ฉันเสียเธอไปแล้วจริงๆ

บทที่ 9 พาเธอกลับบ้าน



บทที่ 9 พาเธอกลับบ้าน

“คุณดูแลคนไข้อย่างไรเนี่ย?”

ในเวลาเดียวกัน บริเวณทางเดินของโรงพยาบาลแห่ง หนึ่ง หลิวหยู่หนิงกำลังประสบความทุกข์ทรมานจาก สายตาจากนายแพทย์และพยาบาล

เขารู้สึกเหมือนโดนใส่ความเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ในตอน บ่ายหลังจากเห็นฮันอี้วิ่งออกจากบริษัท เขารู้สึกไม่ สบายใจเลยกลับเข้าไปดูที่ห้องทำงานของเพื่อน และ เห็นเยนลี่ซูนอนหมดสติอยู่บนพื้น

“คือ……เธอ……..คนไข้เป็นอย่างไรบ้างครับ?”

จนถึงตอนนี้ หลิวหยู่หนิงไม่อยากจะอธิบายอะไร แล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ถูกว่า ในเมื่อเข้าใจผิดไปแล้วก็ให้ เข้าใจไปอย่างนั้นเลยละกัน

“เพิ่งจะคิดสนใจคนไข้ตอนนี้เหรอคะ?” พยาบาลตัว น้อยมอง หลิวหยู่หนิงอย่างเย็นชา ผู้ชายคนนี้หน้าตาก็ ดี ทำไมถึงได้ใจร้ายไส้ระกำอย่างนี้?

“ใจลอยไปไหนแล้วคะคุณ?”

พยาบาลตัวน้อยอยากจะพูดอะไรอีก แต่ถูกสายตา ของนายแพทย์เบรกขึ้น หลังจากพยาบาลตัวน้อยหยุด ปากอย่างไม่เต็มใจนัก นายแพทย์ถึงเปิดประวัติคนไข้ ในมือ
หลิวหยู่หนิงยังคงสงสัย ก็แค่หมดสติไป ทำไมถึงต้อง ดูประวัติคนไข้ด้วย? แต่แล้วหมอก็พูดอะไรบางอย่าง ซึ่งทำให้เขารู้สึกคล้ายกับฟ้าผ่าลงมา

“ก่อนหน้านี้ ช่วงที่คนไข้มาด้วยตัวเอง ผมก็บอกเธอ แล้วนะ ว่าเธอเป็นโรคมะเร็งสมองระยะสุดท้ายและ เธอก็มีเวลาอีกไม่มากแล้ว ทำเคมีบำบัดก็มีแต่จะเจ็บ ปวด.….……..”

“เดี๋ยวนะครับ!”

หลิวหยู่หนิงจับแขนนายแพทย์ในทันที ก่อนเบิกตาก ว้างด้วยความตกใจ: “คุณหมอพูดว่าอะไรนะครับ? มะเร็งสมองระยะสุดท้ายอะไร? เคมีบำบัดอะไร?”

“คุณไม่ทราบเหรอครับ?”

นายแพทย์ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเข้มขรึม: “เยนลี่ซู คนไข้คนนี้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งสมองระยะ สุดท้าย มักเกิดอาการกำเริบและตาพร่ามัวอยู่บ่อยๆ แต่ เนื่องมาจากการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งทำให้เส้น ประสาทสมองถูกกดทับ และเราเพิ่งตรวจพบด้วยว่า เธอกำลังตั้งครรภ์ แต่……หมอแนะนำให้เอาเด็กออกให้ เร็วที่สุดจะดีกว่านะครับ..

มะเร็ง……..

เยนลี่ซูเธอเป็นมะเร็งสมองเหรอ?!!
หลังจากที่นายแพทย์จากไป หลิวหยู่หนิงยังคงยืนอยู่ บนทางเดินเป็นเวลานานจนไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ แล้ว ก่อนเขาจะล่วงโทรศัพท์ออกมาและโทรหา ฮันจี้

เรื่องของเยนลี่ซู เขารู้สึกว่า ฮันอี้มีสิทธิ์ที่จะรู้

“เออคือ……เยนลีซู เธอ……”

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ถูกตัด บทโดยฮันอี้ทันที: “อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีก! น่า รังเกียจ!”

“ฮันอี้ นายจะไม่สนใจชีวิตหรือความเป็นความตาย ของเยนลี่ซูเลยจริงๆเหรอ?”

“ฉันคงจะมีความสุขถ้าเธอตาย!”

หลิวหยู่หนิงวางหูโทรศัพท์ คิดว่าลำคอของเขาแห้ง มากราวกับจะแตกอย่างไรอย่างนั้น

ก้มมองลงไปที่โทรศัพท์ในมือของเขา ส่ายหัวอย่าง จนปัญญา ความเกลียด ยัน มีต่อเยนซี่ซูยังฝังแน่นอยู่

เมื่อ หลิวหยู่หนิงผลักเปิดห้องผู้ป่วย เยนลี่ซูก็ตื่นขึ้น มาแล้ว

เมื่อเห็น หลิวหยู่หนิง เยนลี่ซูรู้สึกประหม่ามากนัยน์ตาของเธอตะลึงขึ้นเล็กน้อยและกัดริมฝีปากของ เธอแน่น แข็งเกร็งไปทั่วร่างกาย

หลิวหยู่หนิงเห็นท่าทางประหม่าของเธอ เขาก็แสร้ง ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรและพูดออกมาอย่างสบายว่า “คุณ ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้? ผมไม่ใช่ ฮันอี้ ซะหน่อย”

“เมื่อสักครู่ คุณหมอได้พูดอะไรกับคุณไหม?”

“ไม่ได้พูดอะไรเลย นอกจากเรื่องที่คุณท้อง”

ท้องเหรอ?!

เยนลี่ซูก้มศีรษะลงด้วยความตกใจและมองดูหน้าท้อง แบนของเธอ ห้าปีแล้ว ในที่สุดเธอก็ตั้งท้องลูกของ ฮันอี้ และในที่สุดเธอก็ได้เป็นแม่แล้ว

ด้วยความดีใจทำให้ดวงตาของเธอแดงระเรื่อ เธอ ยกแขนบางของเธอลูบไปที่หน้าท้องส่วนล่าง แต่ก่อนที่ ปลายนิ้วเย็นสั่นของเธอจะวางลง เธอก็หยุดชะงักทันที

รอยยิ้มที่มุมปากของเธอค่อยๆ แข็งค้างไว้อย่างนั้น อย่างช้าๆ ดวงตาที่ฉายแววความหวังของเธอกลับถูก ปกคลุมด้วยหมอกควันอีกครั้ง

เธอกำลังจะตายในไม่ช้านี้แล้ว เธอจะให้กำเนิดลูกคน นี้ได้อย่างไร?

“แค่ก….. ”
หลิวหยู่หนิงยืนอยู่ในห้องผู้ป่วย มองดู เยนลี่ซูที่ เปลี่ยนสีหน้าอย่างหลากหลายอารมณ์ ก็รู้สึกไม่ สบายใจเช่นกัน เขากลัวว่าถ้าเขายังมองต่อไป เขาอาจ จะเป็นโรคซึมเศร้าตามไปด้วยก็ได้เลยรีบไอคัดขึ้น อย่างรวดเร็ว

“ถ้าอย่างนั้น…….คุณก็พักผ่อนเถอะ ผมจะไปแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอกคะ ฉันจะไปเหมือนกัน”

หลิวหยู่หนิงที่กำลังจะหันหลังกลับชะงักขึ้น และเอ่ย ปากถามเสียงสูงโดยไม่ได้ตั้งใจ: “คุณเป็นขนาดนี้แล้ว ยังจะไม่นอนโรงพยาบาลอีกเหรอ?!”

เยนลี่ซูไม่ได้คิดว่าคำตอบของเธอจะทำให้ หลิวห ยู่หนิงตกใจขนาดนี้ เธอนั่งอยู่บนเตียงและไม่รู้จะพูด อะไรต่อ แต่ หลิวหยู่หนิงหลังจากพูดออกไปแล้ว เขาก็ รู้สึกว่าอาจเสียมารยาทเกินไปหน่อย

เขาไอคัดขึ้นมาอีกครั้งและกลับมานิ่ง: “ผมไปส่งคุณ กลับดีกว่า”

“อืม”

เยนลี่ซูเรียกสติกลับมา ก่อนพยักหน้า: “ก็ได้คะ”

แม้ว่า เยนลี่ซูก็คุ้นเคยกับ หลิวหยู่หนิงอยู่บ้าง แต่ เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทของ ฮันอี้ดังนั้นแม้ว่าเธอจะ รู้จักเขามาหลายปี เธอก็ยังรู้สึกเกรงใจหลิวหยู่หนิง อยู่มาก

ดังนั้น ทันทีที่เธอเข้าไปนั่งบนรถของ หลิวหยู่หนิง เธอก็รีบพูดขึ้น “รบกวนคุณหน่อยนะคะ แล้วก็ขอบคุณ จริงๆ”

หลิวหยู่หนิงที่กำลังขับรถอยู่ ปรายตามองเยนลี่ซูที่นั่ง อยู่ข้างคนขับ สีหน้าของเธอซีดขาวมากและริมฝีปาก ของเธอก็ไม่มีสีเลย ขนตาที่โค้งงออย่างเป็นธรรมชาติ นั้นห้อยลงจากดวงตายิ้มคู่นั้น

หลิวหยู่หนิงเคยคิดว่า เยนลี่ซูผู้หญิงคนนี้นั้นสวยมาก ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ความงามนั้นมักเป็นที่ดึงดูดใจ เสมอ แต่เมื่ออยู่ภายใต้อิทธิพลของ ฮันอี้เขาก็ได้มอง ข้ามความงามของผู้หญิงคนนี้แล้ว

“เยนลี่ซู”

สิ่งที่นายแพทย์พูดยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา และในที่สุด หลิวหยู่หนิงก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “จริงๆ แล้ว…….เธอไม่ต้องทรมานตัวเองก็ได้นะ”

เยนลี่ซูยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะคิดว่าเขากำลังพูดถึง การตั้งครรภ์ “ผู้หญิงโหดร้ายอย่างฉัน หลังจากทรมาน คนอื่นแล้ว ก็ควรจะทรมานตัวเองซะบ้าง”

พูดแบบนี้ก็ไม่ผิดนะ
หลิวหยู่หนิงเคยได้ฟังจาก ฮันอี้ ว่าเยนลี่ซูผู้หญิงคนนี้ ทำร้ายอะไรซุนลู่ซินมาบ้าง ถึงแม้ครอบครัวของเธอจะ สูญเสียไปแล้วก็ตาม

แต่ว่าเพราะอะไร?

หลิวหยู่หนิงไม่เข้าใจ ในเมื่อคนทำผิดก็ได้รับโทษแล้ว แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงไม่รู้สึกสบายใจเลยสักนิด แต่ กลับรู้สึกสงสารเยนลี่ซูขึ้นมาอีก?

ตลอดทางนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอะไรอีก

ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลิวหยู่หนิงได้จอดรถตรงหน้าบ้าน ของ เยนลี่ซู

เยนลี่ซูลากร่างกายที่เหนื่อยล้าของตัวเองลงจากรถ และเห็นแสงอบอุ่นสะท้อนออกมาจากหน้าต่างที่บ้าน ของเธอ

ฮันอี้กลับมาเหรอ?

ทําไมเขาถึงกลับมาล่ะ?

เธอคาดเดาไม่ออก เพราะหลังจากพ่อของเธอเสีย ชีวิต เขาก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านหลังนี้อีก

ความคาดหวัง ดีใจและประหลาดใจอย่างไม่น่าเชื่อ ส่งผลกระทบมาที่สมองของ เยนลี่ซูอย่างต่อเนื่อง เธอ รู้สึกสับสนเล็กน้อยจนเริ่มทำตัวไม่ถูก
หลิวหยู่หนิงมองไปที่ เยนลี่ซูสายตาของเขาก็ค่อยๆ อ่อนลง ผิดกับเยนลี่ซูที่มีความดีใจและประหลาดใจ อยู่ๆเขาก็นึกเป็นห่วงขึ้นมา……

เมื่อเยนลี่ซูรีบเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็วและส่ง นิ้วของเธอเพื่อเปิดประตูบ้าน ความรู้สึกก่อนหน้านั้น ทั้งหมดก็พังทลายลงมา!

ซุนลู่ซิน……

มาอยู่ในบ้านของเธอได้อย่างไร?!!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ