ทัณฑ์ราคี

ตอนที่ 3.



ตอนที่ 3.

“ป้าแสงแกขอติดไว้สองร้อย บอกว่าอาทิตย์หน้าจะรวบยอด มาจ่ายให้ งวดนี้แกเล่นหวยหนักไปหน่อย

“ขอบคุณค่ะพี่ปอนด์ อุตส่าห์ไปช่วยเก็บค่าแผงให้” มัสลินเอ่ย ขอบคุณ แล้วยิ้มประจบ

“เล็กน้อยน่า คนแถวนี้เขาสงสารมัสกันทั้งนั้น อะไรที่พอช่วย ได้เขาก็ช่วยกัน อีกอย่างคุณยายก็มีบุญคุณกับพวกเขา สร้าง ตลาดให้ที่ทำมาหากิน แถมเก็บค่าเช่าไม่แพง

คุณยายฝ้ายค่าเป็นที่รักและเคารพนับถือของแม่ค้าและคนใน ละแวกนี้มาก พลอยให้หลายคนนึกเอ็นดูมัสลินไปด้วย ต่างกับ แพรพรรณที่ถูกคนเกลียดชังเพราะความเห็นแก่ตัว และไม่เคย ช่วยเหลือใคร

“มัสต้องกลับแล้วค่ะ สักสองทุ่มมัสจะแวะมาใหม่นะคะ”

มัสลินมองดูนาฬิกาข้างฝาผนัง เห็นว่าเย็นมากแล้ว ใกล้เวลา

ที่เธอต้องกลับไปอาบน้ำป้อนข้าวป้อนยาคุณยาย

“เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ปรัชญ์ลุกขึ้นตาม

“ไม่เป็นไรค่ะ มัสกลับเองได้ เดี๋ยวทำขนมเสร็จพี่ปอนด์ค่อยไป ส่งมัส”

“โอเค พี่จะไปอาบน้ำ แล้วจะลงมาเตรียมวัตถุดิบกับอุ่นเตาไว้ให้

“ขอบคุณค่ะ มัสไปก่อนนะคะ”

มัสลินเดินออกจากร้านขนมมาด้วยท่าทางร่าเริง วันนี้สำหรับ เธอแล้วมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นหลายเรื่อง ได้ยอดขายขนมเพิ่ม ไม่ ต้องเหนื่อยเก็บค่าแผงเอง แถมยังได้กินข้าวผัดอร่อยของโปรด สิ่งเหล่านี้แม้ไม่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นสิ่งที่ช่วยประโลมหัวใจดวงน้อย ให้มีแรงลุกขึ้นสู้ต่อไป เธอไม่คาดหวังอะไรที่ใหญ่เกินตัว ขอมี ความสุขกับปัจจุบันในแต่ละวันก็เพียงพอแล้ว

แต่ความสุขเล็กน้อยที่เธอกำลังจะหมดไป เมื่อใครบางคน กำลังจับตามองร่างเล็กนั้นด้วยแววตาวาวโรจน์

คนมองขับรถกระบะตามหลังมาห่างๆ หลังจากที่เขาพูดคุยหา ข้อมูลจากแม่บ้านของนางแพรพรรณแล้ว ก็ขับรถออกมาปาก ซอย ได้เห็นหญิงสาวอยู่ที่ร้านขายขนม จึงจอดรถซุ่มดูอยู่จน กระทั่งเธอออกมาจากร้าน โดยมีชายหนุ่มหน้าตาดีเดินออกมา ส่งหน้าร้าน ทั้งสองยิ้มให้กัน พูดคุยกันท่าทางสนิทสนม คนมอง ระยะไกลแค่นยิ้มหยันเมื่อคิดว่าผู้หญิงสวยน่ารักคนนี้ ไม่ได้ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนกับดอกไม้แรกแย้ม แต่เป็นดอกไม้สีทองที่ ถูกภมรไต่ตอมไปเสียแล้ว

“หึ ไอ้ภาษุฉันนึกว่าแกจะได้ของดี ที่แท้ก็ถูกว่าที่แม่ยายย้อม แมวขาย”

มัสลินเดินถือถุงขนมไปตามทางอย่างไม่รีบร้อน จนมาถึงหน้า ประตูบ้านก็หยิบลูกกุญแจในกระเป๋ามาไขเปิดประตูแล้วปิดไว้ดังเดิม ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ไม่สังเกตว่ามีรถคันหนึ่งแล่นมา จอดอยู่มุมหนึ่งของรั้วบ้าน

“วันนี้กลับบ้านเร็วนะยายมัส” เสียงคุ้นหูของผู้เป็นป้าเอ่ยทัก

“มัสเก็บค่าแผงเสร็จไว เลยรีบกลับมาทำกับข้าวให้คุณยายค่ะ นี่ค่ะเงินและสมุดบัญชีรายชื่อ

มัสลินยื่นซองเงินและสมุดบัญชีรายชื่อให้ผู้เป็นป้า หญิงสาวห รบตามองพื้นไม่ได้สบตากับอีกฝ่าย ท่าทางดูหงอน่าสมเพชใน สายตาคนมอง

“ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว”

คนเป็นป้ารับเงินกับสมุดมาเก็บไว้ พลางเอ่ยถามขึ้นมา

“ยี่สิบเอ็ดค่ะ”

มัสลินตอบเสียงเบา ทำตัวลีบที่สุด ไม่ให้ผู้เป็นป้าอารมณ์เสีย หากเธอพูดมากหรือทำท่าเหมือนขัดใจท่าน อาจจะโดนด่าหรือ ใช้ไปทำงานหนักๆ หญิงสาวรู้รักษาตัวรอด จึงเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่มีปากเสียงเมื่ออยู่ต่อหน้า

“อืม โตเป็นสาวแล้วนี่ ฉันได้ข่าวว่าแกกับลูกชายยายเปรม สนิทกันใช่ไหม”

ศีรษะเล็กๆ รีบสายทันที “ไม่สนิทเท่าไหร่ค่ะ พี่ปอนด์เขาเป็น รุ่นพี่ที่โรงเรียน เราแค่รู้จักกันเฉยๆ” คำแก้ตัวนั้นทำให้คนเป็นป้าเบ้ปาก
“ไม่สนิทก็ดีแล้ว ฉันไม่ชอบให้ใครมานินทาว่าเลี้ยงหลาน ปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลให้ดี ปล่อยให้ไปมั่วกับผู้ชาย”

ปากพูดแต่สายตาสำรวจไปทั่วร่างระหงของหลานสาว มัสลิน ผิวขาวผุดผ่องเหมือนไข่มุกตามเชื้อสายของบิดาที่เป็นชาวตะวัน ตก ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยถึงกลางหลัง เจ้าตัวรวบมัดไว้ ง่ายๆ เผยให้เห็นหน้าผากมนและใบหน้ารูปไข่สวย ดวงตากลม โตสีน้ำตาลมีขนตาหนาเป็นแพ จมูกโด่งได้รูปกับริมฝีปากสีชมพู ระเรื่ออิ่มเต็ม ดูสุขภาพดี รูปร่างไม่ผอมแห้งแต่ก็ไม่อวบเกินไป สมส่วนกลมกลึงไปทั้งตัว รูปลักษณ์แบบนี้ถูกตาต้องใจผู้ชายนัก แล

ท่านเจ้าสัวโภคินได้เห็นรูปของมัสลินครั้งแรก ก็ตกลงใจ ยอมรับข้อเสนอของเธอกับสามี ยอมปลดหนี้ที่เธอกับสามีติด บ่อนพนันของท่าน แลกกับการยกมัสลินให้แต่งงานกับลูกชาย คนเดียวของท่าน เธอกับสามีหลอกให้อีกฝ่ายคิดว่ามัสลินคือ ลูกสาวของพวกตน แค่รอเวลาส่งตัวยายเด็กกาฝากนี้ไปเข้าหอ ในวันแต่งงาน นอกจากปลดเปลื้องภาระหนี้สินได้แล้ว ยังกำจัด กาฝากของบ้านได้อีกทาง เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

“อาทิตย์หน้าฉันกับคุณสมเกียรติ จะไปดูเขาเตรียมงานแต่ง ยายป่าน ทางนั้นเขาต้องการคนดูแลเรื่องดอกไม้สดกับพวก อาหารไทย แกเก่งเรื่องพวกนี้ไปช่วยฉันด้วย

“ไปช่วยงานหรือคะ”

มัสลินเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นป้า นึกแปลกใจ ที่อีกฝ่ายเรียกตัวเธอให้ไปช่วยงาน ปกติเวลามีงานเลี้ยงที่บ้านมักจะให้เธอ ขลุกอยู่ในครัว ไม่ยอมให้ออกมาเจอใคร แทบไม่มีใครรู้ว่า มัสลินเป็นลูกหลานบ้านนี้ เธอเองก็พอใจที่จะอยู่หลังบ้านทำงาน ครัว เป็นนางชนที่ไม่มีคนสนใจ

“มัสต้องดูแลคุณยาย” มัสลินห่วงคนป่วย

“ให้อาหมี่ดูแล ยายแววก็อยู่ทั้งคน ไม่ต้องห่วงหรอก ไปช่วย งานแค่ไม่กี่วันคุณแม่ท่านไม่เป็นอะไรหรอก

มัสลินนิ่งเงียบไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ทำเอาคนเป็นป้าเริ่ม หงุดหงิด แต่แสร้งทำใจเย็นเดินเข้าไปแตะไหล่

“นึกว่าช่วยพี่ป่านเขานะลูก งานนี้พี่ป่านเขาเป็นเจ้าสาว เขา ต้องเตรียมตัวหลายอย่าง มัสช่วยป้าดูแลเรื่องพวกนี้ พี่ป่านจะได้ ไม่ต้องเหนื่อย นะมัสช่วยป้าหน่อย”

บทจะใช้งาน คำพูดหวานๆ ดีๆ ถึงจะหลุดออกมาจากปากของ

แพรพรรณ คนเป็นหลานแม้จะรู้ดีว่าป้าแกล้งพูด แต่ก็อดใจอ่อน

ไม่ได้ ยอมพยักหน้ารับ ในที่สุด

“ค่ะ คุณป้า”

“ดีมาก เตรียมตัวไว้นะ จัดกระเป๋าเสื้อผ้าข้าวของไว้วันเดิน ทางจะได้ไม่ลืมอะไร ป้าจะไปพักแล้ว จะไปไหนก็ไป

เมื่อได้สมใจแพรพรรณก็โบกมือไล่หลานสาว แล้วเดินขึ้นไป ชั้นบนจัดการโทรหาเจ้าสัวโภคินทันที

“เจ้าสัวคะ งานแต่งอาทิตย์หน้านี้ ทางดิฉันเตรียมตัวพร้อมแล้วนะคะ เราจะเดินทางไปถึงล่วงหน้าหนึ่งอาทิตย์ หวังว่าท่าน จะเตรียมสินสอดทองหมั้นไว้รับขวัญสะใภ้แล้วนะคะ

“ลูกสาวคุณนายเต็มใจใช่ไหม” อีกฝ่ายเอ่ยถามออกมา

“เต็มใจ เสียยิ่งกว่าเต็มใจค่ะ ยายหนูเขาเชื่อแม่ทุกอย่าง ลูกชายของท่านล่ะคะ เต็มใจแต่งงานกับยายหนูของดิฉันหรือ เปล่า ฉันอยากเห็นลูกมีความสุขในชีวิตคู่นะคะ”

แพรพรรณเล่นบทแม่ผู้รักลูกสาวสุดหัวใจได้อย่างแนบเนียน หากเธอยกลินิน ให้แต่งงานกับลูกชายเจ้าสัว เธอคงห่วงใย ลูกสาวไม่น้อย ด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายถูกบิดาบังคับให้แต่งงานแลกกับ มรดก

“ลูกชายผมเขาเชื่อฟังผมอยู่แล้ว ผมต้องการหลานมาสืบสกุล ถ้าลูกสาวคุณคลอดหลานชายให้ผมได้ ผมจะมีของรับขวัญให้ อีกก้อนใหญ่”

แพรพรรณตาโต นึกถึงเงินมหาศาลที่ท่านเจ้าสัวจะตอบแทน มา อนาคตเธอจะได้เงินอีกก้อนหากมัสลินคลอดหลานชายให้ ท่านเจ้าสัว ถึงตอนนั้นท่านเจ้าสัวจะรู้ว่ามัสลินไม่ใช่ลูกสาวของ เธอ ก็คงไม่เอาเรื่อง เพราะอีกฝ่ายต้องการทายาทสืบสกุล ได้ สมใจเป็นอันสมปรารถนา ไม่น่าจะถือสาเรื่องที่เธอหลอกลวงไว้

“ดิฉันเชื่อมั่นค่ะ ว่าลูกสาวของดิฉัน จะทำให้ท่านสมหวัง”

แพรพรรณวางสายไปด้วยความสุข ในหัวสมองวาดฝันถึงเงิน ก้อนโต โดยไม่สนใจว่ากำลังจะทำลายชีวิตของหลานสาวลงไป ขอเพียงแผนการที่วางไว้สำเร็จ เธอกับครอบครัวก็จะได้เงินก้อนใหญ่ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างแดน ไม่ต้องรอมรดกที่ไม่รู้ว่าจะได้ เมื่อไหร่ เมื่อมารดายังคงไม่มีทีท่าว่าสิ้นลมหายใจง่ายๆ แล้ว พินัยกรรมที่ท่านทำไว้ มันอาจจะมีชื่อของมัสลินเป็นผู้รับมรดก ร่วมด้วย เธอไม่เสี่ยงกับเจ้าหนี้รายอื่นที่รอเชือดคออยู่หรอก สู้รับ เงินก้อนจากเจ้าสัวแล้วพาครอบครัวหนีไปเมืองนอกจะดีกว่า

“หึ ยายมัส กาฝากอย่างแกมีค่าก็ตอนนี้แหละ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ