไปที่ใบหน้าของสาวใช้อย่างคาดคั้น

“ข้ารู้สึกว่าเจ้าช่างเทิดทูนเขาเหลือเกินนะซุนชุน หรือว่าเจ้า จะ….

“อ… เอ่อ… บ่าว…” ชุนชุนก้มหน้าลงด้วยความเอียงอาย

“เช่นนั้น… หลังข้าแต่งเข้าจวน เจ้าก็มาเป็นอนุปรนนิบัติเขา แทนข้าละกัน ข้าจะได้มีเวลาไปหาความสำราญจากคนอื่น

ให้นางยอมทิ้งคนเป็นร้อยเพื่อมารับใช้บุรุษน่าเบื่อเพียงคน เดียวไม่เอาด้วยหรอก

ยกให้คนที่เขาต้องการละกัน ทำบุญทำทาน
“คุณหนูช่าง ใจกว้างดั่งแม่น้ำแยงซีเกียงเจ้าค่ะ ทั้งชีวิตข่าว สาบานจะมีคุณหนูเป็นนายแค่คนเดียว” ชุนซุนเอ่ยด้วยความ ดีใจ

พลันรถม้าก็มาถึงพอดี สองนายบ่าวจึงพากันก้าวเท้าขึ้นไปนั่ง ข้างใน

เมื่อรถม้าสกุลเกาออกตัวไปไกลจนลับสายตา เซียวหลินหลิง จึงออกมาจากที่ซ่อน พร้อมกับมองตามด้วยดวงตาวาวโรจน์ แล้วคิดแผนขึ้นมา…

หากเจ้าคิดจะรับคุณชายสามของข้าไปทิ้งๆ ขว้างๆ ข้าก็จะไม่ ยอมยกเขา ให้เจ้าเด็ดขาด!

นางจึงตัดสินใจวางยาคุณชายสามเพราะเหตุนี้

แม้รู้อยู่เต็มอกว่าจะต้องถูกคุณชายสามเกลียด ก็ยังดีกว่า ปล่อยให้คนที่นางรักตกหลุมพรางสตรีร้ายกาจเช่นนั้น…

ซึ่งหลังจากเกิดเรื่อง ไม่ได้มีแค่คุณชายสามที่เกลียด แต่ยัง รวมไปถึงประมุขสกุลซือและฮูหยินด้วย… ถือว่าเป็นของแถมละ

ยังดีที่พวกเขายังให้ซื้อหยวนซาแต่งงานกับนางเพื่อรักษา เกียรติ ดังนั้นเมื่อได้เข้ามาอยู่ในจวน เซียวหลินหลิงจึงตั้งใจว่า จะใช้ความดีและความสามารถของนางเอาชนะใจคนในจวนให้ จงได้…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ