บทที่1 มรดกมหาศาล
“ตื้ดๆๆ”
หยางเสี่ยวเทียนเดินอยู่บนทางเท้า ได้ยินเสียงบีบแตรเร่งมา จากทางด้านหลัง
หยางเสี่ยวเทียนหันหลังกลับไปดู เห็นเพียงแค่รถ BMW 5 Series สีขาวคันหนึ่ง ขับตามหลังของเขาอย่างช้าๆ
ที่นั่งคนขับของรถ BMW มีไอ้อ้วนคนหนึ่งนั่งอยู่ ใบหน้าเต็ม
ไปด้วยสิว หนวดเครารกรุงรัง เพียงแค่มองยังรู้สึกน่ารังเกียจ
“หยางเสี่ยวเทียน ดูสิว่าคนนี้คือใคร?” ไอ้อ้วนเลียริมฝีปาก ใบหน้าแสดงออกถึงรอยยิ้มอย่างสมเพช
หยางเสี่ยวเทียนรู้จักเขา อดีตเพื่อนร่วมชั้นในมหาลัย มีชื่อว่า
พันฉาย ที่บ้านเปิดโรงงานเฟอร์นิเจอร์ มีกำไรหลายล้านทุกๆปี
ถึงแม้ว่าหน้าตาจะขี้เหร่ แต่ผู้หญิงที่เคยนอนด้วยนั้นไม่น้อย เลย
มองตามสายตาของพันฉาย เห็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่ หน้าตาสวยงามนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ หน้าอกอวบอิ่ม น่ารักบริสุทธิ์
“เหี้ย จูนจูน!” สีหน้าของหยางเสี่ยวเทียนเปลี่ยนทันที เหมือน กับว่าฟ้าจะถล่มลงมา แล้วก็ถามว่า “จูนจูน ทำไมเธอถึงอยู่กับเขาละ ”
ซึ่งหวั่นจูนสีหน้าขยะแขยง ไม่แม้แต่จะมองหยางเสี่ยวเทียน สักนิด และพูดนิ่งๆว่า “หยางเสี่ยวเทียน ฉันอยู่กับเขา แล้วเกี่ยว อะไรกับนาย?”
“พวกเราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรอ?”
“ฉันว่านายเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเราผิดไปนะ หน้าตา อย่างฉัน จะหาแฟนจนๆที่ส่งไปรษณีย์งั้นหรอ?”
คำว่าจน เหมือนกับมีดเล่มหนึ่ง ปักเข้าไปที่หน้าอกของหยาง เสี่ยวเทียน เจ็บจนเขาแทบจะหายใจไม่ออก
เดิมทีเขาเรียนจบมาจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ขณะที่อยู่ในสถาบันเกรดของเขาโดดเด่น ยังไม่ทันเรียนจบก็มี ค่าเชิญจากบริษัทต่างชาติมากมาย
วันก่อนจบการศึกษา หยางเสี่ยวเทียนเลือกจะกลับประเทศเพ
ราะซ่งหวั่นจูน จึงเป็นเหตุทำให้เขาไม่ได้รับใบจบการศึกษา
ไม่มีการศึกษา บวกกับการที่ห่างหายจากประเทศ ทำให้หา งานที่เหมาะสมไม่ได้ ดังนั้นจึงมาเป็นบุรุษไปรษณีย์ ได้เงินเดือน 3-4 พันหยวน
เงินเดือนเพียงเท่านี้ของเขา ยังไม่พอให้ซึ่งหวั่นจูนเข้าร้านทำ ผมในแต่ละเดือนด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องซื้อเสื้อผ้า เครื่อง ประดับ หรือท่องเที่ยว
“นายเป็นคนดี แต่น่าเสียดาย ที่เป็นคนดีจนๆ” ซึ่งหวั่นจูนพูอย่างดูถูก
“เธอชอบเงินมากขนาดนั้นเลยหรอ?” หยางเสี่ยวเทียนถาม
“มีใครไม่ชอบเงินงั้นหรอ? มีแต่คนที่ไม่มีเงินเท่านั้นแหละถึงจะ ถามคำถามโง่ๆแบบนี้ออกมา!” พันฉายสีหน้าประชดประชัน จงใจเคาะพวงมาลัยรถ BMW ของเขา และนาฬิกาทองเรือน ใหญ่บนข้อมือ
เหมือนกับว่ากำลังบอกใบ้หยางเสี่ยวเทียนว่า ถึงแม้หยาง เสี่ยวเทียนจะพยายามต่อสู้ทั้งชีวิตก็ไม่มีปัญญาซื้อของพวกนี้ได้
“ฉันชอบเงิน ขอแค่มีคนให้เงินฉัน ฉันก็ทำได้ทุกอย่าง!” ยังไง ซะก็แตกแยกแล้ว ซึ่งหวั่นจูนเองก็ไม่สนใจอะไรอีก
“รวมทั้งนอนด้วย?”
ซึ่งหวั่นจูนไม่พูดอะไร ถือซะว่ายอมรับแล้ว
“ดี! เธอบอกราคามาว่านอนกับเธอคืนละเท่าไหร่?” หยาง เสี่ยวเทียน โมโหมาก
กูประหยัดอดออม เสียเงินไปกับมึงตั้งกี่หมื่นหยวน แม้แต่ปาก ยังไม่เคยได้แตะ มึงแม่งกล้าพูดคำพูดแบบนี้ออกมาต่อหน้าก
“หนึ่งล้าน มีปัญญาหามาได้มั้ยละ?”
“เหอะๆ!” หยางเสี่ยวเทียนยื่นออกมาสองนิ้ว พูดอย่างอารมณ์ เสียว่า “กูให้มึงสองล้าน!
“ถ้านายมีปัญญาหาสองล้านมาได้ ฉันยอมเลียนายทั้งตัวแถมท่าทางแต่ละอย่างให้ด้วย นายอย่างจะทำยังไงก็ได้ทั้งนั้น! ซึ่งหวั่นจูนเองก็โมโหแล้ว พูดคำพูดพวกนี้ออกมาด้วยใบหน้า แดงก่ำ
หยางเสี่ยวเทียนถึงกับพูดไม่ออก อึ้งอยู่กับที่ แต่เมื่อพันฉาย ได้ยินคำพูดนี้ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “หยางเสี่ยวเทียน ถ้านายมี ปัญญาหาเงินสองล้านนี้มาได้ เฮียฟางอย่างฉันยอมดื่มแม่น้ำ เย็นเจียงของเมืองเย็นเจียงจนหมดเลย ไอ้จนเอ้ย!”
“อ้อใช่สิ พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงรุ่นที่โรงแรมระดับห้าดาว” ก่อนพัน ฉายจะไป อยู่ๆก็ลดกระจกหน้าต่างลงแล้วพูดประโยคนี้ออกมา
“บอกมันทำไม? นายคิดว่าคนอย่างมันมีสิทธิ์ไปกินข้าวที่ โรงแรมระดับห้าดาวหรอ?” ซึ่งหวั่นจูนพูดประชด
หยางเสี่ยวเทียนโมโหจนกำหมัดแน่น แต่ก็ทำอะไรไม่ถูก คิด ไปถึงที่ว่าเขายอมเสียข้อเสนอดีๆขนาดนั้นเพื่อกลับมาเป็นบุรุษ ไปรษณีย์ แต่สุดท้ายกลับมีจุดจบแบบนี้
ในขณะนี้เอง มีรถ Rolls-Royce สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ข้างถนน เลื่อนกระจกรถลง เลขาสาวคนหนึ่งถามด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ทราบ ว่าใช้คุณหยางเสี่ยวเทียนมั้ยคะ?”
“ผมเองครับ!” หยางเสี่ยวเทียนสีหน้างุนงง
“คุณมีมรดกจำนวนห้าหมื่นล้านที่ต้องไปสืบทอดค่ะ ดังนั้นขอ เชิญคุณไปกับฉันด้วยค่ะ”
บังเอิญว่าพันฉายและซ่งหวั่นจนยังไม่ได้จากไป เมื่อพวกเขาเห็นภาพนี้ ทั้งสองถึงกับทำอะไรไม่ถูก ปฏิกิริยาตอบสนองตกใจ มากกว่าหยางเสี่ยวเทียนซะอีก
ห้าหมื่นล้าน!
ได้ยินสามค่นี้ สิ่งที่หยางเสี่ยวเทียนคิดเป็นอย่างแรกเลยคือ พวกเขาเป็นพวกนักต้มตุ๋น
“เดี๋ยวนี้พวกนักต้มตุ๋นมีระดับสูงขนาดนี้แล้วหรอ? ถึงกับขับ รถ Rolls-Royce ออกมาหลอกลวง” หยางเสี่ยวเทียนมอง สํารวจพวกเธอ
“หยางเสี่ยวเทียน นายเล่นละครได้สมจริงหนิ แม้แต่รถ Rolls-Royce ก็เช่ามาแล้ว? อีกเดี๋ยวก็จะเล่นบทท่านประธานรั้ง คนรักงั้นหรอ?” พันฉายพูดเยาะเย้ยถากถาง
สีหน้าของซ่งหวั่นจนยิ่งเต็มไปด้วยความดูถูก “หยางเสียว เทียน นายใช้ทุกวิถีทางอย่างไม่สนถูกผิดเพื่อที่จะมารั้งฉันไว้ วิธี ตื้นๆแบบนี้คิดว่าฉันจะเชื่ออย่างนั้นหรอ?”
นั่นเป็นถึงรถ Rolls-Royce เลยนะ ราคามหาศาล สามารถซื้อ รถ BMW 5 Series ได้เป็นสิบคันแล้ว
ประเด็นหลักคือ พวกเขารู้ว่าหยางเสี่ยวเทียนเป็นเด็กกำพร้า หลายปีที่เรียนอยู่เมืองนอก ก็พึ่งพาทุนการศึกษาและการ สนับสนุนจากคณบดีทั้งนั้น
ถ้าหากว่าเขามีญาติที่ร่ำรวยจริงๆ จะรอมานับญาติเอาเวลานี้ งั้นหรอ?
“ต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อคะ?” เลขาสาวสวยดูออกว่าใน สายตาของหยางเสี่ยวเทียนมีความสงสัย จึงถามอย่างมี มารยาท
“นอกเสียจากว่าพวกคุณจะทุบรถคันนั้น” หยางเสี่ยวเทียนพูด ออกไป
ถ้าหากว่าได้สืบทอดเงินห้าหมื่นล้านจริงๆ เสียเงินไม่กี่แสน เพื่อซ่อมรถก็คงไม่เป็นไร ถ้าหากไม่สามารถสืบทอดห้าหมื่นล้าน ยังไงซะคนที่ทุบรถก็ไม่ใช่เขา
“ทุบสิ! มา หยางเสี่ยวเทียน กูให้มึงทุบ ทุบให้เละเลยนะ!” ใน
สายตาพันฉาย นี่เป็นสิ่งที่หยางเสี่ยวเทียนสร้างเรื่องขึ้นมาเอง
ดังนั้น พันฉายและซ่งหวั่นจูนจึงเดินลงจากรถ ชี้ไปที่รถ BMW 5 Series คันใหม่เอี่ยม แล้วพูดว่า “ถ้าหากว่าแกไม่กล้าทุบ แกก็ เป็นแค่ไอ้ไก่อ่อนนั่นแหละ! ไอ้จนเอ้ย!”
หยางเสี่ยวเทียนยักไหล่แล้วมองไปที่เลขาสาวสวยด้านในรถ
Rolls-Royce
“ไม่ได้ยินคําพูดของคุณหยางหรอ? ยังไม่รีบทุบอีก!” เลขา สาวสวยพยักหน้าเล็กน้อย
เธอเพิ่งพูดจบ ก็มีบอดี้การ์ดร่างกำยำเดินลงจากรถสองคน เก็บอิฐบนพื้นขึ้นมาแล้วก็ทุบไปที่รถ BMW
ภายใต้คำสั่งของเลขาสาวสวย บอดี้การ์ดสองคนก็ทุบอย่างไม่ไยดี กระจกหน้าต่างก็ทุบเละ ฝากระโปรงหน้ายุบลงไปเป็น หลุมใหญ่
ไฟหน้ารถไม่มีที่ไหนสภาพดีเลย กระจกรถทั้งสองข้างก็ถูกดึง ออกโยนลงพื้นแล้วเหยียบและ
อีก!
หยางเสี่ยวเทียนกลืนน้ำลาย นั่นเป็นถึงรถ BMW 5 Series เลยนะ ราคาอย่างน้อยๆก็ 6 แสนหยวน แต่กลับบอกว่าให้ทุบก็ ทุบเนี่ยนะ
หยางเสี่ยวเทียนใช้หางตาสังเกตท่าทางของพันฉาย และ เตรียมตัวจะหนี
เห็นเพียงสายตาของพันฉายถลนออกมา ใบหน้าแดงก่ำ แล้ว กำหมัดแน่น ดูออกเลยว่าตอนนี้เขาโมโหมากๆ
“หยางเสี่ยวเทียน ถ้าไม่มีปัญญาชดใช้ก็รอเข้าคุกได้เลย” พัน
ฉายเก็บอารมณ์ที่อยากจะทำร้ายหยางเสี่ยวเทียนไว้
ซึ่งหวั่นจูนมีท่าทางแสดงออกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวเอง ยังไง ซะหยางเสี่ยวเทียนจะมีจุดจบยังไงก็ไม่เกี่ยวข้องกับเธอแล้ว
ในที่สุด รถ BMW ถูกทุบจนเละจนหมดสภาพ เลขาสาวจึง โบกมือ แสดงออกว่าให้บอดี้การ์ดทั้งสองหยุด
“อ่ะ ฉันชื่อ เหอเชี่ยน นี่คือนามบัตรของฉัน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะ เอาค่าซ่อมแซมเท่าไหร่ก็ให้โทรมาที่เบอร์นี้” เลขาสาวสวยโยน นามบัตรใบหนึ่งออกมานอกหน้าต่าง
มองดูพันฉายที่โมโหสุดได้เหอเชี่ยนพูดด้วยใบหน้านิ่งๆว่า “ไม่พอใจ งั้นฉันให้นายทุบคืนเอามั้ย?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ