ชนะใจหมอตัวร้าย

ตอนที่ 12 ไม่ได้คาดคิด



ตอนที่ 12 ไม่ได้คาดคิด

พิณรู้สึกได้ว่าเขามีเรื่องอะไรในใจ แววตามืดมน ราวกับว่ากำลัง เก็บเรื่องที่รบกวนจิตใจอยู่ไม่น้อย

“คุณ……..รู้สึกไม่ดี?”

พิณคีบมันฝรั่งชิ้นเล็กๆมาวางไว้ในถ้วยของตัวเองพรางอดไม่ ได้ที่จะถามเขา

ปรเมษฐหันหน้ากลับมามองเธอ

“ดูแล้วสีหน้าคุณไม่ค่อยดีนัก” พิณพูดขึ้นต่อ

“กินไปเถอะ”

ปรเมษฐสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

เขาไม่อยากบอกเธอ ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง เขาได้เห็นหนึ่ง ชีวิตได้หายไปจากมือของเขา แต่ หมอที่ต้องช่วยชีวิตรักษาคน เจ็บแบบเขา เจอกับคนไข้ที่อยู่บนเตียงผ่าตัด กลับไม่สามารถที่ จะทำให้ชีวิตฟื้นคืนกลับมาได้

ความรู้สึกโดดเดี่ยวที่สูญเสียหนึ่งชีวิตนั้น เขาคิดว่าการที่เขา มาเป็นหมอนั้น มันควรจะทำให้เขาชนได้แล้ว แต่เขากลับพบว่า เขาไม่มีทางที่จะชินกับความรู้สึกแบบนี้ได้เลย

ในใจมีความรู้สึกหน่วงๆแบบบอกไม่ถูก มันแน่นหน้าอกไป หมด ทำให้เขาหายใจไม่ค่อยคล่อง
พอเห็นว่าปรเมษฐไม่อยากบอก พิณก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ มัน

ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะมากังวลอะไร เธอก้มหัวแสร้งทําเป็นกันต่อไป แต่จิตใจอยู่ไม่เป็นสุขเพราะ

เขา

สายตาของปรเมษฐมองมาที่ใบหน้าของพิณ จิตใจหนักแน่น ราวกับว่าเพราะว่าคำพูดเป็นห่วงเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอพูดออกมา ทำให้รู้สึกราวกับเมฆหมอกที่ถูกพักพาไปทำเผยให้เห็น พระจันทร์ที่ส่องสว่าง

พิณกินข้าวเสร็จ บนโต๊ะก็เหลืออาหารอีกครึ่งหนึ่ง ปรเมษฐไม่ ได้กินอะไรแม้แต่นิดเดียว เขาเพียงแค่นั่งดูเธอกินแค่นั้น

พิณเอาผ้าขึ้นมาเช็ดปาก เสร็จแล้วก็กะจะคุยเรื่องงานกับเขา

ต่อ ทันใดนั้น มือถือของเขาบนโต๊ะก็ดังขึ้น

เป็นสายจากหน่วยงานของโรงพยาบาล

“พี่สอง รีบกลับมาเถอะ คนไข้ของคุณคนหนึ่งเกิดเรื่องแล้ว อาจจะต้องเข้ารับการผ่าตัด” คนในสายนั้นคือนัทธีจากแผนก เดียวกัน เป็นน้องสามถ้านับจากอันดับวุฒิการศึกษาแล้ว

“คนไข้คนไหน?” ปรเมษฐขมวดคิ้วถามขึ้น

“คนไข้เตียงหมายเลขสิบแปดชั้นสิบ”

“ทราบแล้ว คุณเตรียมห้องผ่าตัด ผมจะไปเดี๋ยวนี้

“ครับ”
ปรเมษฐรีบวางสาย

“คุณหมอ เรื่องด่วนเหรอคะ?” พิณดูเหมือนว่าการคุยงาน ครั้งนี้คงต้องยกเลิกแล้ว

“อื้อ คนไข้ต้องรีบได้รับการผ่าตัด” ปรเมษฐรีบเก็บมือถือ ลุก ขึ้น แล้วก้มหน้าลงมองพิณที่นั่งตรงกันข้าม “คุณพิณ เรื่อง ตกแต่งภายในของบ้านใหม่ ครั้งหน้าถ้ามีเวลาผมค่อยหาเวลา มาคุยกับคุณแล้วกัน”

“อื้อ ได้ค่ะ” พิณพยักหน้า เธอเข้าใจธุระของเขา

ปรเมษฐ พยักหน้าตอบกลับ แล้วก็เดินออกไปที่แคชเชียร์

เงาของเขาค่อยๆเดินหายไปจากประตู พิณมองไม่ละสายตา จิตใจยังคงอยู่ในภวังค์

ปรเมษฐรีบไปถึงโรงพยาบาลภายในสิบห้านาที เขาเข้าไปใน ห้องผ่าตัด หลังจากที่เปลี่ยนเป็นชุดปลอดเชื้อสีฟ้าแล้ว ก็เข้าไป ล้างมือฆ่าเชื้อในเขตปลอดเชื้อ

น้องสามนัทธีก็เปลี่ยนเป็นชุดปลอดเชื้อแล้วเดินเข้ามา “พี่สอง การผ่าตัดในตอนบ่ายวันนี้ไม่ต้องคิดมากนะ พวกเราทำอาชีพ หมอมันไม่ได้หมายความว่าจะต้องช่วยได้ทุกคน พยายามสุด ฝีมือก็ถือว่าดีแล้ว”

“วางใจได้ มันจะไม่กระทบกับการผ่าตัดครั้งนี้แน่นอน

ปรเมษฐหยิบแปรงที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมา แล้วเอาขึ้นมาขัดแขน ของตัวเอง
“ใช่แล้ว ทางครอบครัวของคนไข้ไม่ได้โวยวายอะไรใช่ไหม?” ปรเมษฐถามขึ้นต่อ

“ไม่ได้โวยวายอะไรครับ สงสัยคงจะเตรียมใจไว้แล้ว

“อื้อ” ปรเมษฐตอบรับไปหนึ่งคำ

นัทธีเห็นเขายิ้มออกมา “ดูจากสีหน้าของคุณแล้วมันดีขึ้นกว่า การผ่าตัดครั้งที่แล้วเยอะเลย หรือว่าไปเจอเรื่องอะไรดีๆมาเห รอ?”

“ไม่มี” ปรเมษฐไม่ได้ยอมรับอะไร “เพียงแค่อารมณ์มันอบอุ่น ขึ้นกว่าตอนบ่ายเยอะเลย” เขาเลยตาขึ้นมามองตนเองในกระจก ในใจรู้สึกเหมือนความฝันเพิ่งจะผ่านไป

น้ำหยุด พอล้างเชื้อเสร็จแล้ว เขายกสองมือออกมา แล้วเดิน

เข้าไปในห้องผ่าตัด “ผมไปก่อน คุณรีบตามมาแล้วกัน”

“อื้อ ครับ!”

เป็นเวลาหนึ่งทุ่ม ทั้งสามคนนั่งทานข้าวกันในบ้าน

พิณรีบกินข้าวในถ้วยอย่างรวดเร็ว “แม่ อีกเดี๋ยวฉันมีงาน พาร์ทไทม์ต้องทํา พวกแม่ก็รีบพักผ่อน คืนนี้ฉันจะไม่กลับบ้าน ทำงานเสร็จก็จะไปดูกันตะที่โรงพยาบาลสักหน่อย”

“พิณ ค่อยๆกินหน่อย” ไพรวันที่กำลังยุ่งอยู่ก็พูดบอกเธอ ถอน หายใจหนึ่งเฮือก “ลูกเอ้ย เป็นผู้หญิงแท้ๆ ทำไมถึงทำให้ตัวเองกลายเป็นสภาพแบบนี้ล่ะเนี่ย”

“แม่ ฉันไม่เป็นอะไร ลูกสาวของแม่แข็งแกร่งจะตาย” พิณพูด ปลอบแม่ของตัวเอง

“แข็งแกร่ง พี่คิดว่าพี่เป็นเฮอคิวลิสหรือไง!” เพ็ญณีก็อดไม่ ได้ที่จะบ่นพี่สาวของตัวเอง “พี่ดูพี่สิ หนึ่งปีมานี้ผอมจนเหลือแต่ หนังหุ้มกระดูกแล้ว ไม่ยอมดูแลตัวเองให้ดีๆ

“พิณ แม่คิดอยู่นานแล้ว ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ลูกต้อง สัญญากับแม่ว่าจะไปลองดูตัว พี่ฟางคนข้างบ้านเราเป็นคน แนะนำผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนนี้เขาเคยแต่งงานมาแล้ว อายุ สามสิบแปดปี มีลูกสาวติดมาหนึ่งคน เศรษฐกิจที่บ้านอู้ฟู ฟังที่พี่ ฟางเล่ามา เขาก็เป็นคนที่ไม่เลวเลย คุ้มกับการไปลองนะ”

พอฟังความปรารถนาดีของแม่ พิณเริ่มรู้สึกยากที่จะเข้าใจ “แม่ ฉันไม่ได้ไม่อยากจะไปดูตัวจริงๆนะ แม่ก็รู้สุขภาพตอนนี้ดี พวกเราแม่ลูกไม่ว่าจะอยู่กับใคร ล้วนแต่ไปทำให้เขาเหนื่อยก็ เท่านั้น แล้วฉันจะมีหน้าไปดูตัวได้ยังไงล่ะ”

“พี่ปีนี้ฉันกับแม่ก็เอาแต่บอกพี่อย่าคลอดกันตะออกมา แต่พี่ก็ ดันไม่ฟัง แถมตอนนี้เขาก็เป็นโรคนี้อีก มันทำให้พี่เหนื่อยแล้ว ซ้ำอีก…..” คำพูดของเพ็ญณีไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกไพรวันพูด ตำหนิขึ้นมาหนึ่งประโยค พูดตัดประโยคที่เธอกำลังจะพูดต่อ “ลูกพูดอะไรอยู่! ถ้าเกิดกันตะมาได้ยินเข้า จะทำให้เสียใจได้นะ

“พี่ พี่ก็รู้ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น….. เพ็ญกลัวพี่สาว เสียใจ รีบอธิบายให้เธอฟังทันที “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโทษกันตะฉันแค่เป็นห่วงพี่ พอเห็นพี่ลำบากขนาดนี้ ฉันเป็นน้องของพี่ก็ รู้สึกเสียใจไม่น้อยนะ

“ฉันรู้” พิณพยักหน้า “ฉันรู้ว่าเธอกับแม่เป็นห่วงฉัน พอแล้ว พอแล้ว ฉันสัญญากับพวกเธอก็ได้ หลังจากอาการป่วยของกันตะ หายแล้ว ฉันจะรีบไปนัดดูตัวทันที ทุกวันเช้าเที่ยงเย็นสามรอบไป เลย ฉันจะต้องจัดการปัญหาตลอดทั้งชีวิตให้หมดภายในหนึ่งปี โอเคแล้วหรือยัง?”

พอฟังพิณพูดจบ แม่ไพรและเพ็ญหันมาสบตากัน แล้วก็ไม่ได้ พูดอะไรต่อ

หลังจากรออาการป่วยของกันตะหายดีแล้ว…….แต่ว่าโรคนี้ เมื่อไรมันจะหายกันล่ะ? จะหายไหม หรือว่ามันจะไม่มีทางหาย แล้ว?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ