ชายาเด็ดกำราบรักอ๋องพิษร้าย

บทที่ 4 จับกุมพระชายาองค์ชายเจ็ด



บทที่ 4 จับกุมพระชายาองค์ชายเจ็ด

เข้าไปในประตูหวู่เต๋อ เซียวซูไป่หลบหลังซูล่อตลอดจน กระทั่งถึงพระตำหนักคุนหนิงกงของไทเฮาแล้วเขาก็ยังคง หดหัว

แม่นมศูนย์ของพระตำหนักคุนหนิงกง เห็นพวกซูล่อ จากในระยะไกล ก็นึกถึงเรื่องตลกในเมืองหลวงสองวัน นี้ “หญิงอัปลักษณ์จับคู่ชายโง่” แล้วแม่นมฉินก็ยกมุมปาก ยิ้มเยาะ

ถ้าเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างจริง ก็ช่างน่าขยะแขยง

แม่นมฉินเก็บสายตาเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่มีการ ถวายบังคม

“ข้าจะไปแจ้ง ท่านทั้งสองรอก่อน”

ระหว่างทางเข้าวังซูล่อเห็นนางกำนัลมองด้วยสายตา ดูถูกมานับไม่ถ้วน เมื่อเห็นแม่นมฉินจึงไม่โมโห หลังจาก ส่งเสียงอืมเบาๆ ก็เริ่มรออยู่ข้างนอกพร้อมกับเซียวชูไป๋

และการรอนี้กินเวลาสองชั่วโมง…

สองชั่วโมงต่อมา ในที่สุดแม่นมฉินก็ปรากฏตัวขึ้น
“ปล่อยให้ท่านทั้งสองรอนาน ไทเฮาทรงเชิญ” แม่นมฉิน ขอโทษแต่ปาก สีหน้ายังคงดูหมิ่น

ซูล่อพยักหน้าอย่างสงบ ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใดๆ หลังจากรอเป็นเวลานาน จับมือเย็นของเซียวซูไป์ที่ถูก กระแสลมหนาวด้านนอก ก่อนจะเข้าไปพระตำหนักคุน หนิงกง

พระตำหนักคุนหมิงกงเป็นที่ประทับของไทเฮา มัน

หรูหราสมฐานะ

ทันทีที่ทั้งคู่เพิ่งก้าวเข้าไป ก็มีเสียงสนทนาดังมาจาก

ภายในห้องโถง

“เสด็จแม่เพคะ องค์ชายรัชทายาททรงทราบว่าเสด็จ แม่ทรงคิดถึงรสชาติของบ้านเกิด จึงส่งคนไปที่ตึกเหล้า อันดับหนึ่งในหยางโจว เพื่อนำขนมโก๋พุทราเชื่อมกุ้ยฮวา จากแป้งรากบัวกลับมาโดยเร็วที่สุด”

“เฟิงเอ๋อร์ช่างใส่ใจนัก”

ระหว่างที่หลายคนกำลังพูดคุย แม่นมฉินก็เดินเข้ามา ถวายบังคมมู่หรงไทเฮาที่อยู่บนพระที่นั่งหงส์

“พระพรไทเฮา องค์ชายเจ็ดและพระชายาองค์ชายเจ็ด เสด็จมาเข้าเฝ้าแล้วเพคะ”
ในเวลานี้ เหล่าสตรีสูงศักดิ์ต่างหันมองไปยังประตูห้อง โถง และได้เห็นซูล่อที่อยู่ในชุดฝ่ายในสีฟ้ากับเซียวซูไป่ ก้าวเดินเข้ามา เซียวซูไปในวันนี้แต่งตัวประณีตเป็นพิเศษ ในชุดคลุมสีม่วงอ่อน ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะมองสักพัก

ฮองเฮาสวีมองหน้าเซียวซูไป๋แล้วพลันนึกไปถึงเชียงผิง มารดาของเขา (ผิงเป็นสมนที่ต่ำกว่าเฟย) นึกถึงเชียง ผิงในตอนนั้นที่งดงามยิ่ง แต่ไม่ว่าจะงดงามเพียงใด ในวัง หลังนี้ไม่ว่าใครก็ต่างต้องมีลูกเพื่อเชิดชูตนเอง

กระทั่งท้ายที่สุด นางก็ไม่ชนะ

“หม่อมฉันซูล่อ ถวายพระพรไทเฮา ถวายพระพรเสด็จ แม่” ซูล่อถวายคำนับอย่างมีมารยาท การกระทำทุก อย่างถูกต้องเหมาะสม เพียงแวบแรกก็รู้ว่าเป็นบุตรีหลวง ผู้เพียบพร้อมผ่านการอบรมมาอย่างเคร่งครัดในกฎ ระเบียบ (บุตรีหลวงเป็นลูกสาวเอกของเมียหลวง)

เมื่อฮองเฮาสวีเห็นดังนั้นก็กระตุกมุมปากเล็กน้อย และ ส่งเสียงต่ำออกมาหนึ่งคำ “เสแสร้ง”

มู่หรงไทเฮาสีหน้านิ่ง ชั่วขณะหนึ่งแทบมองไม่ออกว่า มีความไม่พอใจ และในขณะที่มู่หรงไทเฮากำลังจะพูด อะไรบางอย่าง…ทันใดนั้นเอง ก็กลับเห็นว่ามู่หรงไทเฮารู ม่านตาเบิกกว้าง สีหน้าเปลี่ยนไปกะทันหัน มือข้างหนึ่งจับลำคอส่วนมืออีกข้างตบจับเก้าอี้ สภาพย่ำแย่มาก!

คนอื่นๆ ที่อยู่ตรงนั้นต่างตกใจ ที่ไม่รู้ยังคิดว่าไทเฮาถูก ผีเข้ากะทันหัน แม้แต่ฮองเฮาสวีก็ยังถอยหลังตัวสั่น ชั่ว ขณะหนึ่งที่นอกจากแม่นมฉินแล้วก็ไม่มีใครเลยที่จะก้าว เข้าไป

“รีบเรียกหมอหลวงเร็ว เร็ว!” แม่นมฉินได้สติก่อนใคร รีบ เรียกหมอหลวงทันที

แต่หมอไม่ได้อยู่ในพระตำหนักคุนหนิงกง มันไกลเกินจะ ทันการณ์ ทําอย่างไรดี

ในช่วงเวลาที่ตึงเครียดนี้ มีร่างหนึ่งรีบพุ่งเข้าไปหามู่หรง ไทเฮา สองแขนโอบรอบหน้าอกของนาง จากนั้นก็เขย่ามู่ หรงไทเฮาขึ้นๆ ลงๆ!

เมื่อฮองเฮาสวีเห็นว่าคนที่มาทำแบบนั้นกับมู่หรงไทเฮา คือซูล่อ จึงมีสีหน้าไม่พอใจมาก

“ซูล่อ เจ้าทำอะไร เจ้าจะปองร้ายไทเฮาเหรอ!”

ซูล่อสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ขี้เกียจจะพูดกับฮองเฮาสวี อีกอย่างในเวลานี้นางไม่ว่างไปจัดการคนอื่น แค่กระทำ สิ่งที่ตัวเองทำอยู่ต่อไป
เต็มทีแม่นมฉันก็พยายามจะหยุด

แต่ในตอนนี้กลับได้ยินเสียงมู่หรงไทเฮาจู่ๆ ก็อาเจียน เป็นการอาเจียนที่ออกมาเยอะมาก จากนั้นก็แน่นิ่งทรุดลง บนพระที่นั่งหงส์

“ไทเฮา—–!”

“เสด็จแม่เพคะ ท่านไม่เป็นไรนะ”

ซูล่อชักมือกลับ สายตามองไปยังกองอาเจียนบนพื้น ใน ที่สุดก็หายใจโล่งอก

แต่นางยังหายใจไม่ทันโล่งดี ฮองเฮาสวีก็ร้องตะโกน เสียงร้ายกาจ

“มานี่ ชายาองค์ชายเจ็ดปองร้ายไทเฮา จับตัวนางกับ องค์ชายเจ็ดให้ข้า

รวดเร็วมาก พวกทหารองครักษ์ที่อยู่ด้านนอกได้ยังคำ สั่งของฮองเฮาสวีก็เข้ามาทันทีและล้อมซูล่อกับเซียวชูไปไว้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ