ทางใครทางมัน! เราหย่ากันแล้ว!

2:ความผิดของเซียวหลินหลิง (1)



2:ความผิดของเซียวหลินหลิง (1)

2 ความผิดของเซียวหลินหลิง

“บ… บ่าวผิดไปแล้ว… ขอรับ”

“ช… ใช… ขอรับ ข… ขอ คุณชายสาม… ป… โปรดลงโทษ”

บ่าวชายสองคนที่กำลังหมอบลงเบื้องหน้าของผู้เป็นนายเอ่ย อย่างตะกุกตะกัก

“ในเมื่อรู้ตัวว่าผิด ไยจึงกล้าท่า?ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ

หรือสองคนนี้จะถูกนางมารผู้นั้นบังคับ!? เพราะเป็นที่รู้กันว่า ใครก็ตามที่เป็นเวรเฝ้าหน้าเรือนว่านโซว หน้าที่สำคัญมีเพียง อย่างเดียวคือ…

ห้ามไม่ให้เชียวหลินหลิงย่างกรายเข้ามาในอาณาบริเวณ 1 จัง[1]ของเรือนว่านโซวจวี้โดยเด็ดขาด!! ผู้ใดปล่อยปะละเลย ถือว่ามีความผิดมหันต์!!!

ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่จำเป็นต้องจัดหาคนมาเฝ้าให้วุ่นวายเลย แต่เพราะเขาถูกสตรีร้ายกาจที่ได้ชื่อว่าเป็นฮูหยินตามกฎหมาย มาหาที่เรือนแทบทุกวัน ทำให้ซื้อหยวนซามิอาจจะทานทนต่อไป ได้อีก!

ตอนแรกที่หลายคนในจวนรู้เรื่องนี้ ต่างก็พากันตกใจกับท่าทางจริงจังของคุณชายสามผู้อ่อนโยน เป็นมิตรกับทุกคน แม้แต่บ่าวไพร่ แต่พอได้รู้ฤทธิ์เดชของสตรีผู้นั้น ก็เข้าใจและพา กันทําหน้าที่อย่างเคร่งครัด แต่ทราบว่าครานี้คนทั้งสองตรง หน้าคิดเห็นอันใด จึงกล้าปล่อยให้นางเข้ามาหาเขาถึงในตัว เรือน!

หนึ่งในสองนั้นตอบว่า

“พ… เพราะว่า… คุณหนู… บ… บอกว่า… จะเอา… หนังสือ หย่า… ม… มาส่งให้คุณชาย… ขอรับ และ…ขอเป็นคนเอา… ไป ให้เอง พ. เพื่อเป็นการ… ส… แสดงความจริงใจ… ข… ขอรับ สิ้นคำพูดของบ่าวคนแรก อีกคนก็กล่าวเสริม

“ใช่ ข… ขอรับ พ… พวกบ่าว ค… คิดว่าเป็น…ว… เวลาที่….. ค… คุณชายรอมานาน…จึงคิดว่า… คุณชาย…น่าจะดีใจ… ขอรับ”

ที่ทั้งสองคนใช้สรรพนามแทนตัวหลินหลิงว่าคุณหนู เพราะ เป็น ซือหยวนซาอีกนั่นแหละที่ห้ามทุกคนเรียกนางว่าฮูหยินน้อย แค่คำว่าคุณหนูก็เป็นการให้เกียรติมากเกินพอแล้ว!

“เอาเถอะ…” ซือหยวนซาถอนหายใจเบาๆ อย่างน้อยนางก็ เอาหนังสือหย่ามาให้เขาจริงๆ

“ครานี้ข้าไม่เอาโทษพวกเจ้าละกัน…

“ขอบพระคุณมากขอรับ พวกบ่าวสาบานว่าจะไม่มีรอบหน้า อีกแล้ว”
บ่าวทั้งสองเอ่ยพลางเอาศีรษะโขกพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนซือ หยวนซาต้องบอกให้หยุด

“มีอะไรต้องทําก็ไปทำเถิด”

“ขอรับ” บ่าวทั้งสองคนรับ ก่อนรีบออกไปจากเรือน…

แม้บ่าวชายทั้งสองคนจะออกไปนานแล้ว แต่ซื่อหยวนซาก็ไม่ เป็นอันทําอะไร นอกจากเอาแต่นั่งจ้องหนังสือหย่าในมือของตน ด้วยท่าทางครุ่นคิด จน หุ้นเพิ่ง” บ่าวชายคนสนิทรู้สึกประหลาด ใจ

ตอนที่มองแผ่นหลังของร่างบางที่เดินลับไปนั้น ซื้อหยวนซาก แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองจนต้องเอามือมาขยี้ตาหลาย รอบ

ท่าทางและแววตาของนางแปลกไป… น้ำเสียงและคำพูดที่ใช้ ก็สั้นกระชับ ไม่มีลูกอ้อนเหมือนที่เคย ถ้าจะพูดให้ถูก วันนี้เป็นวัน ที่นางเอ่ยวาจากับเขาน้อยที่สุดตั้งแต่นางย้ายมาอยู่จวนสกุลซื้อ น้อยจนนับได้ว่ามีค่า…

พลันคำพูดของนางก็แว่วเข้ามาในห

ก่อนที่คุณชายสามจะไม่ใช่ท่านพี่ของข้าอีกต่อไปเจ้าค่ะ งั้น หรือ…
นี่ใช้คําพูดที่ออกมาจากปากของสตรีที่เฝ้าบอกรักเขามา

ตลอดสามปีหรือไม่!?

อ้อ…ไม่ใช่สามปี…

รวมกับเวลาก่อนที่นางจะใช้แผนสกปรกจนได้เข้ามาอยู่ที่นี่ก็ สิบกว่าปีเห็นจะได้

นางยังปกติดีหรือเปล่า!?

แต่เพียงครู่หนึ่ง เขาก็สะบัดหัวไล่ความคิดเหล่านั้นออกไป แล้วข้าจะมานั่งคิดมากทำไม นางจะลงนามเพราะผีเข้าหรือ อะไรก็เรื่องของนางสิ

ตอนนี้ข้าก็ได้หนังสือหย่ามาเรียบร้อย ต้องดีใจสิถึงจะถูก

“จุ้นเผิง” ร่างสูงหันไปออกคำสั่งกับบ่าวชายคนสนิท

“ขอรับ”

“ไปบอกคนเตรียมรถม้า… ไม่สิ! ไม่ต้องแล้ว หลังจากเอ่ยไป ได้ครึ่งประโยค ซือหยวนซาก็เปลี่ยนใจ ด้วยเพิ่งนึกอะไรบาง อย่างออก

“สรุปไม่ต้องเตรียมนะขอรับ”

“ใช่…ข้ายังวางใจไม่ได้ การที่นางจงใจลงนามในหนังสือ หย่าแล้วเอามาให้ข้า อาจจะเป็นแผนการที่นางวางไว้ก็ได้

ตัวเขาก็เกือบจะลืมไปแล้วว่าเชียวหลินหลิงน่ะเสแสร้งเก่ง ขนาดไหน กิริยาที่เปลี่ยนไปของนางในวันนี้ จะเป็นอะไรไปได้อีก…

นอกจากมารยาสาไถยของนาง ที่ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ จากเขามากกว่า

งิ้วของเจ้าพลาดแล้วล่ะหลินหลิง…

ข้าคนนี้จะไม่โง่ตกหลุมพรางของเจ้าเป็นรอบที่สองหรอก

เจ้าวางแผนอะไรไว้ก็ตามสบาย ข้าหาได้สนใจไม่ ขอแค่ข้ามี หนังสือฉบับนี้อยู่ในมือ ทันทีที่ส่งเจ้าถึงจวนสกุลเก่าเมื่อใด ข้า จะเอามันไปแจ้งทางการเพื่อตัดพันธะของเราทันที

แม้จะเรียกสิ่งที่ข้าต้องสูญเสียไปไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าที่ข้าต้องทน อยู่กับนางมารน่ารังเกียจเช่นเจ้าไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตายจากกัน ไปข้างหนึ่ง!

เมื่อเห็นหุ้นเพิ่งนิ่งไป ซื้อหยวนซาจึงพูดต่อ

“พิษสงของนางเจ้าก็รู้มิใช่หรือ? นอกจากหน้าตาแล้ว อย่าง อื่นที่นางมีในตัวก็ดี…ดีในทางเสื่อมน่ะสิ… ปากดี ทำร้ายบ่าว ไพร่ เสแสร้งเก่งทั้งสีหน้าและท่าทาง เจ้าเล่ห์เพทุบาย พูดปดก็ไม่ น้อยหน้า งานบ้านงานเรือนไม่แตะ แบบนี้จะให้ข้าเรียกว่าอะไร หากไม่ใช่นางมาร

หุ้นเพิ่งไม่พูดอะไรนอกจากรับฟังเงียบๆ อย่างไรคนที่ อีกฝ่ายกล่าวถึงก็มีศักดิ์เป็นนาย ส่วนเขาเป็นเพียงแค่บ่าว ไม่ ออกความเห็นจะดีที่สุด แม้ในใจจะทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย กับสิ่งที่คุณชายสามเอ่ยก็ตาม
“เจ้าคิดว่ามื้อค่ำคืนนี้จะมีอะไรแอบแฝงหรือไม่!?

“ข้าน้อยมิอาจทราบได้ขอรับ” หุ้นเพิ่งตอบเสียงเบา

“อืม… อย่างไร ในเมื่อข้ารับปากนางไว้แล้ว ข้าก็ควรไปใช่หรือ ไม่!?” ตรงท้ายประโยคเหมือนซือหยวนซาจะพูดกับตนเองเสีย มากกว่า

“ใช่ข้าควรไป… ไม่งั้นข้าก็ไม่ต่างอะไรกับนาง

“แต่ข้าว่าข้าก็ควรหาทางป้องกันเสียหน่อย” แล้วร่างสูงก็หัน มาพูดกับบ่าวชายคนสนิท

“หุ้นเพิ่ง ข้าอยากได้สมุนไพรต้านยาปลุกกำหนัด เจ้าให้คนไป

หามาให้ข้าหน่อย

แผนการร้ายของนางที่เขาคิดได้ก็มีเรื่องนี้แหละ กันไว้ดีกว่า แก้…

“ขอรับ เช่นนั้นตัวข้าจะเป็นผู้จัดหามาให้ท่านด้วยตนเอง รอ

สักครู่นะขอรับ” หุ้นเพิ่งเอ่ย

“เดี๋ยวก่อน!” พลันซือหยวนซาที่เพิ่งนึกเรื่องสำคัญได้ก็เอ่ยขึ้น

“อะไรหรือขอรับ”

“ส่งข่าวไปแจ้งแก่สกุลเซียวด้วยว่าอีกสองวัน ข้าจะให้คนพา เซียวหลินหลิงไปส่งที่จวน
“ขอรับ” ลุ้นเพิ่งรับคําแล้วเดินออกไป…

ส่วนซือหยวนซาก็พยายามรวบรวมสมาธิให้กลับมาจดจ่ออยู่ กับการวาดภาพที่ยังค้างคา

ข้าขอพูดให้ชัดๆ อีกทีละกัน

เซียวหลินหลิงคนนี้ก็ยังคงเป็นเซียวหลินหลังคนเดิม!

ไม่มีผีร้ายเข้าสิง! ไม่ได้หัวกระแทก! ไม่ได้มีจิตวิญญาณ บริสุทธิ์ทะลุมิติมาอาศัยร่างทั้งนั้นแหละ

อ้อ… แต่ร่างข้ายังบริสุทธิ์นะ!!

ที่ยอมลงนามในหนังสือหย่าให้เพราะสำนึกผิดในสิ่งที่ทำทั้ง ต่อตนเองและต่อสกุลซือ ทั้งยังทำหน้าที่ที่ตนตั้งใจไว้เสร็จสิ้น แล้ว…

ขอโทษที่ต้องย้อนความอีกรอบ พอนึกถึงสีหน้าของคุณชาย สามกับบ่าวชายประจำตัวที่ทำราวกับมองเห็นผีตอนที่นางเอา หนังสือหย่าไปยื่นให้แล้ว ก็อดมิได้จริงๆ ในสายตาพวกเขา นาง ดูเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือ!?

แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง หากจะพูดถึงเรื่องกิตติศัพท์ความร้ายกาจ เสแสร้ง มารยาของนางที่มีคนตั้งสมญานามให้แล้ว

เซียวหลินหลิงก็นั่งคิดมานานแล้วนะ แต่อย่างไรก็นึกออกอยู่ดีว่าตัวเองไปทําอย่างที่คนเขาลือกันตอนไหน ยิ่งเรื่องที่ว่า นางกลั่นแกล้งและตบตีบ่าวไพร่ไปเอามาจากไหนกัน

นางออกจะใจดีกับทุกคน ไม่เชื่อไปถามบ่าวไพร่ที่จวนสกุล เซียวได้เลย!

ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายมาอยู่เรือนไปหลานฮวาในจวนสกุลชื่อนั้น มีแค่ช่วงแรกๆ ที่นางทำขนมไปแจกเพื่อผูกมิตร

แต่ก็ล้มเหลว… สงสัยขนมของนางจะไม่ถูกปากพวกเขา กระมัง

ทำให้หลังจากนั้นนางก็มีกล้ายุ่งกับใครเลย….

ส่วนตอนที่นางพยายามทำของคาวของหวานไปให้คุณชาย สาม ฮูหยินใหญ่และท่านประมุข ผู้เป็นพ่อแม่สามี นั่นนางก็ทำ ด้วยใจหาได้เสแสร้งไม่ไยมองว่านางแกล้งทำ…

เรื่องคนในตลาดที่ไม่ยอมค้าขายกับนาง เพราะมองว่านาง เป็นสตรีปากร้ายเจ้ามารยาอีก…

ฟังดูแล้วข้าคงเหมือนคนที่มองข้ามความผิดตัวเอง ทำอะไรไว้ ก็ลืม แต่ตัวข้าเซียวหลินหลิงกล้าสาบานต่อหน้าฟ้าดินเลยนะ

ข้าคนนี้ทำอะไรไปกล้าทำกล้ารับ ทว่าหากมิได้ทำก็จะปฏิเสธ หัวชนฝา…

ซึ่งมีความผิดเพียงอย่างเดียวที่ข้ายอมรับว่าเป็นคนทำ… ความผิดที่ผิดมหันต์ และเป็นจุดเริ่มต้นของความมึนตึงในจวนแห่งนี้…

ย้อนไปเมื่อสามปีก่อน…

ณ งานเลี้ยงสังสรรค์ประจำปีของสมาคมคหบดีพ่อค้าวาณิช แคว้นจ้าว ที่จัดอยู่เรือนตู้เฉวียน [2] ของสกุลซือ ซึ่งเป็นเจ้าภาพ ประจําปีนี้

ข้าเซียวหลินหลิง วัยสิบหกหนาว ผู้ที่ติดตามท่านพ่อไปร่วม งาน ได้กระทำการอุกอาจต่ำช้าไร้ยางอายที่สุด… สร้างความ เสื่อมเสียให้แก่ครอบครัวเป็นอย่างมาก

ด้วยการวางยาบุรุษที่ชอบจนได้ร่วมเตียงกันและอีกฝ่ายต้อง รับผิดชอบแต่งขาเข้าจวน

หากมิใช่เพราะท่านพ่อรักข้ามาก คงสั่งลงโทษอย่างหนัก อาจ ถึงขั้นตัดสัมพันธ์ไปแล้ว ทว่าตอนรู้ว่าเกิดเรื่องกลับเอ่ยกับนาง เพียง…

ข้าเชื่อใจในตัวบุตรีของข้า อะไรที่เจ้าได้ทำลงไป ข้ามั่นใจว่า เจ้าไตร่ตรองดีแล้ว

ช่างเป็นบิดาที่ประเสริฐโดยแท้! ท่านแม่ที่อยู่บนสวรรค์เจ้าคะ

ท่านรักคนมีผิดจริงๆ

ว่าแต่เหตุการณ์ตอนนั้นมันเกิดขึ้นได้อย่างไรน่ะหรือ…

ก็งานเลี้ยงรื่นเริงนั้นจัดขึ้นทั้งหมดสามราตรี และราตรีที่สาม ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายที่ทุกคนจะดื่มฉลองกัน ก่อนจะแยกย้ายกันเดิน ทางกลับบ้านของตนในวันรุ่งขึ้น ตัวข้าได้ก่อเหตุวางยาในสุราของบุตรชายคนสุดท้องตระกูลซื้อ

ซือหยวนซา…

บุรุษที่ข้าปักใจรักมานานกว่าสิบปี…

เพียงโผล่หน้าไปหา แล้วหลอกให้บุรุษผู้นั้นดื่มสุราที่มียานอน หลับผสมอยู่ จากนั้นก็จัดฉากให้ทุกคนคิดว่าพวกเราได้เสียกัน เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย

ผลที่เกิดขึ้นทำให้ซื้อหยวนซาต้องแต่งขาเข้าจวนทั้งที่ไม่ เต็มใจ ทั้งยังได้รับความอับอายต่อคนรอบข้างและตัวเองอีก ด้วยเขาเป็นคนที่ยึดมั่นในธรรมเนียมที่ว่าตนเองเป็นบุตรชายคน สุดท้อง จึงจะรอแต่งงานหลังใหญ่และพี่รอง

(ช่างย้อนแย้งกับอาชีพจิตรกรดีแท้)

ซึ่งข้ากล้าบอกเลยว่าถ้าเป็นเช่นนั้นกว่าเขาจะได้แต่งก็อีกนาน เลยล่ะ เพราะพี่ชายทั้งสองเป็นพวกรักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน ในขณะที่ อหยวนซาหาคนรักได้แล้ว

บุตรสาวสกุลเกาที่เป็นถึงเจ้าของกิจการอัญมณี อยู่เมืองเบี้ย เหมือนกับสกุลซือ พวกเขาเลยได้พบกันบ่อย

…ตัดภาพมาที่สกุลเซียวของข้า ซึ่งอยู่เมืองรัว แม้ไม่ได้ไกล จากเมืองนี้มาก มีเพียงแค่ป่าไม้เล็กๆ และภูเขาเตี้ยๆ กั้นไว้ แต่ก็ นับเป็นอุปสรรคในการทำคะแนนของข้าพอสมควร

นามของสตรีนางนั้นคือ…
‘เกาเซียนจือ’ เจ้าของใบหน้างามล่มเมือง งามกว่าข้าหลาย ส่วน

ทั้งกิริยามารยาทต่างๆ ก็อ่อนหวานเรียบร้อยกว่าข้าหลาย เท่า…

เทียบกับนางที่เรียบร้อยประดุจผ้าที่พับไว้แล้ว ข้าก็คือผ้าที่ถูก คลี่ออกมาจนยับยู่ยี่

ซึ่งนางนั้นได้เดินทางมาร่วมงานนี้ด้วย และข้าก็ได้ยินแว่วๆ ว่า อาทิตย์หน้าพวกเขาจะหมั้นกัน ข้าจึงต้องใช้แผนการนี้ไงเล่า!!

ในเมื่อสวรรค์สําเอียง… ใช้เล่ห์ไม่ได้ผลต้องตามด้วยกล ถ้ากลเอาไม่อยู่พึ่งมนตร์ แต่… สำหรับคุณชายสามแค่เล่ห์ก พอแล้วล่ะ

โดนฤทธิ์ผงยานอนหลับไป ถึงกับสลบไม่รู้เรื่องเลยทีเดียว!

[1] จั้ง = หน่วยความยาวจีนโบราณ 1 ทั้ง มีค่าประมาณ 3.3

เมตร

[2] ตู้เจวียน = ดอกอะซาเลีย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ